Mathcenter Forum

Mathcenter Forum (https://www.mathcenter.net/forum/index.php)
-   ฟรีสไตล์ (https://www.mathcenter.net/forum/forumdisplay.php?f=6)
-   -   ถ้าอยู่ในสถาณการณ์ที่จนมุมสุด ๆ (https://www.mathcenter.net/forum/showthread.php?t=19181)

เอกสิทธิ์ 03 พฤษภาคม 2013 16:41

ถ้าอยู่ในสถาณการณ์ที่จนมุมสุด ๆ
 
หมดหนทางออก จะทำกันอย่างไรครับ ใครรู้ช่วยบอกที
ผมรู้สึกว่าท้อไปหมดเลยครับ

FranceZii Siriseth 03 พฤษภาคม 2013 22:00

แนะนำให้ออกทางทีเราเข้ามาครับหาต้นเหตุให้เจอ สู้ๆครับ

Keehlzver 03 พฤษภาคม 2013 23:58

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ เอกสิทธิ์ (ข้อความที่ 160781)
หมดหนทางออก จะทำกันอย่างไรครับ ใครรู้ช่วยบอกที
ผมรู้สึกว่าท้อไปหมดเลยครับ

เรื่องอะไรครับ เรื่องหนังสือ หรือเรื่องส่วนตัว??

Guntitat Gun 04 พฤษภาคม 2013 14:54

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ FranceZii Siriseth (ข้อความที่ 160799)
แนะนำให้ออกทางทีเราเข้ามาครับหาต้นเหตุให้เจอ สู้ๆครับ

เห็นด้วยครับ

เอกสิทธิ์ 04 พฤษภาคม 2013 22:42

ทั้งเรื่องหนังสือและเรื่องส่วนตัวครับ
เรื่องหนังสือ ผมก็กลุ้มใจจริง ๆ ว่าทำไมไม่มีใครมาซื้อเสียที คิดไม่ออกแล้วว่าจะโปรโมทอย่างไร
เรื่องส่วนตัวก็มีครับ อยู่มาขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ
ถ้าทำเรื่องหนังสือให้สำเร็จก็จะพอมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง

เอกสิทธิ์ 04 พฤษภาคม 2013 23:03

ตอนนี้ผมกำลังทำหนังสือขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งครับ ชื่อประยุกต์คณิต ปัญหาของการเรียนวิชาคณิตในบ้านเรานั้น ผมว่ามันมีปัญหาบางอย่าง บางทีมันไม่ตอบโจทย์การนำไปแก้ปัญหา ผมเคยเป็นติวเตอร์ขณะที่กำลังสอนวิชาแคลคูลัสอยู่ มีเด็กคนหนึ่งถามว่าวิชาที่พี่สอนมันช่วยอะไรได้บ้าง เดี๋ยวหนูก็จะไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนี่ พี่พอจะแนะนำได้ไหมค่ะ ผมก็อึ้ง ๆ นิด ๆ อาจจะประยุกต์โดยการเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกำไรที่ได้กับราคาก๋วยเตี๋ยว เพื่อหาราคาที่เหมาะสม แต่ผมว่าไม่ดูคนขายข้าง ๆ ดีกว่ามั้งว่าเขาขายราคาเท่าใด เราก็ตามเขาไป หรือขายถูกกว่าตัดราคาเขา แล้วแต่เรา หาขนาดของลูกชิ้นที่เหมาะสมหรือ

ขณะที่ผมกำลังสอนการแก้สมการ เด็กก็ถามว่าการแก้สมการเอาไปใช้ทำอะไรได้ เรื่องจริงเราจะเจอปัญหาการแก้สมการแบบนี้ในชีวิตจริงด้วยหรือค่ะ เอาเวลาไปฝึกภาษาไม่ดีกว่าหรือ

แต่ผมอยากบอกว่าตอนนี้วิชาคณิตศาสตร์ในส่วนของการแก้สมการ ผมได้ใช้จริง ๆ เช่นสมการ
0.9 * 1.15^y >= 4.15 ค่า y ควรมีค่าน้อยที่สุดเท่าใด

บางทีเราอาจจะต้องปฎิรูป การสอนคณิตศาสตร์ของเรา โดยเน้นผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง เน้นการนำไปใช้ให้มาก ๆ

mongravirna 05 พฤษภาคม 2013 00:02

ขออนุญาตเสนอความเห็น...

ถ้าเป็นเรื่องหนังสือนะครับ ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมีหลักๆประมาณนี้ฮะ
ขอเน้นแค่หนังสือคณิตศาสตร์ละกันนะครับ...


ก่อนอื่นผมนึกถึงปัจจัยที่เราจัดการได้ก่อน...

1. ชื่อเสียงของผู้แต่ง

เวลาผมซื้อหนังสือ ผมจะชอบดูก่อนว่าคนที่เขียนมีดีกรีขนาดไหนในวงการครับ
ถ้าเป็นในวงการคณิตศาสตร์ ก็อาจจะพลิกดูก่อนว่าชื่อนี้เป็นใคร เป็น professor ที่มีชื่อเสียงมากหรือเปล่า?
ถ้าไม่ได้เป็นนักคณิตศาสตร์แล้วมาเขียนหนังสือคณิตศาสตร์ ผมก็จะดูต่อไปว่าเขาเคยคลุกคลีกับคณิตศาสตร์มากน้อยแค่ไหน
มีอะไรมาการันตีความสามารถตัวเองหรือเปล่า? เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการหรืออื่นๆก็น่าจะได้...

อย่างน้อยที่สุด ผู้แต่งก็ควรจะสั่งสมอะไรบางอย่างที่การันตีให้เราแน่ใจได้ว่าเขารู้จริงในสิ่งที่เขียนครับ
ไม่งั้นผมก็เสียเงินไปฟรีๆ เรื่องอะไรจะยอม...


2. คุณภาพของหนังสือ

อันนี้ต่างจากข้อแรกตรงที่ว่า ข้อแรกคนซื้อไม่ต้องพิจารณาไตร่ตรองด้วยตัวเอง แค่ไปไล่ดูประวัติของคนเขียนก็พอ
แต่ข้อนี้กลับกัน คือปิดชื่อคนเขียนไปเลย แล้วก็ค่อยๆดู Preface ค่อยๆดู Introduction
ว่าเขาเขียนได้น่าสนใจไหม มีการเล่าเรื่องอะไรให้เรารู้สึกว่า "อยากรู้ว่าบรรทัดถัดไปเขาจะพูดอะไร" หรือเปล่า...

ถ้าคุณภาพดีจริง เรื่องชื่อเสียงก็อาจจะไม่สำคัญมากครับ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนจะมีเวลามาสุนทรีย์ค่อยๆละเมียดละไมพิจารณาคุณภาพหนังสือ
ถ้าหนังสือเขียนโดยโนเนม บางทีอาจจะไม่เปิดดูข้างในเลยก็ได้ครับ...


3. การโปรโมต

อันนี้เป็นลูกเล่นการใช้ชีวิตในสังคมครับ
อาจจะตั้งชื่อหนังสือให้น่าดึงดูดใจแต่แรก แค่เห็นชื่อก็รู้สึกว่าอยากซื้อแล้ว
หรืออาจจะมีโฆษณาจากทางอื่นๆมาก่อน

ลองดูวิธีการโปรโมตจาก GTH ที่ทำกับหนังเรื่องพี่มากก็ได้ครับ เกิน 500 ล้านไปแล้ว
ทั้งที่เนื้องานก็ไม่น่าจะถือได้ว่าดีกว่างานชิ้นก่อนๆของ GTH อย่างมีนัยสำคัญมากนัก
(คือหนังมันดีมากครับ แต่ "ดีกว่า" งานชิ้นก่อนๆไม่เยอะขนาดที่จะไม่รู้สึกแปลกใจที่รายได้มันมากขนาดนี้)

.........................

ส่วนปัจจัยที่เราคุมไม่ได้ก็พวกวัฒนธรรมการอ่านหนังสือในบ้านเรา

อันนี้ทำใจครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนใจอ่านหนังสือ โดยเฉพาะตำราทางวิชาการ
เพราะงั้นเขียนมาขายในไทย อาจจะต้องทำใจขาดทุนไว้แต่แรกเลยแหละครับ

อาเมน!!!

เอกสิทธิ์ 05 พฤษภาคม 2013 00:21

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ mongravirna (ข้อความที่ 160865)
ขออนุญาตเสนอความเห็น...

ถ้าเป็นเรื่องหนังสือนะครับ ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมีหลักๆประมาณนี้ฮะ
ขอเน้นแค่หนังสือคณิตศาสตร์ละกันนะครับ...


ก่อนอื่นผมนึกถึงปัจจัยที่เราจัดการได้ก่อน...

1. ชื่อเสียงของผู้แต่ง

เวลาผมซื้อหนังสือ ผมจะชอบดูก่อนว่าคนที่เขียนมีดีกรีขนาดไหนในวงการครับ
ถ้าเป็นในวงการคณิตศาสตร์ ก็อาจจะพลิกดูก่อนว่าชื่อนี้เป็นใคร เป็น professor ที่มีชื่อเสียงมากหรือเปล่า?
ถ้าไม่ได้เป็นนักคณิตศาสตร์แล้วมาเขียนหนังสือคณิตศาสตร์ ผมก็จะดูต่อไปว่าเขาเคยคลุกคลีกับคณิตศาสตร์มากน้อยแค่ไหน
มีอะไรมาการันตีความสามารถตัวเองหรือเปล่า? เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการหรืออื่นๆก็น่าจะได้...

อย่างน้อยที่สุด ผู้แต่งก็ควรจะสั่งสมอะไรบางอย่างที่การันตีให้เราแน่ใจได้ว่าเขารู้จริงในสิ่งที่เขียนครับ
ไม่งั้นผมก็เสียเงินไปฟรีๆ เรื่องอะไรจะยอม...


2. คุณภาพของหนังสือ

อันนี้ต่างจากข้อแรกตรงที่ว่า ข้อแรกคนซื้อไม่ต้องพิจารณาไตร่ตรองด้วยตัวเอง แค่ไปไล่ดูประวัติของคนเขียนก็พอ
แต่ข้อนี้กลับกัน คือปิดชื่อคนเขียนไปเลย แล้วก็ค่อยๆดู Preface ค่อยๆดู Introduction
ว่าเขาเขียนได้น่าสนใจไหม มีการเล่าเรื่องอะไรให้เรารู้สึกว่า "อยากรู้ว่าบรรทัดถัดไปเขาจะพูดอะไร" หรือเปล่า...

ถ้าคุณภาพดีจริง เรื่องชื่อเสียงก็อาจจะไม่สำคัญมากครับ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนจะมีเวลามาสุนทรีย์ค่อยๆละเมียดละไมพิจารณาคุณภาพหนังสือ
ถ้าหนังสือเขียนโดยโนเนม บางทีอาจจะไม่เปิดดูข้างในเลยก็ได้ครับ...


3. การโปรโมต

อันนี้เป็นลูกเล่นการใช้ชีวิตในสังคมครับ
อาจจะตั้งชื่อหนังสือให้น่าดึงดูดใจแต่แรก แค่เห็นชื่อก็รู้สึกว่าอยากซื้อแล้ว
หรืออาจจะมีโฆษณาจากทางอื่นๆมาก่อน

ลองดูวิธีการโปรโมตจาก GTH ที่ทำกับหนังเรื่องพี่มากก็ได้ครับ เกิน 500 ล้านไปแล้ว
ทั้งที่เนื้องานก็ไม่น่าจะถือได้ว่าดีกว่างานชิ้นก่อนๆของ GTH อย่างมีนัยสำคัญมากนัก
(คือหนังมันดีมากครับ แต่ "ดีกว่า" งานชิ้นก่อนๆไม่เยอะขนาดที่จะไม่รู้สึกแปลกใจที่รายได้มันมากขนาดนี้)

.........................

ส่วนปัจจัยที่เราคุมไม่ได้ก็พวกวัฒนธรรมการอ่านหนังสือในบ้านเรา

อันนี้ทำใจครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนใจอ่านหนังสือ โดยเฉพาะตำราทางวิชาการ
เพราะงั้นเขียนมาขายในไทย อาจจะต้องทำใจขาดทุนไว้แต่แรกเลยแหละครับ

อาเมน!!!

ขอบคุณครับ ชื่อเสียงที่ผ่านมา ลองดูผลงานที่ผมเคยเขียนในนิตยสาร mymaths ได้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าพอเพียงหรือเปล่าครับ

เอกสิทธิ์ 05 พฤษภาคม 2013 00:22

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ เอกสิทธิ์ (ข้อความที่ 160866)
ขอบคุณครับ ชื่อเสียงที่ผ่านมา ลองดูผลงานที่ผมเคยเขียนในนิตยสาร mymaths ได้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าพอเพียงหรือเปล่าครับ

แต่ที่ผมสังเกตอย่าง ถ้าให้อ่านฟรีคนdownloadเต็ม

mongravirna 05 พฤษภาคม 2013 03:12

ที่ผมพูดไปคือสาเหตุที่ผมเดาว่าอาจจะมีคนคิดแบบนี้น่ะครับ

ส่วนตัวผมเองไม่ได้ซื้อหนังสือคณิตศาสตร์ภาษาไทยมานานมากแล้วครับ :)

จริงๆสมัยก่อนเคยซื้อหนังสือภาษาไทยเพราะอยากสนับสนุนคนไทยด้วยกัน (ไม่ใช่แค่หนังสือคณิตศาสตร์ หนังสือทุกประเภทที่ผมสนใจ)
แต่หลังๆเริ่มรู้สึกว่า ถ้าคุณภาพสู้ไม่ได้จริงๆก็ไม่เอาดีกว่า
หนังสือทั่วไปแปลมายังพอโอเค แต่หนังสือคณิตศาสตร์ที่แปลมา อ่านดูแล้วรู้สึกว่าทำได้ไม่ค่อยดีครับ
บางที font สมการไม่กลืนไปกับตัวหนังสือภาษาไทย หรือใหญ่กว่าเล็กกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ก็แอบหงุดหงิดแล้ว...

จริงปัญหาหลักๆคือหลังๆ "หนังสือเยอะจนไม่มีที่เก็บ" ครับ เลยต้องเข้มงวดกับแต่ละเล่มที่จะเข้ามาในบ้านหน่อย
ก่อนหน้านี้หลายเดือนผมเริ่มใช้มาตรการว่า เวลาจะซื้อหนังสือเล่มไหนก็ตาม
ผมจะถามตัวเองว่า "ถ้าต้องเก็บรักษาดูแลหนังสือเล่มนี้ไปอีก 50 ปี จะโอเคไหม?"

หนังสือภาษาไทย(ที่คนไทยเขียน ไม่ใช่หนังสือแปล)ที่เข้ามาเลยน้อยลงไปแบบแทบไม่เหลือเลยครับ

เพิ่งมาสังเกตเมื่อไม่นานมานี้ ถึงได้รู้ตัวว่าฝีมือคนไทยยังห่างกับต่างชาติอยู่พอสมควรเลยนะ...
(แน่นอนว่าผมไม่ได้แอนตี้หนังสือไทยครับ ถ้าคุณภาพเทียบเท่าหนังสือดีๆจากต่างประเทศ และก็เขียนอยู่ในขอบข่ายความสนใจของผมจริงๆ ผมก็คิดว่าไม่เสียดายเงินถ้าจะต้องซื้อแน่นอนครับ พร้อมให้โอกาสเพื่อนร่วมชาติด้วยกันเสมอ)

กิตติ 05 พฤษภาคม 2013 10:21

คุณเอกสิทธฺ์ครับ ในเรื่องหนังสือผมคงไม่มีคำแนะนำ แต่ผมบอกได้อย่างหนึ่งว่า ผมดาวน์โหลดเอกสารคณิตศาสตร์มาอ่านเพื่อจะสอนให้ลูก เนื้อหาม.ปลายนั้นมีให้โหลดฟรี ดี และเยอะมากจนตาลาย โดยเฉพาะe-bookเล่มมหาคัมภีร์หนา 800หน้าของคูณคณิต ข้อสอบต่างๆสำหรับสอบเข้ามหาลัยทั้งตัวข้อสอบและเฉลยก็มีให้โหลดเพียบ ดังนั้นหนังสือคณิตแนวเตรียมสอบเข้ามหาลัยค่อนข้างจะมีคู่แข่งเยอะ ถ้าจะทำแนวเสริมความรู้ ผมบอกเลยว่านักเรียนหรือผู้ใหญ่ที่สนใจคณิตศาสตร์นั้นมีกลุ่มเล็กๆเท่านั้น และยิ่งในเนตมีหนังสือ เอกสารที่โหลดมาอ่านเองได้อีกเพียบ การทำหนังสือเพื่อกลุ่มเป้าหมายนี้คงจะไปยาก

ผมก็เพิ่งได้ยินจากหมอรุ่นน้องที่ไปเรียนต่อที่ศิริราชว่า อาจารย์หมอเล่าให้ฟังอีกทีว่า เวลาเลือกนักเรียนเข้าไปเรียนแพทย์ถ้าคะแนนคณิตไม่ถึงครึ่งก็คัดออก แม้ว่าจะได้คะแนนวิชาอื่นเยอะ ถึงจะได้ชีวะถึง 80ก็ยังไม่แน่ เพราะคณิตเป็นวิชาที่ใช้เรื่องของตรรกะและเป็นแม่แบบในการใช้แก้ปัญหา บอกเด็กที่คุณติวเลยว่ามีผลแน่ๆ และแม้จะไม่เรียนหมอ ผมก็เชื่อว่าตรรกะและการแก้ปัญหาของคนที่เก่งคณิตนั้นดีกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน

ข้อต่อมาในเรื่องของชีวิตส่วนตัว ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ของอาจารย์คิมรันโด"พันครั้งที่หวั่นไหว กว่าจะเป็นผู้ใหญ่" ผมกำลังนั่งอ่านอยู่ ลองอ่านเรื่องไผ่ขน เหมาจู๋ หลังจากหว่านเมล็ดแล้วจะไม่มีอะไรงอกจากดิน จนกว่าจะครบห้าปี หน่อจึงจะแทงยอดวันละหลายสิบเซนต์ในวันเดียวจนเป็นไผ่สูง ๒๕ เมตรได้ เช่นเดียวกับการต้มน้ำเมื่ออุณหภูมิยังไม่ถึง ๑๐๐ องศา ก็ยังจะดูเหมือนไม่มีอะไร จนถึงอุณหภูมิแล้วน้ำจะกลายเป็นไอ "เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด คุณต้องอดทนรอให้ช่วงเวลาที่ล้มเหลวผ่านพ้นไป"
"ถ้าไม่มีอุปสรรคก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ ต้องเจ็บปวดพันครั้งจึงจะเป็นผู้ใหญ่"
"เพราะการเจออุปสรรคเล็กน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะอุปสรรคที่เกิดขึ้นก็คือเส้นทางปกติที่เราใช้ก้าวเดินข้ามผ่านสู่ การเป็นผู้้ใหญ่ "
คำปลอบเพียงประโยคเดียวที่อ.คิมรันโดแนะนำชายหนุ่มผู้ท้อแท้กับมรสุมชีวิตจนถึงขั้นเกือบจะฆ่าตัวตาย
"Amor Fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ"
ถ้าไม่รักชะตาชีวิตตัวเองแล้ว คงไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆได้
"ขอให้คุณตระหนักถึงชะตาชีวิตของตัวเอง จงอดทนและผูกมิตรกับโชคชะตา"

ในเกมชีวิต ไม่มีใครกำหนดว่าเราต้องดิ้นรนตลอดเวลา เรากำหนดได้เองว่าเราอยากพักเมื่อไหร่ ถ้าคุณคิดว่าเหนื่อย ก็นั่งพักก่อน รอแรงกายแรงใจฟื้น ค่อยลงไปเล่นเกมชีวิตต่อ เชื่อผมเถอะไม่ได้มีใครบังคับคุณ คุณต่างหากที่ยังไม่ยอมนั่งพักเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้า การได้พักจะทำให้คุณมองเห็นอะไรดีขึ้นและต่างจากจุดที่คุณอยู่ ผมเชื่ออย่างนั้น!



เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 21:01

Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha