Mathcenter Forum

Mathcenter Forum (https://www.mathcenter.net/forum/index.php)
-   คอมบินาทอริก (https://www.mathcenter.net/forum/forumdisplay.php?f=16)
-   -   combinatorics (https://www.mathcenter.net/forum/showthread.php?t=627)

tana 11 กรกฎาคม 2004 07:18

combinatorics
 
combinatorics นี่หมายความว่าอะไรเหรอครับ ( ขอแบบชัดเจนหน่อยน่ะครับ ) แล้วหัวข้อในตัวมันมีเรื่องอะไรบ้างอ่ะครับ ( แบบครอบคลุมเลยนะครับ ) แล้วมันเป็นวิชาหนึ่งเลย หรือ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิชาอะไรรึเปล่าครับ

gon 11 กรกฎาคม 2004 11:43

พี่ก็ไม่รู้หรอกครับ. ว่าจริง ๆ หมายความว่าอย่างไร เคยเขียนไว้ในหน้าแรกของ http://www.mathcenter.net/sermpra/se...pra08p01.shtml ลองอ่านดู

tana 11 กรกฎาคม 2004 16:31

ถ้าเป็นตามที่พี่เขียนไว้ อย่างนี้ combinatorics กับ discrete mathematics ก็เป็นวิชาเดียวกันสิครับ เหมือนอย่างในหนังสือภิณทนคณิตศาสตร์ ของ อ.สมชาย ประสิทธิ์จูตระกูล

<DividedByZero> 11 กรกฎาคม 2004 17:28

combinatorics ไม่ใช่ mathematics ครับ
เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

combinatorics จะเกี่ยวกับการนับครับ ซึ่งมักจะเป็น discrete math
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแค่จำนวนเต็มนะครับ
ลองสังเกตดูได้ว่าเราไม่พบว่าความน่าจะเป็นที่มีค่าเป็นอตรรกยะเลย
อะไรประมาณนั้นอะครับ
(แต่ถ้าเป็นบางทฤษฎีก็เกี่ยวข้องนัครับ แบบว่าบอกไม่ถูก เพราะ math ก็ไม่ได้แยกกันอย่างชัดเจน ยังคงต้องพึ่งพากันอยู่ครับ)

ลองดูราบละเอียดที่นี่ได้ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Combinatorics http://mathworld.wolfram.com/Combinatorics.html

แนะนำเวป wikipedia.com หรือ mathworld.wolfram.com
ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับคณิตศาสตร์เบื้องต้นครับ

M@gpie 11 กรกฎาคม 2004 18:28

โอว..... เพิ่งเข้าใจที่พี่ gon เขียนหลังจากได้เรียน Difference Equation
555 แต่มีเรื่องที่จะถามคือ
1.ทำไมต้องสมมติ xn
แล้วเวลาเราแก้สมการเชิงอนุพันธ์เชิงเส้นที่มีสัมประสิทธิ์เป็นค่าคงตัว
2.ทำไมต้องสมมติ y=emx ด้วยล่ะครับ
เห็นอาจารย์บอกว่ามันคือ ไอเกนฟังก์ชัน ขอเชิญผู้รู้ ช่วยขยายความหน่อยคับ
3.เรามีวิธีแก้สมการเชิงอนุพันธ์สามัญเชิงเส้นที่มีสัมประสิทธิ์เป็นตัวแปร โดยไม่ใช้ series solution รึเปล่าคับ

TOP 12 กรกฎาคม 2004 03:12

1) ทำไมต้องสมมติ xn ?
วิธีแก้ความสัมพันธ์เวียนบังเกิดจริงๆ คงต้องเริ่มศึกษาจากฟังก์ชันก่อกำเนิด (Generating Function) ซึ่งพี่ก็ไม่ได้ศึกษามากนัก แต่จะยกตัวอย่างสั้นๆ กรณีนำมาใช้แก้ความสัมพันธ์ที่เป็นลำดับฟิโบนักชีให้ดูอีกครั้ง (เคยกล่าวถึงวิธีนี้แล้ว ในบทความเรื่อง อนุกรมอนันต์)

เราจะสมมติว่ามีฟังก์ชัน F(x) = a0 + a1x + a2x2 +a3x3 + a4x4 + ... ภายใต้เงื่อนไขหนึ่ง
โดยที่ a0, a1, a2, a3, a4, ... , an, ... ตรงกับลำดับที่ทำให้ ความสัมพันธ์เวียนบังเกิดเป็นจริง
เนื่องจากลำดับฟิโบนักชี มีความสัมพันธ์เวียนบังเกิดคือ an = an-1 + an-2 โดย a0 = 1, a1 = 1
และหากสัมประสิทธิ์ของ F(x) เป็นลำดับที่ทำให้ ความสัมพันธ์เวียนบังเกิดนี้เป็นจริง จะได้ว่า
F(x) = x*F(x) + x2*F(x) + 1
ลองสังเกตดูนะครับว่า การคูณ F(x) ด้วย xn ทำให้สัมประสิทธิ์ของ x กำลังใดๆเลื่อนลำดับขึ้นไป n ลำดับ ด้วยเหตุนี้ที่ค่า x กำลังเดียวกัน สัมประสิทธิ์ของ xn*F(x) จึงเทียบเท่ากับสัมประสิทธิ์ ย้อนหลังไป n ค่าของ F(x)
นอกจากนี้เราต้องบวกค่า 1 เพื่อให้สัมประสิทธิ์ของ x0 ถูกต้อง
ดังนั้นจะได้ F(x) = 1
1 - x - x2
= 1
(1 - Ax) (1 - Bx)
= 1
5



A
1 - Ax
- B
1 - Bx




โดย A = 1 + 5
2
, B = 1 - 5
2

และเนื่องจาก 1
1 - cx
= 1 + cx + c2x2 + c3x3 + ... โดย |cx| < 1

เราจึงเขียน F(x) แบบแจกแจงสัมประสิทธิ์ได้อย่างง่ายๆคือ
F(x) =
S
n = 0
1
5


An+1 - Bn+1

xn


และค่าสัมประสิทธิ์ของ xn ใดๆ ก็คือลำดับฟิโบนักชีตัวที่ n นั่นเอง

ลองนำวิธีนี้ไปใช้กับ ความสัมพันธ์เวียนบังเกิดเอกพันธุ์เชิงเส้น ที่มีสัมประสิทธิ์เป็นค่าคงที่ จะพบว่า สุดท้ายแล้ว F(x) จะเขียนได้ในรูปเศษส่วนย่อยเสมอ จึงได้ผลเฉลย an อยู่ในรูปผลรวมเชิงเส้นของ rn ต่างๆเท่านั้น ด้วยเหตุนี้การหาค่า r ทั้งหมดโดยง่าย คือให้เราแทนค่า an = rn แล้วแก้สมการหา r ทั้งหมดออกมา ตามวิธีที่ได้เรียนมา แล้วนำทั้งหมดมา สังเคราะห์เป็นผลเฉลยที่สมบูรณ์อีกครั้ง

2) หากเราสังเกตผลเฉลยของสมการอนุพันธ์เชิงเส้นดีกรี 1 คือ
y' + ay = 0 จะพบว่า ผลเฉลยคือ y = c1e-ax
ดังนั้นเราอาจตั้งข้อคาดเดาไว้ว่า ที่ดีกรีสูงกว่านี้จะมีผลเฉลยในรูปนี้เช่นกัน จึงสมมติว่าผลเฉลยย่อยคือ y = emx ไปก่อน หลังจากหาค่า m ทั้งหมดได้แล้วค่อยมาดูกันอีกที ว่ารูปแบบทั้งหมดเป็นอะไรได้บ้าง รูปแบบจะเพิ่มขึ้นเมื่อพบค่า m ซ้ำกัน รูปแบบที่เพิ่มขึ้นหาได้ด้วยวิธี "หาผลเฉลยถัดไป จากผลเฉลยเดิมที่รู้" สุดท้ายได้หลักการง่ายๆมาคือ คูณด้วย x ซ้ำเข้าไป ตามที่ได้เรียนมา ส่วนสาเหตุที่เรียกผลเฉลยย่อยทุกตัวว่าเป็น ไอเกนฟังก์ชัน ก็เพราะมันเป็นอิสระต่อกันแบบเชิงเส้นทั้งหมด และทั้งหมดรวมกันแบบเชิงเส้น จะเป็นผลเฉลยที่สมบูรณ์ทั้งหมด

3) วิธีแก้ที่ใช้ได้ทั่วไปคงไม่มีครับ คิดว่าใช้อนุกรมอนันต์ครอบคลุมทั้งหมดแล้ว (แต่มันก็ไม่น่าใช้เอาซะเลย :rolleyes: )

<nooonuii> 12 กรกฎาคม 2004 10:50

combinatorics เป็นวิชาว่าด้วยการนับ การจัดเรียง และ การแบ่งกลุ่ม บนเซตจำกัด จัดอยู่ในวิชาจำพวก Discrete mathematics ครับ วิชาที่เกี่ยวโยงกันกับ Combinatorics ก็มีพวก Graph theory, Number theory บางส่วน หรือ ทฤษฎีความน่าจะเป็นบางส่วน ซึ่งบางครั้งเขาก็รวมเอาพวกนี้เข้าไปอยู่ใน Combinatorics ด้วย ผมชอบเรียก "คณิตศาสตร์จับฉ่าย" เพราะว่ามันไปโยงใยอยู่ในวิชาอื่นเยอะ ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับการนับแบบจำกัดเราก็นึกถึงวิชานี้ก่อนเลย

ทำไมเวลาแก้สมการเชิงอนุพันธ์เชิงเส้นจึงต้องสมมติเป็น e^mx? อันนี้อยู่ใน Linear Algebra น่ะครับ คร่าวๆคือ เซตของฟังก์ชันที่มีอนุพันธ์จะมีคุณสมบัติทางพีชคณิตที่เรียกว่า Vector space ครับ ซึ่งเราจะมีแนวคิดเกี่ยวกับ eigenvalue eigenvector(eigenfunction) ส่วนการดำเนินการที่เรียกว่า การหาอนุพันธ์ นั้นจะมีคุณสมบัติทั่วไปที่เรียกว่า การแปลงเชิงเส้น (Linear Transformation) แต่ในเรื่องนี้เราจะเรียกว่า Differential operator ครับ ลองไปหาอ่านดูครับผมจำไม่ได้เสียแล้ว

การแก้ความสัมพันธ์เวียนเกิดแบบเชิงเส้นก็ทำนองเดียวกันครับ จริงๆแล้วความสัมพันธ์เวียนเกิดกับสมการเชิงอนุพันธ์คือสิ่งเดียวกันครับ(เชื่อหรือไม่?) โดยความสัมพันธ์เวียนเกิดจะกล่าวถึงฟังก์ชันบนเซตของจำนวนนับ(discrete) ในขณะที่สมการเชิงอนุพันธ์จะกล่าวถึงฟังก์ชันบนเซตของจำนวนจริง(continuous)

ส่วนการแก้สมการเชิงอนุพันธ์แบบไม่เชิงเส้นนั้นเราเอาคุณสมบัติที่ว่า ฟังก์ชันที่มีอนุพันธ์ทุกอันดับ(infinitely differentiable function) จะเขียนแทนด้วยอนุกรมเทย์เลอร์ได้เสมอมาใช้น่ะครับ ซึ่งเป็นเพียงวิธีการหนึ่งเท่านั้น สมการแบบนี้จะไม่มีรูปแบบที่แน่นอนในการหาคำตอบ (เหมือนกับการแก้สมการพีชคณิตแบบไม่เชิงเส้นนั่นแหละครับ) แต่ยังมีวิธีการอื่นๆให้หาคำตอบได้อีกนะครับ เช่น การแปลงลาปลาซ(Laplace transform) การแปลงฟูเรียร์(Fourier transform) Distribution และ numerical method เป็นต้น

gon 13 กรกฎาคม 2004 12:50

มีคนช่วยตอบให้แล้วครับ. Nooonuiii นี่เขาเรียนมาทางเลขโดยตรงเหมือนกัน ส่วนพี่ไม่ค่อยจะรู้จริงเท่าไร เพราะไม่ได้เรียนมาโดยตรงด้วย เส้นเชื่อมของวิชาต่าง ๆ มองไม่ค่อยจะเห็น อย่าง Cal นี่ตอนนี้แทบจะเป็นศูนย์ครับ. หายเกือบหมด ไม่ได้ใช้ สมัยเรียนอาจารย์ท่านก็ไม่ได้เน้นพิสูจน์ด้วย อันไหนที่พอตอบได้ก็จะพยายามตอบให้ได้


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 12:08

Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha