Mathcenter Forum

Mathcenter Forum (https://www.mathcenter.net/forum/index.php)
-   ข้อสอบในโรงเรียน ม.ต้น (https://www.mathcenter.net/forum/forumdisplay.php?f=32)
-   -   IWYMIC 2011 บาหลี indonesia (https://www.mathcenter.net/forum/showthread.php?t=14432)

banker 04 สิงหาคม 2011 08:48

IWYMIC 2011 บาหลี indonesia
 
17 ไฟล์และเอกสาร
Attachment 6134

Attachment 6135

Attachment 6136

Attachment 6137

Attachment 6138

Attachment 6139

Attachment 6140

Attachment 6141

Attachment 6142

Attachment 6143

Attachment 6144

Attachment 6145

Attachment 6146

Attachment 6147

Attachment 6148

Attachment 6149

Attachment 6150

banker 04 สิงหาคม 2011 08:59

13 ไฟล์และเอกสาร
Attachment 6162

Attachment 6163

Attachment 6164

Attachment 6165

Attachment 6166

Attachment 6167

Attachment 6168

Attachment 6169

Attachment 6170

Attachment 6171

Attachment 6172

Attachment 6173

Attachment 6174

yellow 04 สิงหาคม 2011 09:38

1. ให้ a, b และ c เป็นจำนวนเต็มบวก โดยที่

ab + bc + ca + 2(a + b + c) = 8045,

abc - a - b - c = -2

จงหาค่าของ a + b + c


2. มีนักเรียนอยู่สองจำพวกในชั้นเรียนชั้นหนึ่ง พวกหนึ่งจะพูดโกหกเสมอ อีกพวกหนึ่งจะไม่พูดโกหกเลย นักเรียนแต่ละคนจะรู้ว่านักเรียนคนอื่นเป็นคนจำพวกไหน ในการประชุมวันนี้ นักเรียนแต่ละคนจะพูดบอกว่านักเรียนคนอื่นเป็นคนจำพวกไหน คำตอบว่า เป็นคนโกหก มี 240 ครั้ง ส่วนการประชุมลักษณะเดียวกันที่จัดเมื่อวาน มีนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มา ซึ่งคำตอบว่า เป็นคนโกหก มี 216 ครั้ง ถามว่าจำนวนนักเรียนที่มาวันนี้มีกี่คน


ให้คนโกหก x คน คนไม่โกหก y คน

คนโกหกจะพูดถึงคนไม่โกหกว่า เป็นคนโกหก = xy ครั้ง

คนไม่โกหกจะพูดถึงคนโกหกว่า เป็นคนโกหก = xy ครั้ง

$2 xy = 240$

$xy = 120$

เมื่อวานมีคนไม่มา 1 คน

ถ้าคนโกหกไม่มา 2xy - 2x = 216 -----> y = 12, x = 10

ถ้าคนไม่โกหกไม่มา 2xy - 2y = 216 -----> x = 12, y = 10


ดังนั้น มีนักเรียนทั้งหมด 22 คน

banker 04 สิงหาคม 2011 09:56

1 ไฟล์และเอกสาร



จุดB และจุด E อยู่บนเส้นตรง AD และ AC ของสามเหลี่ยมACD
BC และ DE ตัดกันที่จุด F
สามเหลี่ยม ABC และสามเหลี่ยม AED เท่ากัน
AB = AE =1 และ AC = AD = 3
จงหาอัตราส่วนของพื้นที่สี่เหลี่ยม ABFE กับสามเหลี่ยม ADC


Attachment 6257

ตอบ 1 : 6

กิตติ 04 สิงหาคม 2011 11:16


ข้อ2.ส่วนB

เมื่อ $\alpha =1,2,3,...,2010,2011$ และรากของสมการ $x^2-2x-\alpha^2-\alpha=0$ คือ $(\alpha_1,\beta_1),(\alpha_2,\beta_2),(\alpha_3,\beta_3),...,(\alpha_{2010},\beta_{2010}),(\alpha_{2011},\beta_{2011})$ ตามลำดับ
จงหาค่าของ $ \frac{1}{\alpha_1}+ \frac{1}{\beta_1} + \frac{1}{\alpha_2} + \frac{1}{\beta_2} + \frac{1}{\alpha_3} + \frac{1}{\beta_3} +...+ \frac{1}{\alpha_{2010}} + \frac{1}{\beta_{2010}} + \frac{1}{\alpha_{2011}} + \frac{1}{\beta_{2011}}$

จาก$x^2-2x-\alpha^2-\alpha=0$
$\alpha +\beta =2$
$\alpha \bullet \beta=-\alpha^2-\alpha=-\alpha(\alpha+1)$
$\frac{1}{\alpha}+ \frac{1}{\beta}=\frac{\alpha +\beta}{\alpha \bullet \beta} $
$=\frac{-2}{\alpha(\alpha+1)} $
$=-2\left(\,\frac{1}{\alpha}-\frac{1}{\alpha+1} \right) $

$ \frac{1}{\alpha_1}+ \frac{1}{\beta_1} + \frac{1}{\alpha_2} + \frac{1}{\beta_2} + \frac{1}{\alpha_3} + \frac{1}{\beta_3} +...+ \frac{1}{\alpha_{2010}} + \frac{1}{\beta_{2010}} + \frac{1}{\alpha_{2011}} + \frac{1}{\beta_{2011}}$
$=(-2)\left\{\,1-\frac{1}{2}+\frac{1}{2}-\frac{1}{3}+\frac{1}{3} -\frac{1}{4}+...+\frac{1}{2010}-\frac{1}{2011}+\frac{1}{2011}-\frac{1}{2012}\right\} $
$=(-2)\left\{\,1-\frac{1}{2012}\right\} $
$=-\frac{2011}{1006} $

กิตติ 04 สิงหาคม 2011 13:31



ข้อ 1.
ให้ $a,b,c$ เป็นจำนวนเต็มบวก และ
$ab+bc+ac+2(a+b+c)=8045$
$abc-a-b-c=-2$
จงหาค่าของ $a+b+c$

จับสิ่งที่โจทย์ให้มาบวกกันจะได้
$ab+bc+ac+a+b+c+abc=8043$
$ab+bc+ac+a+b+c+abc+1=8044$
$(a+1)(b+1)(c+1)=8044=2\times 2\times 2011$..
..$2011$ เป็นจำนวนเฉพาะ
เนื่องจากโจทย์กำหนดให้ $a,b,c$ เป็นจำนวนเต็มบวก จึงเทียบตัวเลขได้
จะได้ค่ามาสามค่าคือ $1,1,2010$ ซึ่งค่าของ $a,b,c$ จะมีค่าไหนก็ตาม ผลบวกจะได้เท่ากัน
$a+b+c=2010+1+1=2012$

banker 04 สิงหาคม 2011 13:40

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ กิตติ (ข้อความที่ 121928)


ข้อ 1.
ให้ $a,b,c$ เป็นจำนวนเต็มบวก และ
$ab+bc+ac+2(a+b+c)=8045$
$abc-a-b-c=-2$
จงหาค่าของ $a+b+c$

จับสิ่งที่โจทย์ให้มาบวกกันจะได้
$ab+bc+ac+a+b+c+abc=8043$
$ab+bc+ac+a+b+c+abc+1=8044$
$(a+1)(b+1)(c+1)=8044=2\times 2\times 2011$....$2011$ เป็นจำนวนเฉพาะ
เนื่องจากโจทย์กำหนดให้ $a,b,c$ เป็นจำนวนเต็มบวก จึงเทียบตัวเลขได้
จะได้ค่ามาสามค่าคือ $1,1,2010$ ซึ่งค่าของ $a,b,c$ จะมีค่าไหนก็ตาม ผลบวกจะได้เท่ากัน
$a+b+c=2010+1+1= \color{red}{2010}$


จะไม่ได้คะแนนก็ตรงนี้แหละ ตายตอนจบ :haha:

กิตติ 04 สิงหาคม 2011 14:18

แก้แล้วครับลุงBanker...ขอคะแนนลุงแทนแล้วกันครับ:please::please::please:

กิตติ 04 สิงหาคม 2011 14:28



6.โจบอกเคทว่าผลคูณของจำนวนเต็มบวกสามจำนวนเท่ากับ $36$ และโจก็ได้บอกผลบวกของจำนวนเต็มบวกให้กับเคทด้วย แต่เคทยังไม่รู้ว่าจำนวนทั้งสามคือจำนวนไหน. จงหาผลบวกของจำนวนทั้งสามจำนวนนี้

ข้อนี้น่าจะหมูสุด ผมจะถูกหมูเขี้ยวตันกัดไหม
ผมตอบ$2+3+6=11$
ผมแยก $36$ เป็น $2\times 3\times 2\times 3$...มาดูว่าเราจะสร้างจำนวนเต็มบวกที่แตกต่างกันได้ยังไง
มันเหลือคำตอบเดียวคือ $2\times 3\times 6$
ผมตอบ $11$

banker 04 สิงหาคม 2011 15:01

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ กิตติ (ข้อความที่ 121931)


6.โจบอกเคทว่าผลคูณของจำนวนเต็มบวกสามจำนวนเท่ากับ $36$ และโจก็ได้บอกผลบวกของจำนวนเต็มบวกให้กับเคทด้วย แต่เคทยังไม่รู้ว่าจำนวนทั้งสามคือจำนวนไหน. จงหาผลบวกของจำนวนทั้งสามจำนวนนี้

ข้อนี้น่าจะหมูสุด ผมจะถูกหมูเขี้ยวตันกัดไหม
ผมตอบ$2+3+6=11$
ผมแยก $36$ เป็น $2\times 3\times 2\times 3$...มาดูว่าเราจะสร้างจำนวนเต็มบวกที่แตกต่างกันได้ยังไง
มันเหลือคำตอบเดียวคือ $2\times 3\times 6$
ผมตอบ $11$

1x1x36 = 36
1+1+36 = 38

1x2 x18 = 36
1+2+18 = 21

2 x2x9 = 36
2+2+9 = 13

.
.
ได้ไหมครับ

banker 04 สิงหาคม 2011 15:28



ไม่รู้แปลถูกไหม และก็ไม่รู้ว่าคำตอบถูกไหม

จงหาจำนวนเต็มบวกที่น้อยที่สุด ที่เป็นพหุคูณของ 7 และ 8 และมีเลข 7 กับเลข 8 อย่างน้อยหนึ่งจำนวนในจำนวนนั้น

56 x 13 = 728

Scylla_Shadow 04 สิงหาคม 2011 19:55

อ้างอิง:

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ banker (ข้อความที่ 121935)


ไม่รู้แปลถูกไหม และก็ไม่รู้ว่าคำตอบถูกไหม

จงหาจำนวนเต็มบวกที่น้อยที่สุด ที่เป็นพหุคูณของ 7 และ 8 และมีเลข 7 กับเลข 8 อย่างน้อยหนึ่งจำนวนในจำนวนนั้น

56 x 13 = 728

มันมีจุดที่บอกว่าจำนวนนี้ต้องประกอบด้วย 7 ไม่ก็ 8 ด้วยมั้งครับ
(that each digit is either 7 or 8)

Amankris 05 สิงหาคม 2011 00:13

#4
ยังทำไม่ถูกนะครับ

#9,#10
ต้องทำความเข้าใจประโยคนี้ก่อนครับ "แต่เคทยังไม่รู้ว่าจำนวนทั้งสามคือจำนวนไหน"

gon 05 สิงหาคม 2011 00:36

ข้อ 6. คุณ Banker กับคุณกิตติลองดูข้อ 8 ในหน้า 58 ของหนังสือที่ซื้อไปสิครับ คล้าย ๆ กัน :D

ทิดมี สึกใหม่ 05 สิงหาคม 2011 10:40

1 ไฟล์และเอกสาร
ข้อ 6 ผลรวมของจำนวนเต็มทั้สามจำนวน คือ 13
เกิดจาก (1) 1x6x6 > sum=13 หรือ
(2) 2x2x9 > sum=13

แสดงให้เห็นตารางทั้งหมดดังนี้


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 02:11

Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha