ดูหนึ่งข้อความ
  #4  
Old 30 กันยายน 2012, 01:22
passer-by passer-by ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 11 เมษายน 2005
ข้อความ: 1,442
passer-by is on a distinguished road
Default

15 เรื่องที่ต้องขยายใน Singapore

ไปหาดใหญ่ 4 รอบ ในช่วง 5 เดือน แต่ไปสิงคโปร์ 3 รอบในช่วง 1 เดือนครับ ต้องบอกว่า จริงๆ ผมกะไปแค่รอบเดียว คือ 20-22 กันยายนที่ผ่านมา แต่มีธุรกรรมบางอย่าง ประกอบกับความโชคดี ที่มีคนออกค่าตั๋วเครื่องบิน ให้ 1 รอบครึ่ง ก็เลยได้ไปรวม 3 รอบในระยะเวลา 1 เดือนครับ

รอบแรกที่ผมไป คือ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมาครับ เป็นการไปแบบฉายเดี่ยว ไม่มีสัมภาระ ไป Flight เช้า ตอน 7:05 เวลาประเทศไทย และถึงที่นั่น 10:25 เวลาสิงคโปร์ ( สิงคโปร์ เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงครับ) ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 20 นาที ส่วนขากลับ ก็กลับวันนั้นเลยครับ ตอน 5 โมงครึ่ง (เวลาสิงคโปร์) และถึงไทยประมาณ 1 ทุ่ม

ความรู้สึกในการไปครั้งแรก เหมือนแข่งเกมโชว์ Amazing race Asia มากครับ เพระมีเวลาทำธุระประมาณ 5 ชั่วโมงก่อนบินกลับ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีเกินคาดครับ

รอบที่สอง ก็ไปเช้า เย็นกลับเหมือนกัน เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา รอบนี้ไปกับเพื่อน 1 คน และรอบสุดท้าย ก็คือ 20-22 กันยายนที่ผ่านมาครับ ไปกับรุ่นน้องอีก 2 คน

ในความเห็นผม บ้านเมืองเขาเป็นระเบียบดีครับ และคนจีนเยอะมากๆๆๆ ประหนึ่งเอาประเทศจีนมาตั้งสาขา 2 ที่นี่ แต่ผมว่า สิงคโปร์ ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวนะครับ ที่เขาคึกคักตลอดเวลา ส่วนนึงเพราะมีการจัดกิจกรรมเยอะมาก อย่างรอบสุดท้ายที่ผมไป ก็คาบเกี่ยวกับ งานแข่ง รถ formula one ซึ่งปิดถนนหลายสายเหมือนกัน รอบก่อนหน้าก็มีการส่งมอบแพนด้าครับ หรืออย่างงานเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ที่จัดกันเป็นเดือนๆ ก็มีครับ และเห็นเดือนหน้าจะมีแข่ง international MMA (Mixed martial arts) : Rise of the kings ด้วยครับ

เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ในห้างกลางเมือง

ไปสิงคโปร์มา 3 รอบทั้งที ก็มีของฟรีมาแจกชาว mathcenter นะครับ แต่ขอเก็บไว้แจกช่วง ประมาณ พฤศจิกายน ธันวาคม ตอนนี้ยังคิดกติกาแจกไม่ออกครับ

มาเริ่ม focus 15 อย่างของสิงคโปร์ที่ผมนำมาบอกต่อกันครับ

15. บันไดเลื่อนชิดซ้าย : ภาพคนขึ้นบันไดเลื่อนแล้วชิดซ้าย เสมือนมีการตั้งโปรแกรมไว้ใน gene ของคนสิงคโปร์ เป็นภาพที่เห็นจนชินตาของนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ อาจจะไม่ใช่คนสิงคโปร์ทุกคนที่ทำแบบนี้ แต่ก็เกือบ 70-80 % เท่าที่ผมเห็น โดยวัฒนธรรมแบบนี้ ก็จะทำให้พวกที่อยู่ในชั่วโมงเร่งด่วน ขึ้นด้านขวาได้ครับ เป็นเรื่องของน้ำใจผสมระเบียบวินัย ที่น่าจะใช้ในเมืองไทยบ้างครับ

14. Alight : ใครที่นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินที่นั่น จะได้ยินคำแปลกๆคำนี้ บ่อยมาก ซึ่งตอนแรก ผมเข้าใจว่า เป็นคำเดียวกับ align ที่แปลว่าเรียงเป็นแนว แต่ฟังกี่รอบ ก็ได้ยินหางเสียง มีตัว t ตลอด ผมก็เลยกลับมาเปิด dict Webster ที่บ้าน ถึงรู้ว่ามันมีคำนี้อยู่จริงด้วย ถ้า copy มาจาก dict มันจะแปลว่า to get down or off from vehicle , to come down after flight, descend and settle ถ้าแปลเป็นไทย ก็น่าจะใจความประมาณให้เตรียมลงรถครับ มันจะเป็นเสียงจากอินเตอร์คอม ประมาณว่า ผู้โดยสารที่จะลงสถานีหน้า please alight at the door area นอกจากคำว่า alight แล้ว บางสถานีของรถไฟใต้ดิน ก็จะมีชื่อแปลกๆ เช่น สถานี Outram park ซึ่งผมก็หลงอ่าน Out-ram-park ตั้งนาน แต่จริงๆแล้ว มันอ่านว่า Ou –tram-park ครับ แล้วคำว่า tram จะออกเสียงประมาณ trum ครับ เป็นสถานีใกล้กับ China town

13. โรงแรมในสิงคโปร์ : บอกได้คำเดียวว่าถ้ามาหาโรงแรมเอาดาบหน้าแบบ walk-in rate จะแพงมากครับ ขนาดผมให้รุ่นน้องจองผ่าน website agoda ยังต้องออกคนละ 2000 กว่าบาทเลยครับ แค่มาพัก3 คน 1ห้อง 2 คืนกับโรงแรม 3ดาว แต่ถ้ามีโอกาสรอบหน้า ผมว่าจะลองมาพักแบบโรงแรมพวก backpacker ดู เพราะมันถูกกว่า
ภายในโรงแรมทีนี่ ส่วนใหญ่ คนมักจะพูดว่าห้องเล็กครับ แต่ ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน wifi ก็มีให้ใช้ครบครับ

12. รถเมล์ 2 ชั้น : ใครเคยไปออสเตรเลียหรือ ยุโรป อเมริกา รถเมล์บ้านเขา จะมีที่ให้รถเข็นคนพิการขึ้นได้ครับ เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์ และผมว่า รถเมล์ที่นี่ ก็เป็น option ที่น่าสนใจ สำหรับใครที่จะมาเที่ยวนะครับ เพราะดูสะอาด และที่สำคัญมี 2 ชั้น เพียงแต่ว่า ควรจะซื้อบัตรโดยสารแบบ tag รอบเมืองไว้ จะดีกว่ามาหยอดเหรียญลงตู้ เพราะราคา ต้องจำเอาเองครับ ว่ากี่เหรียญ กี่เซนต์ ถ้าเทียบกับบ้านเรา ก็ราคาประมาณ รถ ปอ. ในกรุงเทพครับ ที่อาจจะแพงกว่านิดหน่อย

11. MRT interchange : ใครที่จะไปสิงคโปร์ แนะนำซื้อหนังสือ สิงคโปร์ :คู่มือเที่ยวตามใจชอบ ติดตัวไว้ครับเพราะข้างในจะแถมแผนที่ MRT ไว้ให้ และจะบอกว่า MRT /BTS /airport link ในกรุงเทพ ดูเด็กๆไปเลยครับ เพราะมาที่สิงคโปร์ คุณจะเจอ MRT 4 สายไขว้รอบเกาะสิงคโปร์ เรียกได้ว่า interchange กันเยอะมากครับ สายสีนั้นไขว้กับสายสีนี้ สนุกสนานมาก

มันมีกฏง่ายๆ ข้อนึง สำหรับใครที่กลัวหลง คือจะมีสถานีสำคัญ คือ Dhoby Gaut ครับ ซึ่งจะเป็นจุดตัดสายสีส้ม สีแดง และสีม่วง กับอีกสถานีคือ Tanah merah ซึ่งจะเป็นสายสีเขียวและเป็นจุด interchange ไปสนามบินแห่งชาติครับ

ส่วนตัว ผมไป 3 รอบ ช่วงแรกๆก็ยังใช้แผนที่ครับ แต่ช่วงหลังๆใช้ sense นำทางอย่างเดียวครับ เพราะ ขึ้น ลง MRT จนหลอนไปหมดแล้ว ลักษณะวิวข้างทางของ MRT ก็จะเป็นตัวบอกตำแหน่งที่ดีอย่างนึง มีข้อสังเกตว่าสำหรับสายสีเขียว จากสนามบิน มาสถานีที่สอง คือ Expo (ซึ่งก็ไม่ต่างกับ impact arena / bitec bangna บ้านเรา) จะใช้เวลานานมากครับ จากนั้นจะเริ่มเห็นเห็น ต้นไม้ เห็นโรงเรียนประถม เห็นวิวทิวทัศน์ ซึ่งสื่อได้อย่างนึงว่า แถวนี้เป็นตะวันออกของ สิงคโปร์ครับ เปรียบเทียบกับกรุงเทพก็เหมือนผ่านลาดกระบัง ประเวศ พัฒนาการ กำลังจะเข้าใจกลางเมือง แล้วพอถึงสถานีใจกลางเมือง เมื่อไหร่ จะมุดลงใต้ดินครับ จะมืดๆ แบบ MRT บ้านเรา พอเริ่มกลับมาเห็น ต้นไม้ ปั๊มน้ำมัน อีกรอบ ก็เข้าสู่ตะวันตกของสิงคโปร์ครับ

การโดยสาร แนะนำให้ซื้อ บัตรโดยสารที่เรียกว่า EZ link ครับ ซื้อครั้งเดียว ใช้ได้ 2 ปีครึ่งโดยประมาณ ใช้ tag ได้ทั้ง MRT และรถเมล์ เติมเงินได้ครั้งละ 10 SGD เป็นอย่างต่ำ ไม่งั้น ต้องไปหยอดเหรียญซื้อบัตรโดยสารเที่ยวเดียว ซึ่งที่นี่จะเป็นบัตรแข็งสีเขียว ที่มีค่ามัดจำ 1 SGD โดยตอนลงสถานีแล้ว ต้องไปหยอดตู้ refund เงินคืนด้วยนะครับ แล้วตู้จะดูดบัตรไป

10. วัดป่าเลไลยก์ : เป็นความตั้งใจของผมที่อยากจะมาเห็นวัดไทยในต่างแดนด้วย และต้องบอกว่า เป็นวัดที่อยู่ใกล้สถานี Tanah merah โดยต้องเดินประมาณ 20 นาทีครับ จำง่ายๆว่า อยู่ตรงข้ามตลาด Bedok ภายใน มีพระพรหมสี่หน้า ซึ่งสื่อถึงพรหมวิหาร 4 และพระพุทธรูปประดิษฐานใน โดมคล้ายตึก เป็นวัดไม่ใหญ่มากครับ บังเอิญผมไปวันธรรมดา ก็เลยมีคนไม่เยอะ แต่เสาร์ อาทิตย์น่าจะมีคนมานั่งสมาธิเยอะ ก่อนออกจากวัด ยังแอบเห็นหนังสือบทสวดมนต์เล่มใหญ่มาก ที่แปลไทยเป็นอังกฤษด้วยครับ

หันหน้าเข้าหาวัด

9. NUS : เป็นมหาวิทยาลัยที่ top สุดของสิงคโปร์ครับ และติดอันดับโลกอย่างสม่ำเสมอ ย่อมาจาก National university of Singapore โดยมีหลาย campus มาก ที่ผมไป อยู่บนเส้น MRT เรียกว่า Kent Ridge Campus ครับ ขึ้นจาก MRT ปั๊บ จะเจอโรงพยาบาล NUH ซึ่งผมเข้าใจเอาเองว่า อารมณ์คงเหมือน ม. ขอนแก่น ต้องมี รพ.ขอนแก่น ภายใน NUS จะมีรถ shuttle bus เวียนครับ

หน้าคณะแพทยศาสตร์

Heart Center in NUH

ที่ campus นี้จะมี book store อยู่ใกล้ๆ คณะทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งราคา textbook จะถูกกว่า ที่ขายใน book store ตามห้าง และมีหนังสือเฉพาะทางเยอะกว่า book store ในห้างครับ นอกจากนี้ก็มีขายพวก ของกิน อุปกรณ์การเรียน และเสื้อโลโก้มหาลัย ซึ่งผมซื้อเสื้อโปโลกลับมาตัวนึงครับ
-------------------------------------------------------------------------------------

มา countdown 8 เรื่องสุดท้าย ใน comment หน้าครับ
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว

30 กันยายน 2012 01:34 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ passer-by
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้