Mathcenter Forum

Mathcenter Forum (https://www.mathcenter.net/forum/index.php)
-   ฟรีสไตล์ (https://www.mathcenter.net/forum/forumdisplay.php?f=6)
-   -   เกี่ยวกับโอลิมปิกวิชาการครับ (https://www.mathcenter.net/forum/showthread.php?t=10671)

A New Hope 26 เมษายน 2010 22:08

เกี่ยวกับโอลิมปิกวิชาการครับ
 
ผมเคยลองเปิดดูหนังสือของ สอวน. ตรงคำนำเขียนว่า "เพื่อให้เด็กที่มีความสนใจ มีความรู้เท่ากับ โรงเรียนมัธยมสากล"

ผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ แต่ว่าผมไม่เข้าใจว่า ตอนนี้ทำไม ประเทศไทยการศึกษา เป็นถึงขนาดนี้หรอครับ

ทำไมถึงไม่เท่าเทียมกันทั้งประเทศหละครับ ผมไม่เข้าใจเลย ถ้าไม่กวดวิชาก็อ่านเอง แต่ส่วนใหญ่ ผมคิดว่าจะเป็น

Textbook มากกว่า เท่าที่ผมเห็นมาจะมีแต่กวดวิชาเพื่อโอลิมปิกทั้งนั้น คนไทยเรียนเพื่อสอบไปแล้วหรอครับ

ได้โอลิมปิกมาแล้ว ทำไมถึงไม่คิดทฤษฎี อะไรบ้างหละครับ บางคนก็มาเปิดกวดวิชาเอง

แล้วผมก็ไม่เข้าใจว่า กระทรวงศึกษาธิการ ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่า ให้เปิดหลักสูตรกวดวิชาได้ แต่ไม่พัฒนาหลักสูตร

ของกระทรวงเอง

เวลาในห้องเรียน ผมคิดว่าเนื้อหาที่คนอื่นเรียน คือหนังสือกระทรวง ที่ ป.6 ผมเรียนคือจะมี แค่ ครน,หรม สมการ

ที่ผมเรียนมามันอย่างง่ายมากครับ แต่เมื่อผมมาเจอเว็บนี้ ผมคิดว่า ผมยังทำโจทย์ของเด็กประถมต้นไม่ได้ด้วยซ้ำ

ผมไม่เคยคิดว่าจำเป็นต้องกวดวิชาเลย เพราะเรียนในห้องก็ดีพอแล้ว แต่ตอนนี้ผมคิดว่าไม่ใช่

ถ้าผมมีมุมมองที่แคบไป ผมขอโทษด้วยนะครับ

เทพแห่งคณิตศาสตร์ตัวจริง 26 เมษายน 2010 22:37

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ A New Hope (ข้อความที่ 86082)
ผมเคยลองเปิดดูหนังสือของ สอวน. ตรงคำนำเขียนว่า "เพื่อให้เด็กที่มีความสนใจ มีความรู้เท่ากับ โรงเรียนมัธยมสากล"

ผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ แต่ว่าผมไม่เข้าใจว่า ตอนนี้ทำไม ประเทศไทยการศึกษา เป็นถึงขนาดนี้หรอครับ

ทำไมถึงไม่เท่าเทียมกันทั้งประเทศหละครับ ผมไม่เข้าใจเลย ถ้าไม่กวดวิชาก็อ่านเอง แต่ส่วนใหญ่ ผมคิดว่าจะเป็น

Textbook มากกว่า เท่าที่ผมเห็นมาจะมีแต่กวดวิชาเพื่อโอลิมปิกทั้งนั้น คนไทยเรียนเพื่อสอบไปแล้วหรอครับ

ได้โอลิมปิกมาแล้ว ทำไมถึงไม่คิดทฤษฎี อะไรบ้างหละครับ บางคนก็มาเปิดกวดวิชาเอง

แล้วผมก็ไม่เข้าใจว่า กระทรวงศึกษาธิการ ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่า ให้เปิดหลักสูตรกวดวิชาได้ แต่ไม่พัฒนาหลักสูตร

ของกระทรวงเอง

เวลาในห้องเรียน ผมคิดว่าเนื้อหาที่คนอื่นเรียน คือหนังสือกระทรวง ที่ ป.6 ผมเรียนคือจะมี แค่ ครน,หรม สมการ

ที่ผมเรียนมามันอย่างง่ายมากครับ แต่เมื่อผมมาเจอเว็บนี้ ผมคิดว่า ผมยังทำโจทย์ของเด็กประถมต้นไม่ได้ด้วยซ้ำ

ผมไม่เคยคิดว่าจำเป็นต้องกวดวิชาเลย เพราะเรียนในห้องก็ดีพอแล้ว แต่ตอนนี้ผมคิดว่าไม่ใช่

ถ้าผมมีมุมมองที่แคบไป ผมขอโทษด้วยนะครับ

ในมุมมองของผมนะครับ:)

การที่จำเป็นต้องให้เปิดกวดวิชานั้น(ในความคิดผม) เพราะการสอบเข้าหรือสอบแข่งขันออกข้อสอบเกินหลักสูตรบ้างครับ(หลักสูตรกระทรวง)

และส่วนใหญ่เด็กที่เก่งๆ ส่วนใหญ่จะไม่เรียนในห้องเรียนอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเอง หรือ กวดวิชา

เหตุผลที่หลักสูตรกระทรวงง่ายมาก และ ไม่เพียงพอต่อการสอบ ในความคิดผมคือ

1)ผมเคยได้ยินมาว่า(จริงหรือเปล่าไม่รู้ครับ) ครูบางคนขี้เกียจสอนอะไรยากๆ เพราะถ้าสอนยากๆ ครูก็จำเป็นต้องอ่านมาก่อน(ให้เข้าใจจะได้สอบนักเรียนได้ แต่ครูบางคนทั้งที่ไม่เข้าใจก็สอนนักเรียนไปมั่วๆ เพราะคิดว่านักเรียนคงไม่รู้ และคิดว่าคงไม่เป็นไร)

2)เพื่อให้นักเรียนขยันเรียน ขยันอ่านมากขึ้น เช่น การสอบแข่งขันต่างๆ การสอนในห้องก็ไม่น่าจะเพียงพอ เพราะถ้านักเรียนขี้เกียจและคิดว่า เรียนในห้องเรียนคงเพียงพอก็จะสอบไม่ติด(มั้ง) เพราะถ้าข้อสอบแข่งขันต่างๆ ง่ายเหมือนข้อสอบในโรงเรียนคนก็จะทำได้กันหมด

3)ถ้าหลักสูตรกระทรวงสอนยาก นักเรียนที่บางคนอาจจะเรียนไม่ไหว ผู้ปกครองก็จะไม่พอใจ(เพราะส่วนใหญ่เด็กไทยไม่ค่อยสนใจการศึกษา ถ้าเรียนไม่รู้เรื่องก็โทษครูว่าสอนไม่ดี(ผมเองครับ:haha:))

และผู้ที่เก่งๆ ที่ไม่คิดทฤษฎีนั้นเพราะว่า

1)ผู้นั้นคิดไม่ได้ หรือ ผู้นั้นไม่ได้คิด

2)เป็นผู้ที่เก่งคณิต แต่ไม่ชอบคณิต

3)ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่เด่นด้านวิทยาศาสตร์ และส่วนใหญ่อาชีพของคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้คณิตศาสตร์ในอาชีพ (ถ้าคนที่เก่งๆคณิตในตอนเรียน พอโตขึ้นถ้าทำอาชีพที่ไม่ใช้คณิตในอาชีพก็จะลืมหมดครับ)

4)คนที่เก่งๆคณิต(เก่งจริงๆและเก่งมากๆโคตรๆ:haha:) ส่วนใหญ่จะไปเรียนตปท.ครับ และอยู่ตปท.ไปตลอดเลยครับ (จะไปทำงานพวกเกี่ยวกับวิทย์มากกว่า แต่เกี่ยวกับ physics)

ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ ไม่ถูกต้องเสมอไปครับ:)

A New Hope 26 เมษายน 2010 23:06

ครับ ส่วนใหญ่ผมรู้ครับ ประเทศไทยเป็นสังคมนิยม จึงนำเข้ามาซะส่วนใหญ่ ผมคิดว่ากวดวิชาก็น่าจะนำมาจากเกาหลี ตามเคย

ผมคิดว่าครูเองควรจะมาสอบ มากกว่าเด็กอีก เพราะญาติผมเป็นครู แต่ทำของเด็กไม่ได้เลยสักข้อ

กระบี่เดียวดายแสวงพ่าย 26 เมษายน 2010 23:26

อยากให้มองโลกในแง่ดีครับ ผมเองเป็นติวเตอร์คนหนึ่ง ซึ่งสอนเด็กมาเยอะนะครับ
การเรียนกวดวิชานั้น ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะการสอบคัดเลือกที่เนื้อหาข้อสอบเข้มข้นมากส่วนหนึ่ง
แต่การเรียนเพื่อให้ตัวเองรู้มากขึ้น ย่อมเป็นผลดีครับ เรียนแล้วนำมาวิเคราะห์โจทย์ให้ได้
ถ้าไปเรียนเพื่อฮา หรือ เอาแค่เทคนิคคิดลัด ก้ออย่าเลยครับ เพราะไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วจะยากมาก
เรียนแล้วต้องเอามาเลี้ยงชีพให้ได้ครับ ถึงจะสมเหตุสมผล

กิตติ 26 เมษายน 2010 23:36

เมื่อมีอุปสงค์ มันก็ต้องมีอุปทานครับ....เหมือนมีคนอยากทานอาหาร ก็ย่อมมีคนขายอาหาร สมประโยชน์กันทั้งคู่ คนซื้อก็ยินดีจ่าย เพราะถ้าเขาไม่ยินดีจ่ายหรือว่าคิดว่าไม่คุ้มเขาก็คงไม่จ่าย.เป็นธรรมดาของโลก โลกมันก็เป็นไปอย่างนี้แหละครับ ไม่ว่าเราจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ไม่ว่าเราจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ มันก็จะคงเป็นไปอย่างนั้นครับ ผมเคยคุยกับผู้ปกครองคนหนึ่ง ก็บอกว่าลูกเรียนในห้องตามหลักสูตรตามปกติได้ 4มาตลอดในโรงเรียนระดับธรรมดา ก็คิดว่าพอแล้ว จนจบป.6ก็ไม่เคยไปเรียนพิเศษ จนมาสอบเข้า ม.1โรงเรียนใหญ่ของจังหวัด รอบแรกก็ไปสอบพวกคัดกิฟท์ คัดสมาร์ทไซน์ เพราะเกรดถึง แต่ไม่ติด บ่นว่ายากและทำไม่ทัน พอมาสอบรอบธรรมดาก็เลยต้องไปติวเพื่อสอบ ไม่งั้นไม่ติด ดังนั้นเป็นธรรมดาว่า โรงเรียนที่เขาคัดนักเรียนถ้าไม่ออกข้อสอบยากแล้วเขาจะคัดนักเรียนยังไง มีคนสอบ300คนเอาแค่30คน ขืนออกข้อสอบตามหลักสูตรเป๊ะๆ คงติดเกินที่ต้องการคัด จริงไหมครับ นี่คือโลกความจริงที่ยิ่งกว่าจริง มันโหดไหมก็คงโหดถ้าเราไม่เคยเปิดตามามองมัน และแม้ว่าจะไม่ยอมเปิดตามอง ข้อสอบการสอบเข้าก็ต้องเป็นไปแบบนี้ เราแก้กฎการแข่งไม่ได้ ใครอยากเข้าก็ต้องเข้าสอบแข่ง ทุกคนยืนบนกฎเดียวกันหมด
ถ้าผมขอมองแบบสุดขั้วไปเลย ก็ขอโทษด้วย.....
ก็จริงอย่างที่ความเห็นข้างต้นว่า ถ้าเขียนเรื่องยากๆให้เรียน ประเมินมา เด็กตกครึ่งห้องก็เป็นเรื่องแล้ว ครูที่สอนโดนสอบแน่นอน เขียนง่ายๆไว้ก่อนมันเสมอตัวดี
สำหรับผมที่เรียนมาเมื่อ 20ปีก่อน เป็นคนที่ถูกระบบทิ้งมาแล้ว ครูสอนให้จบเป็นชั่วโมงๆ จะว่าครูก็ไม่ได้เวลามันมีเท่านั้น ถ้าเรายอมรับชะตากรรมก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น ผมโชคดีที่ไม่ยอมรับชะตากรรมก็ต้องขวนขวาย ไปเรียนพิเศษ เก็บตังค์ค่าขนมไว้ซื้อหนังสือ จำได้ว่าวันแรกของเดือน พ่อให้ตังค์มาสามร้อยใช้ทั้งเดือน แจ๋นไปซื้อหนังสือจนเกือบหมด นั่งอ่านหนังสือวันละ5-6ชั่วโมง บางช่วงตังค์ไม่เหลือก็ไปด้อมๆมองๆแถวร้านหนังสือมือสอง ทุ่นตังค์หน่อย ไม่มีใครบังคับตัวเราได้หรอกครับ ถ้าเราไม่เอาเสียอย่าง ใครบนโลกนี้ก็ช่วยไม่ได้ครับ เป็นความรับผิดชอบต่อชีวิตของเราเองครับ เราเลืือกเองครับ จะเลือกยังไงมันก็จากตัวเราครับ อย่าโทษกระทรวง หรือโทษครูเลยครับ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น สมัยผมเป็นยังไง ผ่านมา20ปีในโรงเรียนระดับทั่วไปก็ไม่เห็นต่างกันเลย ทุกวันนี้บอกลูกว่าไปเรียนแค่ให้มันผ่านๆ ไม่ติดศูนย์ก็พอ ไปเรียนเสริมเองดีกว่า เราเลือกครูได้ ในเมื่อโรงเรียนก็ได้แค่นั้น กระทรวงก็ได้แค่นั้น จริงไหมครับ พูดมากไปก็เสียเวลาเปล่า เริ่มที่ตัวเราดีกว่า
ไม่เคยคิดเล่นๆเลยเหรอครับว่า ถ้าเรามุ่งมั่นจริงๆสักที เราจะไปได้ไกลเท่าไหร่ อย่างน้อยมันก็ไกลกว่าการนั่งอยู่โดยไม่ทำอะไร....มันน่าสนุกออกจะตาย ที่จะได้เห็นตัวเองว่าจะก้าวไปได้ไกลขนาดไหน

nooonuii 27 เมษายน 2010 00:55

$\bullet$ เรียนในห้องเรียนคือเรียนเพื่อรู้ครับ เรียนเพื่อปูพื้นฐานไปสู่สิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมในอนาคต

ถามว่าเรียนแค่ในห้องเรียนพอไหม พอครับผมเคยพิสูจน์มาแล้ว ผมไม่เคยกวดวิชา เรียนตามที่อาจารย์สอนในห้องเรียน

เท่านั้น แต่นอกห้องเรียนผมก็มีฝึกฝนตัวเองโดยการทำโจทย์บ้าง ตามประสาคนชอบเรียนคณิตศาสตร์ ผมก็สอบเข้าเรียน

มหาวิทยาลัยได้เหมือนคนอื่น

$\bullet$ โอลิมปิกวิชาการ คือ การเรียนรู้นอกหลักสูตร เรียนเพื่อพัฒนาสู่ความเป็นเลิศในด้านนั้นๆ อันนี้ไม่ได้บังคับให้เรียน

ถามว่าจำเป็นไหม ไม่จำเป็นครับ แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่จะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ไว้ อย่างน้อยก็เป็นต้นทุนชีวิตที่ดีครับ

-SIL- 27 เมษายน 2010 06:42

ผมคิดว่าทัศนคติจำเป็นในการเรียนมากกว่าความรู้นะครับ :)

คusักคณิm 27 เมษายน 2010 07:06

คือว่า มันคือการขวนขวายความรู้นอกห้องเรียนครับ การอ่านเอง การกวดวิชา น่ะ มันเป็นสิทธิในการหาความรู้ของแต่ละคนครับ
ซึ่งมันก็เป็นสิ้งดี ใครขวนขวายมากได้มาก แล้วแต่ สไตล์ การเรียนครับ บางคนอาจอ่านเิอง หรือ กวด หรือทั้งคู่ก็ได้
แต่ปัญหาอยุ่ที่ความเท่าเทียมกัน ผมจะมาบอกว่า ไปอ่านที่ ห้องสมุด ยืนเพื่อน หรือไปอ่านที่ร้านหนังสือก็ได้นะครับ :p

อ้างอิง:

จุดประสงค์ ในการดำเนินการของโครงการนี้ ไม่ได้มุ่งหวังจำนวนเหรียญรางวัล จากการแข่งขันต่างประเทศเป็นเป้าหมายหลัก เหรียญรางวัลเป็นผลพลอยได้จากการแข่งขัน ส่วนจุดประสงค์ที่สำคัญนั้นเป็นการกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศทางด้านวิชาการ เพื่อให้เยาวชนไทยสนใจศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง ซึ่งจะทำให้มีการปรับปรุง และพัฒนาหลักสูตรระบบการเรียนการสอนให้เหมาะสม และมาตรฐานสูงขึ้นเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว และเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ได้แสดงตัว และได้พัฒนาศักยภาพของตนให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป เยาวชนเหล่านี้จะเป็นทรัพยากรบุคคลที่จะพัฒนาประเทศชาติต่อไป

คนอยากเก่ง 27 เมษายน 2010 09:46

ผมว่าผมเรียนเพื่อไปสู้คนอื่นๆ เพราะผมไปเรียนวรรณสรณ์ แล้ว
ผมเห็นคนหลายหมื่นคนจริงๆ
ผมก็คิดว่าการเรียนสมัยนี้ต้องแข่งขัน
ผมแค่อยากทันคนอื่นๆ..........

GunUltimateID 27 เมษายน 2010 13:35

ผมว่าอ่านเองดีกว่าเยอะเลยครับ เคยไปเรียนเคมี เรียนบทหนึ่งเป็นเดือนเสียค่าเดินทางมากมาย แต่ถ้าอ่านเอง 2-3 ก็จบละครับ แถมยังอยู่บ้านสบ๊ายสบาย

-SIL- 27 เมษายน 2010 14:03

โครงการโอลิมปิควิชาการเดี๋ยวนี้เค้าเน้นรางวัลกันแล้วครับ ผมว่า :laugh:

astro29 27 เมษายน 2010 15:33

โครงการโอลิมปิกวิชาการ ของ สอวน ก็เหมือนเป็นการกระจายความรู้เหมือนกันแหละค่ะ
ก็ในศูนย์ ต่างจังหวัดนั้น ก็ไม่ได้แข่งขันแบบว่ามีกวดวิชาเข้าซักเท่าไรหรอก เด็กที่เข้าได้ก็ได้รับความรู้ที่มากขึ้นไป
แล้วเค้าก็เอาความรู้มาสอนเพื่อนที่โรงเรียนไง

กิตติ 27 เมษายน 2010 15:58

คงต้องแยกประเด็นระหว่างการกวดวิชา,การเรียนตามหลักสูตรกับโอลิมปิกวิชาการ
แต่ละอย่างมีเป้าหมายต่างกัน และเหมาะสมกับระดับที่ต่างกัน ลองค่อยๆพิจารณาแล้วกัน

A New Hope 27 เมษายน 2010 16:27

ครับ ผมอาจจะยังมอนในมุมมองที่แคบไป สำหรับผมคงหมดเงินค่าหนังสือไปเยอะแล้ว แต่ก็ส่วนใหญ่ก็จะทำไม่ได้ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ว่า ทำไมผมถึงทำไม่ได้

อย่างในหนังสือนะครับ จะบอกว่าสมการคือ... แล้วก็จะยกตัวอย่างมาให้ 2x + 20 = 40 ขั้นตอนแรกก็จะให้ นำ 20 มาลบ ทั้งสองข้าง แล้วก็นำ 2 มาหารครับ

ผมอ่านเล่มไหนๆ ก็จะมีอย่างนี้ครับ แต่เมื่อมีโจทย์มาแล้ว ผมทำไม่ได้ครับ ผมไม่ได้คิดว่ามันยากไป เวลาผมดูเฉลยผมก็เข้าใจ แต่ผมคิดว่าหนังสือยังขาดบางส่วนไปทำให้ผมไม่เข้าใจแต่ผมยังคงหาไม่เจอครับ โจทย์ผมก็ฝึกทุกวันครับ แต่ก็ยังคงคา อยู่ ผมหาที่ไปไม่ได้แล้วครับ ถ้าเกิดจะอ่านและทำที่บ้าน

ผมจะลองไปเรียนพิเศษดูครับ ว่าผลที่ได้จะต่างกันเท่าไหร่

แต่ผมคิดว่าอาจจะยากมากเพราะเหมือนพื้นฐานผมจะไม่ค่อยมี

ผมเป็นคนคิดมากนะครับ จะว่าผมก็ว่าได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมจะพูดไม่ค่อยดีเลย ผมจะนำไปปรับปรุงตนเอง ขอบคุณครับ

คนอยากเก่ง 27 เมษายน 2010 17:05

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ A New Hope (ข้อความที่ 86160)
ครับ ผมอาจจะยังมอนในมุมมองที่แคบไป สำหรับผมคงหมดเงินค่าหนังสือไปเยอะแล้ว แต่ก็ส่วนใหญ่ก็จะทำไม่ได้ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ว่า ทำไมผมถึงทำไม่ได้

อย่างในหนังสือนะครับ จะบอกว่าสมการคือ... แล้วก็จะยกตัวอย่างมาให้ 2x + 20 = 40 ขั้นตอนแรกก็จะให้ นำ 20 มาลบ ทั้งสองข้าง แล้วก็นำ 2 มาหารครับ

ผมอ่านเล่มไหนๆ ก็จะมีอย่างนี้ครับ แต่เมื่อมีโจทย์มาแล้ว ผมทำไม่ได้ครับ ผมไม่ได้คิดว่ามันยากไป เวลาผมดูเฉลยผมก็เข้าใจ แต่ผมคิดว่าหนังสือยังขาดบางส่วนไปทำให้ผมไม่เข้าใจแต่ผมยังคงหาไม่เจอครับ โจทย์ผมก็ฝึกทุกวันครับ แต่ก็ยังคงคา อยู่ ผมหาที่ไปไม่ได้แล้วครับ ถ้าเกิดจะอ่านและทำที่บ้าน

ผมจะลองไปเรียนพิเศษดูครับ ว่าผลที่ได้จะต่างกันเท่าไหร่

แต่ผมคิดว่าอาจจะยากมากเพราะเหมือนพื้นฐานผมจะไม่ค่อยมี

ผมเป็นคนคิดมากนะครับ จะว่าผมก็ว่าได้นะครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมจะพูดไม่ค่อยดีเลย ผมจะนำไปปรับปรุงตนเอง ขอบคุณครับ

คุณเหมือนผมเลย
ผมทำเหมือนคุณทุกวัน


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 18:15

Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha