Mathcenter Forum

Mathcenter Forum (https://www.mathcenter.net/forum/index.php)
-   ฟรีสไตล์ (https://www.mathcenter.net/forum/forumdisplay.php?f=6)
-   -   แนวทางแก้วิกฤตการศึกษาไทย 2552 (https://www.mathcenter.net/forum/showthread.php?t=10796)

หยินหยาง 13 พฤษภาคม 2010 21:41

แนวทางแก้วิกฤตการศึกษาไทย 2552
 
ไม่ทราบมีใครเคยอ่านบทความนี้หรือยัง
เอามาให้อ่านเผื่ออาจมีคนสนใจ

http://www.niets.or.th/upload-files/...6e0c23f25d.pdf

อ่านบทความตอนท้ายแล้วทำให้อยากอ่านภาคที่เกี่ยวกับนโยบายเรียนฟรี 15 ปี :happy:

Suwiwat B 13 พฤษภาคม 2010 21:51

จริงด้วย ๆ บทความนี้ค่อนข้างดีนะครับ
ขอบคุณ คุณหยินหยาง นะครับที่เเบ่งบันบทความดีๆ ให้

samsenwit 13 พฤษภาคม 2010 22:47

yes verygopod

tatari/nightmare 14 พฤษภาคม 2010 12:51

ปัญหาเดิมๆของประเทศไทย - - เอาแต่ผลประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้องของตนเอง......
ปัญหาแบบนี้อยู่ในทุกหนทุกแห่งของประเทศไทยจิงๆ.....
ส่วนไอ้เรื่องมาตรฐานวิชาการของไทย..ผมว่านะถ้าจะแก้กันจริงๆคงต้องเรียกได้ว่าพลิกแผ่นดินแก้กันเลยทีเดียว...
อย่าว่าแต่ยุคพี่มาร์คเลย ยุคทักกี้ระบบก้อพอๆกันหนะแถมแย่กว่าอีกต่างหาก(ถ้าจำไม่ผิดมันทำระบบการศึกษาไทยเจ๊งนะ).....ดังนั้นแล้วมันไม่ใช่แก้วิกฤตไทย 2552 มันจะต้องแก้วิกฤตที่มีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วต่างหากครับ...

-SIL- 14 พฤษภาคม 2010 17:49

ไม่ลองแก้พวกนามธรรมอย่างทัศนคติดูบ้างหรอครับ

LightLucifer 14 พฤษภาคม 2010 22:29

ก่อนอื่นต้องออกจากลำดับนี้ก่อน

ไป รร แต่เช้าไปลอกการบ้านของคาบแรก,คาบแรกลอกการบ้านของคาบสอง,คอบสองลอกการบ้านของคาบสาม,......

ปล. ผมก็ยังออกไม่ได้เลย =="

คusักคณิm 15 พฤษภาคม 2010 07:35

เห็นด้วยหมดเลย โดยเฉพาะปัญหาที่ 2 เเต่รร. เอกชนคงไม่มีปัญหาเรื่องนี้ครับ ":p

Siren-Of-Step 15 พฤษภาคม 2010 09:10

ผม ก็อยู่ รร เอกชน - - งานเยอะชิบบบบบ (ขออนุญาตใช้คำหยาบ)

เทพแห่งคณิตศาสตร์ตัวจริง 15 พฤษภาคม 2010 18:47

ผมว่าเรื่องแบบ แก้ที่ครู ไม่น่าจะมีประโยชน์ครับ

ผมว่าน่าจะแก้ที่นักเรียนดีกว่า เพราะเด็กส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่สนใจการเรียน คนที่สนใจการเรียนจริงๆมีน้อยมากครับ

แต่ถ้าจะปรับหลักสูตรให้เข้มข้นขึ้น(ยากขึ้น) ก็ยิ่งเละเข้าไปใหญ่ เพราะในปัจจุบัน หลักสูตรกระทรวงที่แสนจะง่าย บางคนยังบอกว่ายากเลย ถ้ายิ่งปรับให้ยากจะเละกว่าเดิมแน่นอน

แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไงกับการศึกษาไทย เพราะการแก้วิกฤตการศึกษาไทยให้ดีขึ้น มันเป็นไปได้ยากครับ

และเด็กไทย จะแยกระดับกันแตกต่างกันมาก เพราะส่วนใหญ่เด็กไทย มักจะ เก่งมาก หรือ อ่อนมาก ไปเลยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมี ระดับกลางๆครับ:)

ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของผมครับ บางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องในความเป็นจริงครับ:happy:

A New Hope 15 พฤษภาคม 2010 19:47

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ เทพแห่งคณิตศาสตร์ตัวจริง (ข้อความที่ 87940)
ผมว่าเรื่องแบบ แก้ที่ครู ไม่น่าจะมีประโยชน์ครับ

ผมว่าน่าจะแก้ที่นักเรียนดีกว่า เพราะเด็กส่วนใหญ่ของประเทศไทยไม่สนใจการเรียน คนที่สนใจการเรียนจริงๆมีน้อยมากครับ

แต่ถ้าจะปรับหลักสูตรให้เข้มข้นขึ้น(ยากขึ้น) ก็ยิ่งเละเข้าไปใหญ่ เพราะในปัจจุบัน หลักสูตรกระทรวงที่แสนจะง่าย บางคนยังบอกว่ายากเลย ถ้ายิ่งปรับให้ยากจะเละกว่าเดิมแน่นอน

แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไงกับการศึกษาไทย เพราะถ้าหแก้วิกฤตการศึกษาไทยให้ดีขึ้น มันเป็นไปได้ยากครับ

และเด็กไทย จะแยกระดับกันแตกต่างกันมาก เพราะส่วนใหญ่เด็กไทย มักจะ เก่งมาก หรือ อ่อนมาก ไปเลยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมี ระดับกลางๆครับ:)

ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของผมครับ บางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องในความเป็นจริงครับ:happy:

แต่เด็กที่สนใจเรียนบางคนก็อ่อนมาก เพราะการศึกษาไทยไม่เท่าเทียมกันเลย

เทพแห่งคณิตศาสตร์ตัวจริง 15 พฤษภาคม 2010 19:50

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ A New Hope (ข้อความที่ 87942)
แต่เด็กที่สนใจเรียนบางคนก็อ่อนมาก เพราะการศึกษาไทยไม่เท่าเทียมกันเลย

เรื่องนี้ผมก็ลืมไปว่า การที่เด็กบางคนสนใจเรียน แล้วยังอ่อนอยู่ ผมว่าน่าจะเป็นเพราะเป็นเด็กที่สนใจการเรียนในห้องเรียนเท่านั้น เพราะการเรียนในห้องเรียนย่อมไม่พอแน่นอนครับ เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเก่งเพียงระดับโรงเรียน พอไปแขงกับคนอื่นก็จะสู้คนอื่นไม่ได้ครับ(แบบนี้ผมเจอมาหลายคนครับ:))

tatari/nightmare 15 พฤษภาคม 2010 20:39

ผมเคยลองถามเพื่อนหลายคนที่มันได้ไปเปนเด็กแลกเปลี่ยนที่อเมริกา อันนี้เปนตัวอย่าง
....โรงเรียนที่นั่นเรียนแค่ครึ่งวัน โดยจะเรียนเพียง 3 วิชาใหญ่ๆ แล้วจากคำบอกเล่าของเพื่อนๆมันบอกเปนเสียงเดียวกันว่า
"แม่งง่ายกว่าที่ไทยเรียนอีหวะ..." ห้องเรียนห้องหนึ่งก้อไม่เยอะมาก บรรยากาศกำลังดี เรียนไม่หนักเท่าไทย
พอหมดครึ่งวันก้อปล่อยเด็กกลับบ้านซึ่งพอบ่ายเค้าก้อจะมีกิจกรรมให้เด็กทำ ประมาณว่าช่วยสังคม(เช่น ไปช่วยคนที่เนอซารี่ ช่วยเก็บขยะหรืออะไรทำนองนั้น)...หรือบางทีก้อเปนกิจกรรมชมรมต่างๆ
.....แน่นอนครับความสงสัย ผลุดเข้ามาในหัวผมทันทีครับว่า แม่งเรียนน้อยกว่ากู สบายกว่ากุ ทำไมประเทศแม่งเจริญกว่าประเทศกุวะ.......
เหตุผลก้อง่ายๆครับ เพราะเค้าสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์และกล้าแสดงออกครับ.....ในความคิดของผม ผมว่านะไอ้การมาบอกว่ามานั่งปรับความยาก-ง่าย ของหลักสูตรหนะมันดูจะไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์เท่าไหร่ ก้อให้เปนแบบเดิมนั่นแหละ
เพียงแต่ให้เปลี่ยนวิธีการสอนจากการ "ยัดเยียด" มาเปน "ฝึกให้เดกคิด" แทนน่าจะดีกว่า แล้วก้อเปลี่ยนบรรยากาศ
โรงเรียนจาก "สถานที่ที่ใช้แข่ง เรียนมาราธอน" มาเปน "บ้านหลังที่ 2" อย่างที่เค้าบอกๆกันมาเถิดครับ
แค่เนี้ยโรงเรียนพิเศษตามสยาม เตรียมตัวเซ้งที่ขายไปทำอย่างอื่นได้เลยครับ(ปล. ที่อเมริกาไม่มีสอนพิเศษอย่าง เคมี อุ๊ หรือ คณิต อ.อรรณพ หรอกนะครับ 55555.....)
และผมก็เชื่อครับว่า เด็กไทยไม่ได้อ่อนแอด้านสติปัญญาถึงขนาดอย่างที่เรปด้านบนพูดกัน แต่เพียงแต่เค้ายังไม่ได้รับโอกาสก็แค่นั้นเอง....ผมเชื่อว่าเดกไทยตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ....

นอกจากนี้เหนือสิ่งอื่นใดครับ.....คนไทยยังขาดความรักชาติ ดูอย่างจีนสิครับ ประเทศเค้าได้รับความบอบช้ำจากสงครามโลกขนาดไหนประวัติศาสตร์ก้อน่าจะได้เรียนนะครับ....แต่เค้าก้อสามารถพัฒนาตนเอง เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม จนก้าวสู่แนวหน้าของโลก....เพราะว่าเค้ามีความรักชาติอย่างจริงจังครับ.....
และดูอย่างญี่ปุ่นครับ ทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกเรียกได้ว่าเป็นทหารที่มีความเปนระเบียบมากที่สุด ยอมตายดีกว่ายอมเปนเชลย(อย่างที่เหนในหนัง เค้าจะคว้านท้อง..)เพราะพวกเค้ามีความรักชาติ....และอย่างปัจจุบัน คนญี่ปุ่นที่ไปอยู่ต่างถิ่นเค้าก้อยังคงรักษาความเปนสัญชาติเค้า อย่างที่ว่าเวลาเข้าห้างช็อปปิ้ง ก้อจะเข้าเฉพาะห้างโตเซ็น(ประมาณว่าเปนห้างของญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่น เพื่อญี่ปุ่น)ซึ่งสองประเทศนี้ก้อถือแล้วว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้วครับ
นี่ก้อเปนเพียงความคิดเห็นหนึ่งของผมครับ....ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นประเทศไทยเจริญครับ:happy:

เทพแห่งคณิตศาสตร์ตัวจริง 15 พฤษภาคม 2010 20:46

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ tatari/nightmare (ข้อความที่ 87946)
ผมเคยลองถามเพื่อนหลายคนที่มันได้ไปเปนเด็กแลกเปลี่ยนที่อเมริกา อันนี้เปนตัวอย่าง
....โรงเรียนที่นั่นเรียนแค่ครึ่งวัน โดยจะเรียนเพียง 3 วิชาใหญ่ๆ แล้วจากคำบอกเล่าของเพื่อนๆมันบอกเปนเสียงเดียวกันว่า
"แม่งง่ายกว่าที่ไทยเรียนอีหวะ..." ห้องเรียนห้องหนึ่งก้อไม่เยอะมาก บรรยากาศกำลังดี เรียนไม่หนักเท่าไทย
พอหมดครึ่งวันก้อปล่อยเด็กกลับบ้านซึ่งพอบ่ายเค้าก้อจะมีกิจกรรมให้เด็กทำ ประมาณว่าช่วยสังคม(เช่น ไปช่วยคนที่เนอซารี่ ช่วยเก็บขยะหรืออะไรทำนองนั้น)...หรือบางทีก้อเปนกิจกรรมชมรมต่างๆ
.....แน่นอนครับความสงสัย ผลุดเข้ามาในหัวผมทันทีครับว่า แม่งเรียนน้อยกว่ากู สบายกว่ากุ ทำไมประเทศแม่งเจริญกว่าประเทศกุวะ.......
เหตุผลก้อง่ายๆครับ เพราะเค้าสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์และกล้าแสดงออกครับ.....ในความคิดของผม ผมว่านะไอ้การมาบอกว่ามานั่งปรับความยาก-ง่าย ของหลักสูตรหนะมันดูจะไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์เท่าไหร่ ก้อให้เปนแบบเดิมนั่นแหละ
เพียงแต่ให้เปลี่ยนวิธีการสอนจากการ "ยัดเยียด" มาเปน "ฝึกให้เดกคิด" แทนน่าจะดีกว่า แล้วก้อเปลี่ยนบรรยากาศ
โรงเรียนจาก "สถานที่ที่ใช้แข่ง เรียนมาราธอน" มาเปน "บ้านหลังที่ 2" อย่างที่เค้าบอกๆกันมาเถิดครับ
แค่เนี้ยโรงเรียนพิเศษตามสยาม เตรียมตัวเซ้งที่ขายไปทำอย่างอื่นได้เลยครับ(ปล. ที่อเมริกาไม่มีสอนพิเศษอย่าง เคมี อุ๊ หรือ คณิต อ.อรรณพ หรอกนะครับ 55555.....)
และผมก็เชื่อครับว่า เด็กไทยไม่ได้อ่อนแอด้านสติปัญญาถึงขนาดอย่างที่เรปด้านบนพูดกัน แต่เพียงแต่เค้ายังไม่ได้รับโอกาสก็แค่นั้นเอง....ผมเชื่อว่าเดกไทยตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ....

นอกจากนี้เหนือสิ่งอื่นใดครับ.....คนไทยยังขาดความรักชาติ ดูอย่างจีนสิครับ ประเทศเค้าได้รับความบอบช้ำจากสงครามโลกขนาดไหนประวัติศาสตร์ก้อน่าจะได้เรียนนะครับ....แต่เค้าก้อสามารถพัฒนาตนเอง เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม จนก้าวสู่แนวหน้าของโลก....เพราะว่าเค้ามีความรักชาติอย่างจริงจังครับ.....
และดูอย่างญี่ปุ่นครับ ทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกเรียกได้ว่าเป็นทหารที่มีความเปนระเบียบมากที่สุด ยอมตายดีกว่ายอมเปนเชลย(อย่างที่เหนในหนัง เค้าจะคว้านท้อง..)เพราะพวกเค้ามีความรักชาติ....และอย่างปัจจุบัน คนญี่ปุ่นที่ไปอยู่ต่างถิ่นเค้าก้อยังคงรักษาความเปนสัญชาติเค้า อย่างที่ว่าเวลาเข้าห้างช็อปปิ้ง ก้อจะเข้าเฉพาะห้างโตเซ็น(ประมาณว่าเปนห้างของญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่น เพื่อญี่ปุ่น)ซึ่งสองประเทศนี้ก้อถือแล้วว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้วครับ
นี่ก้อเปนเพียงความคิดเห็นหนึ่งของผมครับ....ผมเป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นประเทศไทยเจริญครับ:happy:

ผมก็คิดอย่างนั้นครับ แต่การเรียนพิเศษนั้น เป็นวิธีแก้วิกฤตการศึกษา อย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ประโยชน์เท่าไหร่นัก

แต่เด็กไทยส่วนใหญ่มักขาดทักษะการวิเคราะห์ มักจะใช้อะไรตามๆที่ครูสอนเท่านั้นครับ:) (เป็นปัญหาใหญ่จริงๆครับ)

A New Hope 15 พฤษภาคม 2010 20:53

ที่คุณพูด tatari/nightmare ผมก็รู้อยู่แล้วนะครับ ในเมื่อกวดวิชาไป แทบจะไม่มีความคิดเลย อาจจะมีบ้าง แต่จะใช้ความจำเป็นส่วนใหญ่ ถ้าให้ Kim Peek มาเรียนแบบการศึกษาไทย คงไม่มีใครสู้ได้
และนี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เด็กไทยเก่งแต่ประเทศไม่พัฒนา เพราะเรียนเพื่อสอบ โตขึ้นไปก็ไปทำงานที่ได้รายได้ดีกว่าจะมานั่งคิด เกี่ยวกับวิชาที่ตนเองเก่ง

คนไทยพูดว่ารักชาติ แต่จริงๆ แล้วใช้แต่ของ เกาหลี จีน ญี่ปุ่น นี่หรือรักชาติ

แก้ไม่ได้หรอกครับ การศึกษาไทย

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ เทพแห่งคณิตศาสตร์ตัวจริง (ข้อความที่ 87948)
ผมก็คิดอย่างนั้นครับ แต่การเรียนพิเศษนั้น เป็นวิธีแก้วิกฤตการศึกษา อย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยจะได้ประโยชน์เท่าไหร่นัก

แต่เด็กไทยส่วนใหญ่มักขาดทักษะการวิเคราะห์ มักจะใช้อะไรตามๆที่ครูสอนเท่านั้นครับ:) (เป็นปัญหาใหญ่จริงๆครับ)

แก้ปัญหาเฉพาะหน้า? ตอนนี้มันกลายเป็น สิ่งที่ต้องทำไปแล้วนะครับ ถ้าไม่เรียนพิเศษก็เอ็นไม่ติดมหา'ลัยดีๆ

tatari/nightmare 15 พฤษภาคม 2010 21:22

ผมเชื่อครับถ้าคนไทยรักชาติ เห็นถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน .....อย่าว่าแต่วงการศึกษาเลยทุกระบบของประเทศเราจะเจริญขึ้นทันตาเห็นครับ....
การเรียนพิเศษมันก้อเปนเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้นหละครับ ส่วนเรื่องที่จะเปลี่ยนหนะถ้าจะ
เปลี่ยนกันจิงๆมันเปลี่ยนได้ครับ การสอบ GAT-PAT ผมว่าก้อนับเปนสัญญาณที่ดีอย่างหนึ่งที่พวกผู้ใหญ่เริ่มที่จะ
ทำอะไรเปนรูปเปนร่างเกี่ยวการให้เดกวิเคราะห์เป็น แต่อย่างว่าขวานที่มันทื่อ ขวานที่มันไม่ได้ลับให้คมมา 5-6ปี
มันจะมาฟันต้นไม้ใหญ่ๆล้มได้อย่างไร ก้อเหมือนกับการคิดวิเคราะของเด็กที่ไม่ได้รับการฝึกมันตั้งแต่เล็กๆและอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วเดกมันก้อไปเรียนพิเศษติวเตรียมสอบ GAT-PAT อยู่ดี....
เพราะงั้นผมคิดว่าถ้าจะเริ่มเปลี่ยนกันจิงๆมันต้องเริ่มกันตั้งแต่เล็กๆ ลองไปดูความแตกต่างระหว่างการการสอนเด็กเล็กของฝรั่ง(หาดูได้ใน UTUBE)แล้วลองเทียบกับตอนเราเรียนประถมต้นดู แล้วจะรู้ครับว่าเราควรต้องทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลง.....ซึ่งมันก้อหนีไม่พ้นเรื่องที่ผมพูดไปหรืออย่างที่คุณ NEw Hope รู้อยู่แล้ว.....


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 11:58

Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha