[สอวน. มอ. ปัตตานี 2556] สอวน.2556 มอ.
ขอขอบคุณอ.สฮาบูดีน สาและ จากกลุ่มคณิตม.ปลายในเฟซบุ๊คที่เอาข้อสอบมาแจก ในMCอาจารย์ใช้ชื่อว่า Sahaete
|
|
|
|
|
|
|
เอาข้อ31 ง่ายๆก่อยละกันครับ ให้ x=2556
จะได้(x^2-1) /รูท(x-1)^2 จะได้ =x+1 =2556+1 =2557 |
ข้อ26 ตอบ 54
ข้อ19 ตอบ 1/639 ข้อ22 ตอบ 120 |
ข้อ 9 ตอบ 162
|
ข้อ 10 ตอบ 70 ปี
|
ข้อ 11 ตอบ 5461
|
1 ไฟล์และเอกสาร
ใช้ตามรูปรึเปล่า:great::great::great::great::great::great::great::great::great::great::great:
|
ตอนที่2
ข้อ1. $\frac{a+b}{ab}=\frac{1}{6}$ $6(a+b)=ab$ $a=\frac{6b}{b-6}$ เห็นได้ชัดว่า $a,b>6$ ดังนั้น $(a-6)(b-6)=36$ $36=(2^2)(3^2)$ ดังนั้น ตัวประกอบของ 36 มี 9 ตัว คือ$ 1,2,3,4,6,9,12,18,36$ ทั้ง a และ b $=\left\{\,\right. 7,8,9,10,12,15,18,24,42\left.\,\right\} $ ดังนั้น (a,b) มี 18 คู่ แต่หักที่ซ้ำกันคือ (12,12) จึงเหลือ 17คู่ เป็นคำตอบ ข้อ2. เนื่องจากมีหนึ่งคู่ที่ต่างกันอยู่1 นั่นคือ $a_1 ; a_2=a_1+1$ และ $a_n=a_1+n$ ดังนั้น$ (a_1-1)(a_n-n=a_1+n-n=a_1)=a_1(a_1-1)$ ซึ่งเป็นจำนวนที่เรียงกันผลคูณจึงเป็นจำนวนคู่ เพราะฉะนั้นผลคูณของ $(a_1-1)(a_2-2)(a_3-3)...(a_n-n)$ จึงเป็นจำนวนคู่ เป็นคำตอบ ข้อ3. ให้ด้านสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับa A เป็นจุดยอดร่วมของ สามเหลี่ยมP,Q ซึ่งเป็นสามเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ ให้ฐานของสามเหลี่ยมPและQเท่ากับx ดังนั้นฐานและส่วนสูงของสามเหลี่ยมRเท่ากับ $a-x$ พื้นที่สามเหลี่ยม$ R=\frac{1}{2}(a-x)^2$ พื้นที่สามเหลี่ยม $P+Q=ax$ แต่ด้านของสามเหลี่ยมด้านเท่า $2(a-x)^2=a^2+x^2=(a-x)^2+2ax\rightarrow (a-x)^2=2ax$ $\therefore P+Q=R\quad Q.E.D.$ |
ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างทำเลยครับ ยังไงก็ช่วยๆกันเช็ควิธีทำกับคำตอบด้วยครับ
ของคุณballzaน่าจะถูกครับไล่มุมอย่างนั้น ติงนิดเดียวครับในMCอย่าใส่emoticonเยอะครับ เจ้ายกนิ้วนั่นแหละครับ เดี๋ยวโดนแจกใบเหลือง หลายครั้งโดนแจกใบแดง เป็นข้อตกลงร่วมในบอร์ดครับ |
ข้อ 2 ตอบ 39
ข้อ 3 ตอบ 85 ข้อ 4 ตอบ 18$\sqrt{2} \pi$ |
ตอนที่1
ข้อ26. ได้ $y=18\quad\therefore x+y+z=15+18+21=54$ ข้อ27. จากความสัมพันธ์รากกับสปส.ของสมการพหุนามจะได้ $rst=2$ และ $rs+rt+st=-8$ $\therefore \frac{1}{r}+\frac{1}{s}+\frac{1}{t}=\frac{rs+rt+st}{rst}=\frac{-8}{2}=-4$ ข้อ28. $\frac{EFG}{BCE}=\frac{\frac{1}{8}-\frac{1}{20}}{\frac{1}{4}}=\frac{3}{10}$ ข้อ29. $\frac{n+30}{n-1}=1+\frac{31}{n-1}$ $n-1\mid 31$ และ 31 เป็นจำนวนเฉพาะ มีตัวประกอบเพียง 2 ตัว $n\in \mathbf{I} \rightarrow \therefore n$ มีทั้งหมด $2^2=4$ ตัว ข้อ30. ใช้ Apollonius's Theorem ก็ออกเลยครับ ตอบ 6 |
อ้างอิง:
คุณหมอไม่ว่างทำ แล้วจะเอาคำตอบที่ไหนเช็คครับ :D ระดับคุณหมอคงไม่ต้องเช็คแล้วครับ แต่ถ้าจะเช็คคงไม่ยากครับ ไม่เชื่อลองถามคุณชูศักดิ์ดูได้ เพราะผมอ่านกระทู้เก่าๆที่ผ่านมาเมื่อกี้ก็เห็นมีคนเช็คให้นี่ครับ |
อ้างอิง:
|
ขอบคุณครับ แก้แล้วครับ ใช้วิธีเทียบอัตราส่วนฐานสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดร่วมกัน
|
คารวะซือแป๋หยินหยาง ผมก็ทำแบบป้ำๆเป๋อๆ ดีมีคนเมตตาช่วยเช็คให้ ไม่งั้นป้ำๆเป๋อๆออกทะเลครับ ช่วงนี้หาโจทย์เลขม.๔ให้ตัวโตทำ อ่านหนังสือแบบเรียนแล้วต้องเสริมตัวอย่างโจทย์เยอะ หาโจทย์แล้วต้องมานั่งทำเองทุกข้อ ทั้งโจทย์พื้นฐานกับโจทย์เข้ามหาวิทยาลัย เลยไม่ว่างทำโจทย์เลเวลโหดๆ เดี๋ยวหาเวลามาทำช่วยครับ
|
#21 ได้แต่บอกอีกครั้งว่า ลองดูอีกทีครับ
#22 เจ้าตัวโตโชคดีครับที่มีคุณพ่อคอยสนับสนุนและส่งเสริม ลูกไม้คงหล่นไม่ไกลต้นครับ |
แก้ครั้งที่2 ครั้งนี้คงไม่ผิด ขอบคุณอีกครั้ง
|
อ้างอิง:
|
1 ไฟล์และเอกสาร
Attachment 14633
วิธีคิดของผม $\triangle BCE=\frac{1}{4}\diamondsuit ABCD$ $\triangle AEF=\frac{1}{8}\diamondsuit ABCD$ $\triangle ABE=\frac{1}{2}\diamondsuit ABCD$ $\frac{\triangle AEF}{\triangle ABE}=\frac{FG}{BG}=\frac{1}{4}$ $\therefore \triangle AFG=\frac{1}{5}\triangle ABF=(\frac{1}{5})(\frac{1}{4})\diamondsuit ABCD$ $\triangle EFG=\frac{1}{8}-\frac{1}{20}\diamondsuit ABCD$ ดังนั้น $\frac{\triangle EFG}{\triangle BCE}=\frac{\frac{1}{8}-\frac{1}{20}}{\frac{1}{4}}=\frac{3}{10}$:) ถ้ามีเวลาท่านหยินหยางช่วยตรวจสอบความถูกต้อง3ข้อ ในตอนที่2หน่อยนะครับ |
#26 ชัดเจนครับ :great: บรรทัดก่อนสุดท้ายใส่วงเล็บตรง (1/8-1/20) แล้วก็ตรงที่จะสื่อว่าเป็นพื้นที่ใช้เป็น [...] ก็จะดีครับ
|
ข้อ1 ตอบ 135 องศา
ข้อ2 ตอบ 39 องศา ข้อ3 ตอบ 55 องศา ข้อ7 ตอบ -2 ข้อ13 ตอบ 2 ข้อ20 ตอบ 8.5 |
19.ให้ $x=2556$
จะได้ $A=\frac{x^2+2x+1}{x},B=\frac{x^2-2x+1}{x}$ $\sqrt{AB}=\frac{(x+1)(x-1)}{x}$ $A+B-2 \sqrt{AB}=\frac{x^2+2x+1}{x}+\frac{x^2-2x+1}{x}-2\frac{(x+1)(x-1)}{x}=\frac{1}{639} $ 21.ง่ายมากครับ $(1+a)(1+b)(1+c)=abc+ab+ac+bc+a+b+c+1$ หา abc จาก $\frac{ab+ac+bc}{abc}=2$ $\therefore abc=(-1)$ แทนค่าจะได้$ (-1)+(-2)+1+1=(-1)$ |
1 ไฟล์และเอกสาร
ข้อที่น้องส่งpmไปถาม ผมไม่ถนัดเรขาจริงๆ พยายามทวนแล้วมันไม่ก้าวหน้าอะไรเลย ไปขอวิธีทำจากอาจารย์สฮาบูดีนมาครับ
|
สอวน. มอ. ปัตตานี 2556
1 ไฟล์และเอกสาร
ลองพิจารณาวิธีคิดข้อ 29 ตามไฟล์แนบนะครับ
|
อ้างอิง:
ตามที่คุณ artty60 เขียนด้านบนครับ ยกเว้นโจทย์จะเปลี่ยนหาจำนวนเต็มบวกเท่านั้น |
สอวน. มอ. ปัตตานี 2556
อ้างอิง:
|
เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 22:33 |
Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha