Mathcenter Forum

Mathcenter Forum (https://www.mathcenter.net/forum/index.php)
-   ข่าวคราวแวดวง ม.ปลาย (https://www.mathcenter.net/forum/forumdisplay.php?f=22)
-   -   คะแนน MIN-MAX ของ Admission 50 ทุกสาขา (https://www.mathcenter.net/forum/showthread.php?t=2764)

sck 14 พฤษภาคม 2007 15:41

คะแนน MIN-MAX ของ Admission 50 ทุกสาขา
 
ไปเจอมาก็เลยเอามาให้ดูกันครับ แล้วปีนี้มีใครติดที่ไหนกันบ้าง ยินดีด้วยนะครับ
สำหรับคนที่ไม่ติดก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ ยังมีที่อื่นรองรับอีกมามาย
คะแนน MIN-MAX ของ Admission 50 ทุกสาขา-คณะ-มหาวิทยาลัย แบบ Text File

passer-by 14 พฤษภาคม 2007 16:13

เห็นข่าว ม. 6 ผูกคอตายเมื่อเช้า ที่พลาดวิศวะจุฬา แต่ได้วิศวะเกษตร แล้วไม่สบายใจเลยครับ

พอถึงวันนี้ เมื่อผมมองกลับไปสมัยตอน ENT ผมกลับรู้สึกแค่ว่า ENTRANCE มันก็แค่ประตูเล็กๆบานนึงเท่านั้น

หวังว่า น้องๆที่นี่ในอนาคตทุกคน จะภูมิต้านทานจิตใจแข็งแรงทุกคนนะครับ(หากว่าวันนึงมันไม่เป็นอย่างที่หวังไว้) และขอยินดีกับทุกคนที่ได้คณะตามที่ต้องการ :great:

M@gpie 14 พฤษภาคม 2007 18:58

เห็นด้วยกับพี่ passer-by ครับ

gon 15 พฤษภาคม 2007 00:22

ตรงกันข้าม สมัยเด็ก ผมอยากเรียน มช. แต่กลับไม่ได้เรียน :o

ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ิ แต่เลือกที่จะอยู่อย่างมีความสุขได้ น้องคนนั้นถ้ามาฟังผมเทศน์สัก 1 ชม.รับรองบรรลุเลย ไม่แน่ใจว่าผมเคยเล่าให้ใครฟังไปบ้างหรือยัง

มีอยู่วันหนึ่งช่วงปิดเทอมใหญ่ของนักเรียน เมื่อหลายปีก่อน ผมไปเดินเล่นในจุฬา ฯ แถว ๆ หอกลาง ลมเย็นสบาย สักพักผมก็นั่งพักผ่อนตรงม้านั่งเหล็ก ไม่นานก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งประมาณ ม.ปลาย เดินมานั่งม้านั่งใกล้ ๆ หน้าตาบอกได้เลยว่า ราศีหายหมด ดูแล้วอมทุกข์ยังกับคนแบกโลกไว้เต็มบ่า :huh:

ผมเห็นดังนั้น ก็เลยเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไร สุดท้ายได้ใจความว่า กำลังจะขึ้น ม.5 เป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนพิเศษใน กทม. พร้อมกับเพื่อน ใจก็ไม่อยากมา แต่ก็กลัวว่าจะเรียนไม่ทันเขาจะไม่รู้เรื่อง ฯลฯ ผมดูท่าแล้วไม่ดี ก็เลยร่ายยาวหมดน้ำลายเยอะทีเดียว ผมบอกว่าพี่ก็สอนพิเศษนะ แต่ถ้าไม่อยากเรียนล่ะมีวิธีง่ายที่ทำให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่นอน แต่วิธีง่าย ๆ บอกเด็กมาหลายต่อหลาย แต่ไม่มีใครกล้ารับปากว่าจะำทำได้ บอกไปว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันเรื่องง่ายนิดเดียว สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะมีความตั้งใจจริงแค่ไหน เวลาที่มีอยู่เหลือจะพอ ปัญหาคือส่วนคนมาก ไม่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองต่างหาก เรียกได้ว่าตั้งอยู่ในความประมาท

ถึงแม้ว่าอนาคตจะสอบไม่ติดหรือไม่ได้มหาวิทยาลัยที่ัตัวเองชอบ แ่ต่ให้เชื่อเถอะว่าปัญหาทุกอย่างในโลกนี้มีทางแก้ มันจะมีทางที่ดีที่สุดสำหรับมันเสมอ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ไม่มีอะไรเกินไปกว่า พรุ่งนี้มีจะมีข้าวกินไหม จะอิ่มท้องไหม ปัญหาที่ยุคนี้บางคนบอกว่า ใหญ่เหลือเกิน จริงๆแล้วไม่ใช่ เรื่องปากท้องน่ะสำคัญที่สุด ยังมีคนมากมายอีกในโลกนี้ที่ไม่มีข้าวจะกิน นี่ล่ะปัญหาใหญ่ที่สุด ที่เราบอกว่าโน่นปัญหา นี่ก็๋ปัญหา ขอบอกว่าเรื่องเล็กมาก รับรองว่าไม่ใหญ่ไปกว่าเรื่องปากท้อง

ร่ายอยู่ยาว สุดท้ายน้องคนนั้นก็ดูเหมือนจะบรรลุสัจธรรมที่ผมตั้งใจจะบอก :laugh: สุดท้ายก็พูดออกมาว่า เอาล่ะผมตัดสินใจได้แล้ว กลับไปบ้านครั้งนี้ผมจะตั้งใจอ่านหนังสือทุกวัน และ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้น้องคนนั้นจะเป็นไงเหมือนกัน น่าจะเรียนจบ ป.ตรีไปอีกรุ่นแล้ว :rolleyes:

TOP 15 พฤษภาคม 2007 01:06

ปัญหาบางอย่างในโลกนี้สามารถแก้ได้ด้วยเวลา โดยที่เราไม่จำเป็นต้องจมไปกับปัญหานั้น ทำใจให้สบาย ปล่อยให้มันผ่านไปกับกาลเวลา เมื่อถึงเวลาเหมาะสมที่เรา หรือผู้คนรอบปัญหานั้น ได้เรียนรู้อะไรมากพอ ก็จะมองปัญหานั้นต่างไปจากเดิม และเมื่อนั้นปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป :rolleyes:

Mastermander 15 พฤษภาคม 2007 01:19

1628

เลย Min มา 16 คะแนน ครับ

DAKONG 15 พฤษภาคม 2007 03:42

Entrance คือความทุกข์ของเด็ก ม.ปลาย

มัน เครียดดดด -*-

เป็นสิ่งที่มันแฟร์มากกว่าการเป็นตลาด

อะไรที่มันชี้ชะตาชีวิตเราในอนาคตได้ .. ด้วยตัวเลขแค่ไม่กี่ตัวเนี้ย!!
อุ๊! ผมรู้สึกว่ามันบีบหัวใจเหลือเกิน ..

ผมรู้สึกว่ามันแค่ประตูบาน .. บานหนึ่งเท่านั้น!

เป็นแค่- - ทางผ่าน - - - - - ของจุดจุดหนึ่งเท่านั้นเอง!
แค่ Dot Dot หนึ่งของอีกหลายๆ Dot ..



(จากหนังเรื่อง Final Score ครับ)

passer-by 15 พฤษภาคม 2007 19:38

ผมตัดบางช่วงของเนื้อข่าวจาก นสพ. วันนี้ เกี่ยวกับเบื้องลึกสาเหตุการตายของ เด็ก ม.6 ที่เล่าไว้ข้างบน มาให้อ่านกันครับ
------------------------------------------------------
ช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ค. นายจิรัฎฐากรณ์ ลูกชาย ได้รับข้อความจากเพื่อนแจ้งให้ทราบว่าไม่ติดคณะวิศวกรรมจุฬาฯ ที่ไว้อันดับ 1 แต่ไปติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เลือกไว้อันดับ 2 ทำให้นายจิรัฎฐากรณ์เครียดมากถึงกับร้องตะโกนออกมาเสียงดังว่า เมื่อสอบเข้าจุฬาฯไม่ได้ก็จะขอตาย พร้อมขออนุญาตตนและผู้เป็นพ่อว่า ลูกขอตาย เพราะเมื่อไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ชอบ หากเรียนไปก็ไม่มีความสุข พร้อมบอกด้วยว่า เหตุผลการตายไม่ใช่คนโง่ แต่จะทำให้ผู้ใหญ่ ในบ้านเมืองได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเด็กๆ ที่ต้องมารับผลของการบริหารงานจัดระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผิดพลาดแล้วให้เด็กเป็นผู้รับกรรม

แม่ผู้สูญเสียลูกชายกล่าวด้วยว่า หลังได้ยินคำพูดของลูกชายถึงกับตกใจมาก พยายามพูดปลอบใจว่า เมื่อสอบติดที่ไหนก็เรียนไปตามนั้น แต่ผู้ตายตอบกลับว่า เมื่อปีที่แล้วสอบได้คะแนนดี ประกาศครั้งแรกคะแนนสูง จนสามารถจะเลือกคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ตามความตั้งใจ แต่เมื่อประกาศครั้งที่ 2 ทำให้คะแนนตกลงมากจนเข้าไม่ได้ ต้องเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กรุงเทพฯแทน กระทั่งมีการสอบโอเน็ต-เอเน็ตใหม่ เมื่อคะแนนออกมาต่ำไม่สามารถที่จะเข้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ตามที่ตั้งความหวังไว้ครั้งแรก จึงหันไปเลือกคณะวิศวกรรม จุฬาฯ เป็นอันดับ 1 แต่เมื่อผลสอบออกมาไม่ได้อีกจึงรู้สึกผิดหวังเพิ่มเป็นทวีคูณ และคิดว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากผู้ใหญ่บริหารงานไม่ดีไปลดคะแนนของเด็ก ทำให้หลายคนสอบเข้าคณะที่ตนเองชอบไม่ได้

นางภาพรกล่าวอีกว่า การตายของลูกชายครั้งนี้ไม่ใช่ได้รับความกดดันจากพ่อแม่ เพราะเป็นลูกคนเดียว จึงปล่อยให้ลูกเป็นอิสระในการเลือกเรียน ต้องการซื้ออุปกรณ์การเรียนอะไร พ่อแม่จัดให้หมด ไม่เคยบังคับลูกว่า จะต้องเรียนคณะไหน แต่ที่ต้องมาตายเพราะผู้ใหญ่ไม่รับผิดชอบ จัดระบบการศึกษาพลาดแล้วปล่อยให้เด็กต้องมาตายสังเวยต่อการบริหาร อยากขอร้องว่า ขอให้การตายของลูกตนครั้งนี้เป็นบทเรียน และเป็นคนสุดท้ายต่อความผิดพลาดของผู้ใหญ่ และขอให้เด็กๆ ที่สอบไม่ติด อย่าได้คิดสั้นอีกเลย เพราะจะทำให้พ่อแม่ต้องชอกช้ำ เสียใจต่อการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตเป็นอย่างมาก และขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ออกมาแสดงความรับผิดครั้งนี้ด้วย

--------------------------------------------------

นอกจากสิ่งที่ผมพูดไว้ก่อนหน้าแล้ว จากข่าวนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่า โรคเสพติดสถาบัน ยังมีอยู่ทุกยุคทุกสมัยจริงๆ
ผมอาจจะเป็นคนส่วนน้อยที่ไม่ค่อยซีเรียสกับสถาบันเท่าไหร่ และผมก็ได้ค้นพบว่าการเรียนใกล้บ้าน ช่างวิเศษจริงๆ (แต่ต้องควบคุมตัวเองได้ด้วยนะครับ:laugh: )

sck 16 พฤษภาคม 2007 13:03

จับประเด็นข่าวจาก นสพ. ผูกคอตาย ไม่ติดวิศวะจุฬาฯ โดยเวป kucity
1.จบการศึกชั้น ม.6 จาก ร.ร.สามัคคีวิทยาคมเชียงราย ได้ 1 ปีแล้ว

2.โดยปี 49 มีความไม่ชัดเจนจากภาครัฐ โดยลูกชายไปสอบโอเน็ต-เอเน็ต เก็บคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย ปรากฏว่า ลูกชายสอบได้คะแนนแล้ว แต่ไม่มีการรับรองผลสอบจากภาครัฐ ทำให้ไม่มีที่เรียน เคว้งคว้าง

3.ต้องไปเรียนที่ ม.ศรีปทุม เพื่อคั่นเวลาไป 1 ปี (เป็นเด็กซิ่ว)

4.หวังจะสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ในปี 2550 นี้ให้ได้

5.ปรากฏว่า ลูกชายพลาดสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ได้ แต่ไปได้อันดับที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรฯ จึงน้อยใจ

6.ลูกเคยเปรยกับตนว่า หากต้องฆ่าตัวตายจะทำเพื่อให้ทางรัฐบาลรับรู้ปัญหาว่าเรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับนักเรียนมาก

7.รมช.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่านายจิรัฎฐากรณ์ ผู้ตายเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอันดับ 4
=============
จากการติดตามของทีมข่าวเรา เราสนใจข้อนี้ (เพราะข้ออื่นเราคงทำอะไรไม่ได้)

5.ปรากฏว่า ลูกชายพลาดสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ได้ แต่ไปได้อันดับที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรฯ จึงน้อยใจ

7.รมช.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่านายจิรัฎฐากรณ์ ผู้ตายเลือกคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอันดับ 4

ซึ่งจากการตรวจสอบของเรา น้องติดอันดับ 4 จริง ๆ ครับ
ลองดูที่นี่ได้ครับ
อยู่ลำดับที่ 366
เลขที่ใบสมัคร 7125672 นายจิรัฏฐากรณ์ ศุขเกษมพงศ์
สอบติด
คณะวิศวกรรมศาสตร์ กลุ่มวิทยาเขตบางเขน (โครงการฯ ภาคพิเศษ) สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี วิศวกรรมวัสดุ วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสำรวจ และ วิศวกรรมไฟฟ้าเครื่องกลการผลิต
http://kucitypic.kasetsart.org/kucit.../3-02-0172.xls
เอามาจากกระทู้นี้
http://kucity.kasetsart.org/kucity/W...D=16836&PAGE=1

สรุปคือติด คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ภาคพิเศษ) ไม่ใช่ภาคปกติครับ

==================
และตอนนี้เราได้ข้อมูลมาแล้วครับว่า น้องเขาเลือกอันดับอะไรบ้าง (รู้แบบเดียวกับที่ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ก็รู้ครับ)

รหัสสาขา-ชื่อสาขาวิชา-max-min ของปี50

อันดับ 1=จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
0021 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมทรัพยากรธรณี 6859.0000 -6177.8000

อันดับ 2=มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
0772 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาวัสดุศาสตร์ 6105.7500 -5438.4000

อันดับ 3=มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
1264 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาจุลชีววิทยา 6061.9000 -5165.8500

อันดับ 4=มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
0172 คณะวิศวกรรมศาสตร์ บางเขน(ภาคพิเศษ) (วิศวกรรมเคมี,วัสดุ,ไฟฟ้า,อุตสาหการ,เครื่องกล 6324.2000-4633.4000

==========
นี่คือ คะแนน min-max ของปี 49 ที่น้องเขาต้องใช้มาเป็นฐานเปรียบเทียบเพื่อการเลือกสาขาคณะ ก่อนการ Admission'50

1021 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมทรัพยากรธรณี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 6708.8000-5447.3000
1730 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาวัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 6226.9000-4680.4500
2231 คณะวิทยาศาสตร์ วิชาเอกจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 5603.7000-4588.7500
1203 คณะวิศวกรรมศาสตร์ กลุ่มวิทยาเขตบางเขน (โครงการฯ ภาคพิเศษ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 6219.5000-2948.7000
อ้างอิง
http://kucity.kasetsart.org/kucity/W...D=16193&PAGE=1

จากข้อมูลนี้ ก่อนการเลือกอันดับหรือก่อนการ Admission กลาง น้องเค้าน่าจะรู้แล้วว่า ตัวเองน่าจะติดอะไร เพราะคะแนนน้องจะรู้มาก่อนแล้วครับ
ก่อนที่จะสมัครเลือกอันดับ (สมัคร Admission'50)

ถ้าให้เดา คะแนนของน้องต้องอยู่ระหว่าง 4633.4000-5165.8500 (แต่วิชาที่สอบของคณะวิทยาศาสตร์ กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มีบางตัวไม่เหมือนกัน)
พวกเราคิดว่า น้องเขาคงจะลุ้นอันดับ 1 คงคิดว่าคะแนนเฉียด มีสิทธิ์ลุ้นได้ และมีแนวรับอันดับ 2 และ 3 ซึ่งคิดว่าชัวร์แล้ว คิดว่า ไม่น่าจะหลุดจากนี้

แต่โชคร้ายว่า ปีนี้ พอประกาศผล... คะแนนทุกอันดับขึ้นสูงมาก ๆ ๆ ผิดไปจากที่คาดไว้ นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งก็ได้ที่น้องอาจจะเครียดมากครับ

คือเราไม่แน่ใจว่า ผู้ปกครอง หรือ สื่อมวลชน วิเคราะห์ข่าวหลุดข้อเท็จจริงไปหรือเปล่านะครับ
เพราะพวกเราดูตาม Webboard ต่าง ๆ มีการวิจารณ์น้องเขาเรื่องความไม่ปกติ ซึ่งคงมาจากสาเหตุความผิดพลาดของการเสนอข่าว หรือ ผู้ปกครองให้ข่าวผิดไป
เรื่อง เลือกอันดับ 1 วิศวะจุฬาฯ แล้วไม่ได้ ไปได้อันดับ 2 วิศวะเกษตร แล้วไม่พอใจฆ่าตัวตาย
ซึ่งหลายคนมองว่ามัน non-sense มาก ๆ แล้วทำให้ใน Webboard ต่าง ๆ มีการวิจารณ์ตัวน้องในทางที่ไม่ดี
และรวมถึงวิจารณ์กระทบเรื่องสถาบันกันไปมา ซึ่งไม่น่าใช่ประเด็นนี้เลยครับ

ซึ่งถ้ารู้ข้อเท็จจริงตามนี้แล้ว พวกเราคิดว่า น้องเขาก็คงเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ที่คาดหวังแล้วผิดหวังค่อนข้างจะรุนแรง และประกอบเป็นเด็กซิ่วมา 1 ปี ที่หวังจะ Ent ใหม่เพื่อแก้มือ
และเคยผิดหวังกับเรื่อง o-net , a-net ที่ ภาครัฐ ไม่รับรองเขานะครับ

เมื่อผิดหวังมากขนาดนี้ เหตุผลรองรับเพียงพอ รอแค่จุดประทุอะไรบางอย่างจึงตัดสินใจนะครับ
พวกเราคิดว่าอย่างนั้นครับ
แต่ด้วยเหตุนี้ แล้วมีผลกระทบต่อคุณพ่อคุณแม่ ที่ต้องเสียใจอย่างมากจากการจากไปของลูก
จึงขอแนะนำน้อง ๆ ทั้งหลายที่ผิดหวัง น้องเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า ถ้าทำแบบนั้นสร้างความทุกข์ต่อพ่อแม่เพียงใด
และน้องเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า ถ้าเราทำเพื่อประชด (ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย) ผู้ใหญ่เขาแคร์หรือไม่ เขายอมรับหรือไม่
หรือว่า เหตุผลของเรายังน้อยเกินไปต่อการเปลี่ยนแปลง
หรือว่า ปัญหามันอยู่ที่ระบบ
หรือว่า ปัญหามันอยู่ที่คนนำไปใช้
หรือว่า ปัญหามันอยู่ที่การชี้แจงประชาสัมพันธ์ไม่ดี คนเข้าใจกันผิด
ฯลฯ
ต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกัน

ดังนั้น การจบชีวิตตัวเอง ไม่ใช่คำตอบครับ ที่จะแก้ปัญหาได้
การต่อสู้ อย่างที่เด็กซิ่วบางคนได้ทำผ่านโดยวิธีการทางศาลสถิตยุติธรรม ก็เป็นทางออกหนึ่ง
การต่อสู้ ผ่านทางการเมือง การประท้วง หรือ การนำเสนอต่อผู้ใหญ่ของบ้านเมืองให้เล็งเห็นผลกระทบ ก็เป็นทางออกหนึ่ง

เราสู้กันด้วยวิถีทางแบบปกติ ที่กติกาเปิดช่องไว้ ก็สามารถทำได้ครับ ถึงอาจจะช้า แต่ก็ยังดีกว่าการเลือกจบชีวิตนะครับ ซึ่งถึงจุดนั้นก็ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรต่อได้อีกแล้ว

แต่น้องก็อย่าลืมหันมามองตัวเราด้วย เราต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม ได้เพียงพอแล้วหรือยัง เราเตรียมตัวมาดีไหม เรารอบคอบในการเลือกหรือไม่ เราเคยวิเคราะห์คาดหวังในสิ่งที่น่าจะได้ แต่เราเคยวิเคราะห์ทางถอยเมื่อสิ่งที่ได้ไม่ได้ดั่งที่หวังหรือไม่

แค่นี้ครับ

ชีวิตมันต้องสู้ ต้องสู้แล้วจึงจะชนะ ครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
......................................................................................................

passer-by 16 พฤษภาคม 2007 20:52

ขอบคุณ คุณ sck ที่ ตีแผ่เบื้องลึกแบบละเอียดสุดๆ ให้อ่านกันครับ

อย่างน้อยก็ทำให้ผม เข้าใจในที่ไปที่มา มากขึ้นกว่าเดิม

ตอนแรก ผมก็คิดว่า น้องเขาเลือกวิศวะ จุฬา แบบทั่วไป ยังไม่ไ่่ด้เจาะสาขาน่ะครับ ซึ่งคะแนนมันสูงทุกปีอยู่แล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง ผมวิเคราะห์ว่า เด็กคนนี้ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงในการเลือกคณะพอสมควร เพราะคะแนนก็ไม่สูงมากพอแบบที่จะ หลับตาเลือกคณะอะไรก็ได้ คือผมกำลังหมายถึง อยู่ในกลุ่มที่ต้องวางแผนหลายชั้นมากๆในการเลือก เพื่อกันการพลิกล็อก

ผมยอมรับว่า ถ้าผมต้องมา ent พร้อมเด็กรุ่นนี้ ก็คง งงๆ มึนๆ ในเรื่องคะแนนเหมือนกัน เพราะสเกลคะแนนมันต่างกัน สมัยผม คิดกันที่หลักร้อย สมัยนี้ล่อไปหลักพัน ไม่รู้มีอะไรบวกกันบ้าง งงไปหมด

ดังนั้น สมัยผม เวลาคะแนนมันผันผวนจริงๆ มันก็จะไม่เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดมาก (หรือถ้้ามี ก็ี็ส่วนน้อย) แต่ยุคนี้ เปลี่ยนแปลงผันผวนกัน แบบน่ากลัวจริงๆ เดาทิศทางยากมาก

mmcalone 07 กรกฎาคม 2007 02:56

ความทุกข์ของเด็ก ม.ปลาย


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 04:56

Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha