ลำดับพหุนาม
4 ไฟล์และเอกสาร
ลำดับพหุนามคือลำดับที่สามารถเขียนพจนทั่วไปได้เป็นฟังก์ชันพหุนามเช่น
1. ลำดับที่มีพจน์ทั่วไป$a_n=3n-1$เป็นลำดับที่สามารถเขียนพจน์ทั่วไปได้เป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรี1 จึงเรียกลำดับ$a_n=3n-1$ว่าเป็นลำดับพหุนามอันดับที่1....หรือที่รู้จักกันในชื่อลำดับเลขคณิต 2.ลำดับที่มีพจน์ทั่วไป$a_n=n^2+3n-1$เป็นลำดับที่สามารถเขียนพจน์ทั่วไปได้เป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรี2 จึงเรียกลำดับ$a_n=n^2+3n-1$ว่าเป็นลำดับพหุนามอันดับที่2.... หรือ3.ลำดับที่มีพจน์ทั่วไป$a_n=n^3-n^2+3n-1$เป็นลำดับที่สามารถเขียนพจน์ทั่วไปได้เป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรี3 จึงเรียกลำดับ$a_n=n^3-n^2+3n-1$ว่าเป็นลำดับพหุนามอันดับที่3....เป็นต้น ยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงลงไปเช่น จงหาพจน์ทั่วไปของลำดับ $5 , 19 , 42 , 76 , 123 ,...$ ซึ่งลำดับดังกล่าวเป็นลำดับพหุนามอันดับที่3เพราะมีคำตอบเป็น$[a_n=\frac{n^3}{3}+\frac{5}{2}^2+\frac{25}{6}n-2]$ วิธีการระบุว่าเป็นลำดับพหุนามอันดับที่3ได้อย่างไรและการหาพจน์ทั่วไปคืออะไรแสดงรายละเอียดตามภาพ... ซึ่งจะนำไปสู่การหาอนุกรมของลำดับพหุนามได้ต่อไป |
2 ไฟล์และเอกสาร
นอกจากวิธีเชิงเมตริซ์สามารถนำมาใช้หาพจน์ทั่วไปของลำดับที่สามารถเขียนให้อยู่ในรูปฟังก์ชันพหุนามได้แล้ว
ด้วยวิธีการเดียวกันนี้ยังสามารถใช้หาอนุกรมของลำดับนั้นได้ด้วยตัวอย่างเช่นอนุกรม 5+19+42+76+123+...+จนถึงnพจน์จะได้ $S_1=5,S_2=24,S_3=66,S_4=142,S_5=265,S_6=450,...$ นำลำดับของ$S_n$มาหาผลต่างพจน์เป็นชั้นๆจนได้ผลต่างคงที่แล้วนำมาดำเเนินการด้วยวิธีเชิงเมตริกซ์ จะสามารถหาพจน์ทั่วไปของอนุกรมได้ในที่สุด..... |
การใช้เมตริกซ์เลื่อนพหุนาม
2 ไฟล์และเอกสาร
..สุดความสามารถแล้วครับ....พิจารณากันดู
|
การใช้เมตริกซ์คูณพหุนาม
ความพยายามในการรวมมุมมองพหุนามเข้ากับเมตริกซ์-------(มีการแก้ไขครับ)
|
การใช้เมตริกซ์คูณพหุนาม
2 ไฟล์และเอกสาร
อ้างอิง:
|
การคูณเลขฐานโดยใช้พหุนาม
1 ไฟล์และเอกสาร
ขอฟีดผลงานต่อเนื่องเลยล่ะกันครับ
|
พหุนามของความสัมพันธ์เวียนเกิด
...ตัวอย่างเช่นความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้น...
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}$$ เมื่อnเป็นจำนวนนับที่มากกว่าหรือเท่ากับ3... โดยมีพจน์ที่1และ2เป็น$a_1และa_2ตามลำดับ$ ....จะได้ว่าความสัมพันธ์นี้จะมีพจน์ทั่วไปหรือ $$a_n=A\frac{p_1^n}{p_1-p_2} +B\frac{p_2^n}{p_2-p_1} $$ เมื่อ$p_1,p_2เป็นรากของสมการ x^2-\alpha x-\beta =0$ และ$A=\frac{\vmatrix{a_1 & \frac{p_2}{p_2-p_1} \\ a_2 & \frac{p_2^2}{p_2-p_1} } }{\vmatrix{\frac{p_1}{p_1-p_2} & \frac{p_2}{p_2-p_1} \\ \frac{p_1^2}{p_1-p_2} & \frac{p_2^2}{p_2-p_1} } } $ $B=\frac{\vmatrix{ \frac{p_1}{p_1-p_2}&a_1 \\ \frac{p_1^2}{p_1-p_2}&a_2 } }{\vmatrix{\frac{p_1}{p_1-p_2} & \frac{p_2}{p_2-p_1} \\ \frac{p_1^2}{p_1-p_2} & \frac{p_2^2}{p_2-p_1} } } $ |
...กรณีเฉพาะของความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้น...
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}$$ เมื่อnเป็นจำนวนนับที่มากกว่าหรือเท่ากับ3... โดยมีพจน์ที่1และ2หรือ$a_1=1และa_2=\alpha ตามลำดับแล้ว$ ...จะได้ว่าความสัมพันธ์นี้จะมีพจน์ทั่วไปหรือ $$a_n=\frac{p_1^n}{p_1-p_2} +\frac{p_2^n}{p_2-p_1} $$ เมื่อ$p_1,p_2เป็นรากของสมการ x^2-\alpha x-\beta =0$ |
♡พหุนามของความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นย้อนหลังสามพจน์♡
...ความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นและย้อนหลัง3พจน์หรือ...
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}+\gamma a_{n-3}$$ เมื่อnเป็นจำนวนนับที่มากกว่าหรือเท่ากับ4... โดยมีพจน์ที่1,2และ3คือ$a_1=1,a_2=\alpha และa_3=\alpha ^2+\beta ตามลำดับแล้ว$ ...จะได้ความสัมพันธ์นี้จะมีพจน์ทั่วไปหรือ $$a_n=\frac{p_1^{(n+1)}}{(p_1-p_2)(p_1-p_3)} +\frac{p_2^{(n+1)}}{(p_2-p_1)(p_2-p_3)} +\frac{p_3^{(n+1)}}{(p_3-p_1)(p_3-p_2)} $$ เมื่อ$p_1,p_2และp_3เป็นรากของสมการ... x^3-\alpha x^2-\beta x-\gamma =0$ |
อนุกรมของความสัมพันธ์เวียนเกิด
"ลำดับที่มีความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้น...อนุกรมของลำดับนั้นจะมีความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นด้วยเช่นกัน"
...ตัวอย่างเช่นลำดับฟิโบนาชี $$a_n=a_{n-1}+a_{n-2}เมื่อa_1และa_2=1$$หรือ... ลำดับในรูป ...1,1,2,3,5,8,13,21,34,55,89,... จะมีอนุกรมฟิโบนาชีเป็นความสัมพันธ์เวียนเกิดที่เขียนได้ในรูป $$S_n=2S_{n-1}-S_{n-3}เมื่อS_1=1,S_2=2และS_3=4$$ โดย $S_n=a_1+a_2+...+a_n$ |
...ความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นย้อนหลัง2พจน์หรือ..
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2},เมื่อมีพจน์ที่1และ2เท่ากับa_1และa_2ตามลำดับ$$ จะมีอนุกรมของความสัมพันธ์นั้นอยู่ในรูป... $$S_n=(\alpha +1)S_{n-1}+(\beta -\alpha )S_{n-2}-\beta S_{n-3}$$ โดย$S_1=a_1$ $S_2=a_1+a_2$ และ$S_3=a_1+a_2+a_3$ |
รากของพหุนามกับความสัมพันธ์เวียนเกิด
....พหุนามกำลัง3ที่มีรากของสมการอย่างน้อย1ค่าอยู่ระหว่าง0กับ1...และอยู่ในรูป
$$x^3=\alpha x^2+\beta x+\gamma $$ จะสามารถหารากของสมการโดยใช้ความสัมพันธ์เวียนเกิด... $$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}+\gamma a_{n-3}$$ ...โดย$a_1=1,a_2=\alpha และa_3=\alpha ^2+\beta $และรากของสมการกำลังสอง $$\lim_{n \to \infty} [a_nx^2+(\beta a_{n-1}+\gamma a_{n-2})x+\gamma a_{n-1}]=0$$ โดย$0<x<1$จะเป็นคำตอบของสมการพหุนามกำลังสามนั้นด้วย |
ลำดับเลขคณิต-เรขาคณิต
อ้างอิง:
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}$$ โดย$a_1=1และa_2=\alpha $ ซึ่งคือ$x^2=\alpha x+\beta $มีรากสมการเพียงค่าเดียวคือ$p$ ความสัมพันธ์นี้จะมีพจน์ทั่วไปคือ... $$a_n=np^{n-1}$$ |
ลำดับพหุนามกับความสัมพันธ์เวียนเกิด
"ลำดับที่มีพจน์ทั่วไปอยู่ในรูปฟังก์ชันพหุนาม...จะสามารถเขียนลำดับนั้นให้อยู่ในรูปความสัมพันธ์เวียนเกิดได้เสมอ"
เช่น...1.ลำดับ$a_n=3n-1$จะมีรูปแบบความสัมพันธ์เวียนเกิดคือ... $$a_n=2a_{n-1}-a_{n-2}$$ $เมื่อa_1=2และa_2=5$ 2.ลำดับ$a_n=n^2+3n-1$จะมีรูปแบบความสัมพันธ์เวียนเกิดคือ... $$a_n=3a_{n-1}-3a_{n-2}+a_{n-3}$$ $เมื่อa_1=3,a_2=9และa_3=17$ ...หรือ3.ลำดับ$a_n=n^3-n^2+3n-1$จะมีรูปแบบความสัมพันธ์เวียนเกิดคือ... $$a_n=4a_{n-1}-6a_{n-2}+4a_{n-3}-a_{n-4}$$ $เมื่อa_1=2,a_2=9,a_3=26และa_4=59$ |
การหาอันดับของความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้น
เช่นความสัมพันธ์$$a_n=3a_{n-1}-2a_{n-2}โดยa_1=1และa_2=2$$
$$หรือลำดับ1,2,4,8,16,...$$ ...ถ้าดูอย่างผิวเผินจะเห็นว่าเป็นความสัมพันธ์ที่จำเป็นจะต้องรู้พจน์ก่อนหน้าพจน์ที่จะหาถึง2พจน์ แต่ถ้าพิจารณาให้ดีให้ถี่ถ้วนจะเห็นว่าความสัมพันธ์ที่กล่าวถึงนี้คือลำดับเรขาคณิตนั่นเอง.. แค่ทราบพจน์ก่อนหน้าพจน์ที่จะหาเพียงพจน์เดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว .. หรือสามารถเขียนเป็นความสัมพันธ์แทนได้ว่า$a_n=2a_{n-1}เมื่อa_1=1$เท่านั้น..ถูกมั้ยครับ.. ทำให้บอกได้ว่าความสัมพันธ์$a_n=3a_{n-1}-2a_{n-2},a_1=1และa_2=2$... สามารถลดรูปเหลือ$a_n=2a_{n-1},a_1=1$ได้... ซึ่งก็คือความสัมพันธ์$a_n=3a_{n-1}-2a_{n-2},a_1=1และa_2=2$มีอันดับ(Ranking)เท่ากับ1 |
การหาเมตริกซ์อันดับของความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้น
ความสัมพันธ์เวียนเกิด$a_n=3a_{n-1}-2a_{n-2}เมื่อa_1=1และa_2=2$...
หรือลำดับ $1,2,4,8,16,32,...$ 1.เมตริกจัตุรัสมิติ3x3ที่เกิดจากการนำสามพจน์เรียงกันแล้วนำมาเขียนเป็นเมตริกซ์แบบเหลื่อมกันเช่น..$\bmatrix{1 & 2&4\\ 2& 4&8\\4&8&16} ,\bmatrix{2 & 4&8\\ 4& 8&16\\8&16&32}$..เป็นต้น...ต่างมีค่าดิเทอร์มิแนนท์=0 2.เมตริกจัตุรัสมิติ2x2ที่เกิดจากการนำสองพจน์เรียงกันแล้วนำมาเขียนเป็นเมตริกซ์แบบเหลื่อมกันเช่น..$\bmatrix{1 & 2 \\ 2 & 4} ,\bmatrix{2 & 4 \\ 4 & 8}$ ..เป็นต้น...ต่างมีค่าดิเทอร์มิแนนท์=0 เช่นกัน 3..เมตริกจัตุรัสมิติ1x1ที่เกิดจากแต่ละพจน์เช่น..$\bmatrix{1 },\bmatrix{2} ,\bmatrix{4}$ ..เป็นต้น...ต่างก็มีค่าดิเทอร์มิแนนท์ไม่เท่ากับ0 ...เมตริกซ์จัตุรัสที่มีมิติน้อยที่สุดที่เกิดจากการนำพจน์ของความสัมพันธ์เวียนเกิดนั้นมาเขียนเรียงกันในรูปของเมตริกซ์แบบเหลื่อมกัน และทุกๆเมตริกซ์นั้นต่างก็หาค่าดีเทอร์มิแนนท์ได้เท่ากับ0 .เช่นในตัวอย่างนี้ก็คือเมตริกจัตุรัสมิติ2x2...จะได้ว่าอันดับของความสัมพันธ์เวียนเกิดนั้นจะน้อยกว่ามิติของเมตริกซ์อยู่1...ซึ่งก็ค ือมีอันดับของความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นเท่ากับ1...หรืออธิบายได้ว่าลำดับ $1,2,4,8,...$สามารถเขียนให้อยู่ในรูปความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นโดยพจน์ก่อนหน้าเพียง1พจน์ก็เพียงพอแล้ว |
อันดับความสัมพันธ์เวียนเกิดของลำดับเลขณิต
ตัวอย่างเช่น...ลองมาตรวจสอบว่าลำดับเลขคณิตที่เรารู้จักกันนั้นมีอันดับของความสัมพันธ์เวียนเกิดเท่าใด?...
1. ลำดับ$1,3,5,7,9,...$ เมตริกอันดับของลำดับความสัมพันธ์เลขคณิตที่มีผลต่างร่วมd=2นี้คือเมตริกซ์มิติ3x3เพราะว่า..... เมตริกซ์ในรูป$\bmatrix{a_n & a_{n+1}&a_{n+2} \\ a_{n+1} & a_{n+2}&a_{n+3}\\a_{n+2}&a_{n+3}&a_{n+4}} ,ทุกๆจำนวนนับn$ 1.1)ทุกๆเมตริกซ์ของสามพจน์เรียงกันแบบเหลื่อมกันต่างมีdeterminant=0 1.2)เมตริกซ์ที่มีมิติมากกว่านี้เช่นมิติ4x4,5x5หรือ6x6เป็นต้นจะมีdeterminant=0ทุกๆเมตริกซ์ 1.3)เมตริกซ์ที่มีมิติน้อยกว่านี้เช่นมิติ2x2จะมีอย่างน้อยที่สุด1เมตริกซ์ที่determinantไม่เท่ากับ0 ...จึงสรุปได้ว่าลำดับเลขคณิต$1,3,5,7,9,...$มีอันดับของความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นน้อยกว่ามิติของเมตริกซ์อันดับอยู่1...ซึ่งก ็คือมีอันดับเท่ากับ2 2.ลำดับเลขคณิตอื่นๆก็ใช้วิธีการตรวจสอบอันดับเช่นเดียวกันและเข้าใจว่าจะได้อันดับของความสัมพันธ์เป็น2เช่นกัน |
เมตริกซ์,ลำดับเวียนเกิดและความสัมพันธ์เชิงเส้น
ลำดับใดๆ$$a_1,a_2,a_3,...,a_n$$ที่มีเมตริกซ์อันดับ(A)เรียงกันของพจน์ที่แบบเหลื่อมกันในรูป...$$\bmatrix{a_n & a_{n+1}&a_{n+2} \\ a_{n+1} & a_{n+2}&a_{n+3}\\a_{n+2}&a_{n+3}&a_{n+4}}$$
...โดย$a_nคือพจน์ที่ของลำดับในทุกๆพจน์...และเมตริกซ์นี้มีdeterminant=0$... จะสามารถเขียนลำดับนี้แบบความสัมพันธ์เวียนเกิดเชิงเส้นในรูป$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}$$ ...และสามารถหาค่าคงที่$\alpha ,\beta $ได้คือ$$\alpha =-\frac{C_{23}(A)}{C_{33}(A)} ,\beta =-\frac{C_{13}(A)}{C_{33}(A)} $$ เมื่อ$C_{ab}(A)คือโคแฟคเตอร์แถวที่aหลักที่bของเมตริกซ์A$ |
ตัวอย่างที่1
อ้างอิง:
กำหนด...ความสัมพันธ์$a_n=3a_{n-1}+4a_{n-2}$ และ$a_1=1,a_2=3$จงหาพจน์ทั่วไปของความสัมพันธ์นี้ ....1)..พหุนามของความสัมพันธ์นี้คือ$x^2-3x-4=0$ หารากของพหุนามได้ $x=4,-1$ 2)..หรือ$p=4และq=-1$ 3)..ได้ $a_{n}=\frac{4^n}{4-(-1)} +\frac{(-1)^n}{(-1)-4} $ หรือ..$a_n=\frac{4^n}{5} +\frac{(-1)^n}{-5} $ ได้..$a_n=\frac{4^n}{5} -\frac{(-1)^n}{5} $ หรือ..$a_n=\frac{1}{5} (4^n-(-1)^n)$ |
การใช้ความสัมพันธ์แบบย้อนหลังมาพยากรณ์ข้อมูลทางการแพทย์
....ลองยกตัวอย่างลำดับของจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่2019
..เริ่มวันที่21ม.ค.จนถึงวันที่3ก.พ. 9,17,25,41,56,80,106,132,170,213,258,304,362,426,... ทึ่มาข้อมูล:https://www.worldometers.info/coronavirus/ ....ตามแนวโน้มของตัวเลขที่มีอยู่สามารถหาความสัมพันธ์แบบย้อนหลังไป4วัน น่าจะสามารถพยากรณ์ตัวเลขในวันพรุ่งนี้ได้... $$a_n=1.1714a_{n-1}-0.1081a_{n-2}+1.2314a_{n-3}-1.2799a_{n-4}$$ |
อ้างอิง:
ตัวอย่างเช่น พหุนาม$x^3-4x^2+7x-1=0$ แอลฟ่า=4,เบต้า=(-7),แกมม่า=1 สร้างความสัมพันธ์เชิงเส้นซึ่งจะนำไปลดทอนกำลังของพหุนามได้ $a_n=4a_{n-1}-7a_{n-2}+a_{n-3}$ $a_1=1,a_2=4,a_3=9$ หรือเขียนเป็นพจน์ประมาณเก้าพจน์ได้.. ถ้ามากพจน์กว่านี้คำตอบจะมีความละเอียดของทศนิยมมากขึ้น $1,4,9,9,(-25),(-154),(-432),(-675),170,...$ ลดทอนกำลังเหลือพหุนามดีกรีสองได้ $170x^2+[(-7)(-675)+(-432)]x-675=0$ หรือพหุนาม $170x^2+4293x-675=0$ คำตอบที่อยู่ระหว่าง0ถึง1คือ$0.15627$ ซึ่งตัวเลขนี้จะเป็นตำตอบของพหุนาม $x^3-4x^2+7x-1=0$ด้วย ขอบคุณครับ |
อ้างอิง:
$$..............\lim_{n\to \infty} \frac{a_n}{a_{n-1}} สามารถหาได้เท่ากับจำนวนp.................. $$ แล้ว$จำนวน...p...จะเป็นรากสมการหนึ่งของพหุนาม...x^3-\alpha x^2-\beta x-\gamma =0ด้วย$ |
อ้างอิง:
ถ้าพหุนาม..$x^3-\alpha x^2-\beta x-\gamma =0$ มีรากของสมการอยู่ระหว่าง..$-1และ1$แล้ว ความสัมพันธ์เชิงเส้นนั้นจะลู่เข้า... |
อ้างอิง:
อ้างอิง:
ตัวอย่างเช่น... ความสัมพันธ์เชิงเส้น $$a_n=1.1714a_{n-1}-0.1081a_{n-2}+1.2314a_{n-3}-1.2799a_{n-4}$$ มีรากสมการของพหุนาม $$x^4=1.1714x^3-0.1081x^2+1.2314x-1.2799$$ คือ...$xประมาณ0.975019และ1.19131$ ซึ่งมีรากสมการที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตระหว่าง-1กับ1 ส่งผลให้....$$\lim_{n \to \infty} \frac{a_n}{a_{n-1}} \approx 1.19131$$ จึงคาดการณ์ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ลู่เข้า |
อ้างอิง:
เช่น...$$a_{n}=0.5a_{n-1}+0.5a_{n-2}-0.125a_{n-3}$$ และพหุนาม...$x^3=0.5x^2+0.5x-0.125$ ซึ่งมีรากสมการที่..$cos(\pi /7),cos(3\pi/7)และcos(5\pi/7)$ ซึ่งอยู่ระหว่าง-1และ1... และคิดว่า...$$\lim_{n \to \infty} (a_n/a_{n-1})น่าจะเท่ากับ...cos(\pi/7)$$ ถ้าเป็นไปตามนี้...ความสัมพันธ์นี้จะลู่เข้าและลู่เข้าสู่...ศูนย์ |
ความสัมพันธ์เชิงเส้น...
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}+\gamma a_{n-3}$$ $โดยเริ่มต้นที่...a_1,a_2และa_3$ และสามารถหา.. $$\lim_{n\to \infty} \frac{a_n}{a_{n-1}} =1 $$ แล้วความสัมพันธ์นึ้ก็จะลู่เข้าเช่นกัน และน่าจะลู่เข้าสู่จำนวน...$L$ และยังสงสัยอยู่ว่า... $$L=\frac{\gamma a_1+(\gamma+\beta)a_2+(\gamma+\beta+\alpha)a_3}{\alpha+2\beta+3\gamma}$$ |
การหาผลบวกของอนุกรมกำลังที่มีส.ป.ส.อยู่ในรูปความสัมพันธ์เชิงเส้น
เช่น...อนุกรมกำลังที่มีส.ป.ส.ในรูปของความสัมพันธ์ฟิโบนาชี
$$1+ x+2x^2+3x^3+5x^4+8x^5+...+a_nx^{n-1}+...$$ โดยที่...$a_n=a_{n-1}+a_{n-2}...เริ่มที่...a_1=1และ.a_2=1$ ซึ่งถ้าอนุกรมนี้ลู่เข้า.....รัศมีการลู่เข้า...$|x|<\frac{1}{\varphi } $... ...โดยที่..$\varphi คืออัตราส่วนทองคำ$ ผลบวกของอนุกรมกำลังนี้จะสามารถเขียนอยู่ในรูป... เศษส่วนย่อยของพหุนามได้คือ$\frac{-1}{x^2+x-1} $ หรือในความสัมพันธ์ทั่วไป... ถ้าอนุกรมกำลังของความสัมพันธ์นั้นลู่เข้าแล้ว... $$\sum_{n = 1}^{\infty} a_nx^{n-1}=\frac{(\alpha a_1-a_2)x-a_1}{\beta x^2+\alpha x-1} $$ เมื่อ...$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}...โดย...a_1และ.a_2..คือพจน์เริ่มต้นของความสัมพันธ์$ |
เศษส่วนย่อยของอนุกรมกำลังของฟังก์ชันพหุนาม
อ้างอิง:
สามารถหาผลบวกของอนุกรมได้แล้ว... จะสามารถหาผลบวกนั้นได้อยู่ในรูปของเศษส่วนพหุนาม... ...อนุกรมกำลังของฟังก์ชันพหุนามนี่ก็เช่นกัน... จะสามารถหาผลบวกของอนุกรมนั้นได้ในรูป... ผลบวกของเศษส่วนย่อยดังนี้... $$\sum_{n = 1}^{\infty} a_nx^{n-1}=\frac{a_1}{1-x} +\frac{d_1x}{(1-x)^2} +\frac{d_2x^2}{(1-x)^3} +...+\frac{d_kx^k}{(1-x)^{k+1}} ,|x|<1$$ โดย...$a_n$คือความสัมพันธ์ที่อยู่ในรูปแบบฟังก์ชันพหุนาม... เช่น...$a_n=2n^2-3n+1$...และ... $k$...คือดีกรีของพหุนามนั้นเท่ากับ...2...เป็นต้น $a_1...คือพจน์แรกของอนุกรม$... $d_1=a_2-a_1$... $d_2=a_3-2a_2+a_1$... $d_3=a_4-3a_3+3a_2-a_1$... ... $d_k=a_{k+1}-\binom{k}{1} a_k+\binom{k}{2}a_{k-1}-\binom{k}{3}a_{k-2}+...+(-1)^{k-1}\binom{k}{k-1}a_2+(-1)^k\binom{k}{k} a_1$ |
อ้างอิง:
อ้างอิง:
หรือแจกแจงความสัมพันธ์ได้คือ... $1,1,(3/4),(5/8),(8/16),(13/32),...$ ถามว่าความสัมพันธ์นี้ลู่เข้ามั้ย?... และถ้าความสัมพันธ์นั้นลู่เข้า... อนุกรมหรือผลรวมของความสัมพันธ์ยังลู่เข้าอยู่ใช่มั้ย?... ...การคาดการณ์สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้... 1) สร้างพหุนามที่ล้อกับความสีมพันธ์... $x^2=(1/2)x+(1/4)..หรือคือ...4x^2-2x-1=0$... 2) รากสมการพหุนามนั้นคือ...$cos(pi/5)กับcos(3pi/5)$ รากสมการทั้งหมดมีค่าสมบูรณ์ที่น้อยกว่า1...หรือ...$|x|<1$ 3) ทำให้ความสัมพันธ์นี้รวมถึงอนุกรมของความสัมพันธ์ลู่เข้าทันที... 4) สร้างความสัมพันธ์ของอนุกรม... $$S_n=(3/2)S_{n-1}-(1/4)S_{n-2}-(1/4)S_{n-3}...S_1=1,S_2=2และS_3=11/4$$ 5) อนุกรมนี้ลู่เข้าสู่...$L=6$ |
การลู่เข้าของผลรวมของความสัมพันธ์
...ความสัมพันธ์
$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2}...พจน์เริ่มต้น...a_1,a_2$$ ...โดยที่$$\lim_{n \to \infty} \left|\,\frac{a_{n+1}}{a_n} \right| <1$$ ...จะสามารถหาผลรวมของความสัมพันธ์ได้คือ $$\sum_{n = 1}^{\infty} a_n=\frac{(1-\alpha )a_1+a_2}{1-\alpha -\beta } $$ |
ผลรวม...exponential...เชิง...fractorial...
อ้างอิง:
...Taylor's series...ทำให้รู้ค่าการลู่เข้า... ...ของฟังก์ชันเชิงแฟคทอเรียลได้เช่น... ถ้า...$a_n$...คือความสัมพันธ์แบบ...exponential... หรือมีความสัมพันธ์แบบ...linear... กับพจน์ก่อนหน้า... ซึ่งสามารถหาพจน์ทั่วไปของ...$a_n$... $$a_n=\lambda_1p_1^n+\lambda_2p_2^n...,n\geqslant 0$$ ผลรวมของ...$\frac{a_n}{n!}$...จะลู่เข้า... $$a_0+a_1+\frac{a_2}{2!}+\frac{a_3}{3!}+...+\frac{a_n}{n!}$$ และลู่เข้าสู่... $$\sum_{n = 0}^{\infty} \frac{a_n}{n!}=\lambda_1e^{p_1}+\lambda_2e^{p_2}$$ |
ผลรวม...exponential...เชิง...combinatoric
อ้างอิง:
หรือความสัมพันธ์แบบ...exponential...ที่มีพจน์ทั่วไป...$b_n=\lambda_1 p_1^n+\lambda_2 p_2^n$ สามารถหาผลรวมของการเลือกสรรโดยใช้หลักการคอมบินาทอริกได้คือ... $$\binom{n}{0}b_0+\binom{n}{1}b_1+\binom{n}{2}b_2+...+\binom{n}{n-1}b_{n-1}+\binom{n}{n}b_n $$ หรือ... $$\sum_{k = 0}^{n} \binom{n}{k}b_k=\lambda_1 (p_1+1)^n+\lambda_2 (p_2 +1)^n$$ ...ขอบคุณครับ... |
ผลรวมทวินาม...fibonucci
$(1+f)^n=f^{2n}$ เมื่อ...$f^n=F(n)...คือเลขฟิโบนัชที่(n)$ โดย...$F(n)=F(n-1)+F(n-2),F(0)=0,F(1)=1$ หรือ... $$\binom{n}{1}F(1)+\binom{n}{2}F(2)+\binom{n}{3}+...+\binom{n}{n-1}F(n-1)+\binom{n}{n}F(n)=F(2n)$$ เช่น... $\binom{5}{1}F(1)+\binom{5}{2}F(2)+\binom{5}{3}F(3)+\binom{5}{4}F(4)+\binom{5}{5}F(5)=F(10)$ |
ผลรวมทวินาม...fibonucci...$3^{step}$
$(1+2f)^n=f^{3n}$ เมื่อ...$(2f)^n=2^nf^n=2^nF(n)$ โดย...$F(n)=F(n-1)+F(n-2),F(0)=0,F(1)=1$ หรือ... $$(2^1)\binom{n}{1}F(1)+(2^2)\binom{n}{2}F(2)+(2^3)\binom{n}{3}F(3)+...+(2^{n-1})\binom{n}{n-1}F(n-1)+(2^n)\binom{n}{n}F(n)=F(3n)$$ เช่น... $(2)\binom{5}{1}F(1)+(2^2)\binom{5}{2}F(2)+(2^3)\binom{5}{3}F(3)+(2^4)\binom{5}{4}F(4)+(2^5)\binom{5}{5}F(5)=F(15)$ |
อ้างอิง:
1)...กำหนดความสัมพันธ์...$$b_n=\epsilon ^n,โดย...\epsilon คือจำนวนเล็กๆ$$ 2)...หาผลรวมทวินามของความสัมพันธ์...$b_n$ $$\sum_{k = 0}^{n} \binom{n}{k}b_k=(1+\epsilon )^n$$ หรือ... $$1+\binom{n}{1} \epsilon +\binom{n}{2} \epsilon ^2+\binom{n}{3} \epsilon ^3+...+\binom{n}{n-1} \epsilon^{n-1}+\binom{n}{n}\epsilon^n=(1+\epsilon)^n$$ 3)...แทน...$\epsilon=\frac{1}{n}$ ...แล้วเทคลิมิตเข้าสู่อนันต์... $$\lim_{n \to \infty} [\sum_{k = 0}^{n} \binom{n}{k}(\frac{1}{n})^k]=1+1+\frac{1}{2!}+\frac{1}{3!} + ... $$ 4)...ได้ค่า...$e$ $$e=\lim_{n\to \infty} (1+\frac{1}{n} )^n$$ |
ทวินามสลับของเลข...fibonucci
อ้างอิง:
เช่น... 1)...$F(12)=\binom{6}{1}F(1)+\binom{6}{2}F(2)+\binom{6}{3}F(3)+\binom{6}{4}F(4)+\binom{6}{5}F(5)+\binom{6}{6}F(6)$ 2)...$F(2000)=\binom{1000}{1}F(1)+\binom{1000}{2}F(2)+\binom{1000}{3}F(3)+...+\binom{1000}{999}F(999)+\binom{1000}{1000}F(1000)$ เป็นต้น... หรือเขียนเป็นสมการทวินามฟิโบนัชชีคือ... $$(1+f)^n=f^{2n}$$ ในเส้นทางกลับของสมการดังกล่าวคือ... ...เลขฟิโบนัชชีทุกจำนวนสามารถเขียนให้อยู่ในรูปผลต่างทวินามของเลขฟิโบนัชชีตำแหน่งคู่ได้เสมอ... เช่น... 1)... $F(6)=F(12)-\binom{6}{1}F(10)+\binom{6}{2}F(8)-\binom{6}{3}F(6)+\binom{6}{4}F(4)-\binom{6}{5}F(2)$ 2)... $F(7)=F(14)-\binom{7}{1}F(12)+\binom{7}{2}F(10)-\binom{7}{3}F(8)+\binom{7}{4}F(6)-\binom{7}{5}F(4)+\binom{7}{6}F(2)$ 3)...$F(1010)=F(2020)-\binom{1010}{1}F(2018)+\binom{1010}{2}F(2016)-\binom{1010}{3}F(2014)+...+\binom{1010}{1008}F(4)-\binom{1010}{1009}F(2)$ เป็นต้น... หรือเขียนเป็นสมการทวินามฟิโบนัชชีคือ... $$(f^2-1)^n=f^n$$ |
ทวินามลู่เข้าของเลข...fibonucci
ลองพิจารณาซี่รี่ย์...
$$\sum_{n = 0}^{\infty} (2^{1/2-n})\binom{1/2}{n}F(n)$$ หรือ... $$2^\frac{1}{2}\binom{\frac{1}{2}}{0} F(0)+2^{(-\frac{1}{2})}\binom{\frac{1}{2}}{1} F(1)+2^{(-\frac{3}{2})}\binom{\frac{1}{2}}{2} F(2)+2^{(-\frac{5}{2})}\binom{\frac{1}{2}}{3} F(3)+...$$ ลู่เข้ามั้ย?... ถ้าใช้หลักการกระจายทวินามของเลขฟิโบนัชชี... ผลรวมนี้จะลู่เข้าอัตราส่วนของฟังก์ชันtanของมุม$\pi/10$... หรือเขียนสมการทวินามฟิโบนัชชี... $$(2+f)^{\frac{1}{2}}=tan\frac{\pi}{10}$$ โดยที่...$F(n)คือเลขฟิโบนัชชี...,f^n=F(n)$ $\binom{\frac{1}{2}}{n} =\frac{(\frac{1}{2})(\frac{1}{2}-1)(\frac{1}{2}-2)...(\frac{1}{2}-n+1)}{n!}$ |
...อัตราส่วนพายในรูปของอัตราส่วนทองคำ
$$\frac{\pi }{10} =( \frac{2\varphi -3}{2\varphi -1} )^{\frac{1}{2}} -\frac{1}{3} ( \frac{2\varphi -3}{2\varphi -1} )^{\frac{3}{2} }+\frac{1}{5}( \frac{2\varphi -3}{2\varphi -1} )^{\frac{5}{2}} -...+(-1)^{n+1}(\frac{1}{2n-1})( \frac{2\varphi -3}{2\varphi -1} )^{(n-\frac{1}{2})}$$ หรือ... $$\frac{\pi}{10}=\sum_{n = 1}^{\infty} (-1)^{n+1}(\frac{1}{2n-1})( \frac{2\varphi -3}{2\varphi -1} )^{(n-\frac{1}{2})}$$ ...โดย $\varphi =\frac{1+\sqrt{5}}{2}$ |
ผลรวมทวินามของความสัมพันธ์เชิงเส้นแบบเลขคณิต
...เช่นถ้า...$a_n=2n+1$ หรือเป็นความสัมพันธ์เชิงเส้น...$a_n=2a_{n-1}-a_{n-2},โดยที่...a_0=1,a_1=3$ หรือ...$a_n...คือลำดับเลขคณิตที่มีพจน์ทั่วไปเท่ากับ...2n+1$ ...ผลรวมทวินามของความสัมพันธ์นี้ตั้งแต่...$a_0...จนถึง...a_{2n}$...เขียนแทนได้เป็น... $$\binom{2n}{0}a_0+\binom{2n}{1}a_1+\binom{2n}{2}a_2+...+\binom{2n}{2n-1}a_{(2n-1)}+\binom{2n}{2n}a_{(2n)}$$ และจะมีค่าเท่ากับ...$(2n+1)(4^n)$ หรือเขียนได้เป็น... $$\sum_{k = 0}^{2n}\binom{2n}{k}(2k+1)=(2n+1)(4^n)$$ หรือเขียนเป็นสมการทวินามเลขคณิตได้... $$(1+a)^{2n}=(4a)^n$$ ...โดย...$a^n=a_n$,$(4a)^n=(4^n)(a_n)$ |
ทวินามของความสัมพันธ์เชิงเส้น
เช่นที่...$a_n$...มีความสัมพันธ์เชิงเส้นแบบ...$$a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2},เริ่มที่ a_0 และ a_1$$ทวินามของความสัมพันธ์...$a_n$...เขียนแทนด้วย$(1+a)^n$...มีความหมายคือ $$\binom{n}{0}a_0+\binom{n}{1}a_1+\binom{n}{2}a_2+...+\binom{n}{n-1}a_{n-1}+\binom{n}{n}a_n$$จะยังคงมีความสัมพันธ์เชิงเส้นที่สัมพันธ์กับ...$a_n$...เขียนแทนด้วย $$b_n=(\alpha+2)b_{n-1}+(\beta-\alpha-1)b_{n-2},เริ่มที่b_0=a_0 และ b_1=a_0+a_1$$หรือเขียนเป็นสมการทวินามเชิงเส้น... $$(1+a)^n=b^n$$โดย...$a^n=a_n,b^n=b_n$ และ... $a_n=\alpha a_{n-1}+\beta a_{n-2},a_0และa_1$ แล้ว... $b_n=(\alpha+2)b_{n-1}+(\beta-\alpha-1)b_{n-2},b_0=a_0และb_1=a_0+a_1$ |
เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 02:25 |
Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha