ดูหนึ่งข้อความ
  #5  
Old 30 กันยายน 2012, 16:27
passer-by passer-by ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 11 เมษายน 2005
ข้อความ: 1,442
passer-by is on a distinguished road
Default

แถมให้อีก 3 ภาพก่อนเข้าสู่ 8 อันดับที่เหลือครับ

หน้ารัฐสภาสิงคโปร์
ข้างโบสถ์ St. Andrew
วัดจีนใน china town

8. Singapore Botanic Garden : สำหรับใครที่จะออกกำลังกายด้วยการเดิน แนะนำให้มาที่นี่ครับ มันคือสวนพฤกษศาสตร์ที่กินอาณาบริเวณ 520,000 ตารางเมตร (ประมาณ 325 ไร่) ภายในมีต้นไม้หลายแบบ ทั้ง โซนกล้วยไม้ โซนสวนหิน โซนสมุนไพร Eco lake , ginger garden etc. การเดินทางก็มาได้ 2 ทางคือ รถบัสกับ MRT สถานีชื่อเดียวกับสวนเลยครับ เข้าใจว่า ตอนเช้าๆ น่าจะมีคนมาวิ่งเยอะ เพราะมันเหมือนสวนลุมพินี สวนเบญจกิติผสมสวนหลวง ร.9 แต่เนื้อที่อภิมหากว้าง ผมได้ไปที่นี่รอบสุดท้าย ยังได้เดินแค่ 3 โซนเองคือ โซนสวนหิน โซนพืชสมุนไพรและพืชมีพิษ (Healing garden) และ Eco lake ถ้าจะเดินครบผมว่าอาจจะต้องอยู่เกือบทั้งวันครับ ซึ่งแนะนำให้มาตอนแดดไม่แรง ไม่งั้นจะเหนื่อยมากๆ
ที่นี่ถ้าไม่นับโซนกล้วยไม้ ไม่มีค่าผ่านประตูครับ

ต้นไม้ข้างทางใน botanic garden

7. สนามบิน Changi : ภายในมี 3 terminals ครับ โดย Terminal กลางหรือ T2 จะเป็นจุดที่เชื่อมกับ MRT เข้าเมือง แต่เวลาเครื่องบินไทยไปลง ไม่ว่าการบินไทยหรือ air asia จะลงที่ T1 ครับ จากนั้นจะมีรถไฟสั้นๆ ไม่มีคนขับ พาเราไปยัง T2 เพื่อไปต่อ MRT เข้าเมือง ถ้าใครมีกระเป๋าสัมภาระ จะได้หลังจากผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองหรือ ตม. ที่ T1 ครับ ตอนผมไป 2 รอบแรก ผมไม่มีสัมภาระ ผมก็เลยเดินดุ่ยๆ ขึ้นรถไฟสั้นๆ ไปผ่าน ตม. ที่ T2 เลยครับ

ตรงหน้า MRT changi airport จะเป็นจุดที่ขาย Ez link ครับ ราคาบัตร 10 SGD แต่มูลค่าใช้จริง 7 SGD ถ้ามูลค่าในบัตรเหลือต่ำกว่า 3 SGD จะถูกบังคับให้เติมเงินที่ตู้โดยสารหน้าสถานีก่อนครับ

ที่สำคัญคือ ใบ ตม. เข้าสิงคโปร์ สีแดงๆ ที่แจกบนเครื่องบินครับ หลังจากผ่าน ตม.เข้าสิงคโปร์แล้ว เขาจะ ฉีกซีกซ้ายเก็บไว้ และคืนซีกขวาเสียบพาสปอร์ตมา ใบนั้นอย่าทิ้งนะครับ ไม่งั้นไม่ได้กลับเมืองไทยนะ เขาจะขอดูและเก็บคืนตอน ตม.ขาออกสิงคโปร์ ตอนเราบินกลับครับ

ขั้นตอนออกนอกประเทศของไทยกับสิงคโปร์จะสลับกันครับ เมืองไทยจะเริ่มจาก สแกนอาวุธ ที่ต้องถอดเข็มขัด ถอดนาฬิกาออกก่อน จากนั้นจะไป สแกนพาสปอร์ต แล้วจบด้วยรอขึ้นเครื่องหน้า gate ซึ่งซื้อน้ำขึ้นเครื่องได้และตรงที่รอมีห้องน้ำ แต่ สิงคโปร์จะเริ่มจาก ตรวจพาสปอร์ต ตามด้วยรอหน้า gate และ scan อาวุธหน้า gate ก่อนขึ้นเครื่องครับ ภายในห้องที่รอขึ้นเครื่อง จะมีน้ำก๊อกดื่มได้ แต่ไม่มีห้องน้ำ น้ำทุกขวดที่ถือมาหน้า gate จะต้องทิ้งให้หมดก่อนสแกนอาวุธครับ ยกเว้น ของเหลวที่ซื้อจาก duty free ในสนามบินสิงคโปร์

และถ้าใครหิว ก่อนบินกลับ แนะนำให้ไปกิน food court ที่ T3 ครับ มีของขายเยอะดี

6. น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง : หรือ fountain of wealth ที่ติดป้ายไว้ใหญ่โตว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ก็ไม่รู้จริงหรือเปล่าครับ) จะมีการแสดงเลเซอร์ประกอบน้ำพุให้ดูตอนเย็นครับ เปิดเป็นรอบๆ อยากรู้ว่าสวยแค่ไหน ต้องไปดูเองและถ่ายเป็นวีดีโอเก็บไว้ครับ ส่วนใครอยากสัมผัสน้ำพุ ก็จะมีเป็นรอบๆ เปิดให้เข้าไปครับ มีความเชื่อว่า การมาสัมผัสน้ำพุ ที่นี่แล้วอธิษฐาน จะช่วยเรื่องความสำเร็จ ความโชคดีครับ โดยใช้มือขวาสัมผัสน้ำ และเดินตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ แต่ผมไปรอบนี้ ไม่ทันไปสัมผัสน้ำครับ ทันแต่ดู laser show

น้ำพุนี้ เข้าใจว่า สร้างตามหลักฮวงจุ้ยครับ ให้เหมือนเป็นมือ ที่รองรับเงิน เพราะมันตั้งอยู่ center ของตึก 5 ตึกที่ล้อมรอบเป็นวงกลม เรียกว่าตึก Suntec City อยู่ตรงบริเวณที่เรียกว่า Temasek Boulevard ครับ
รอบๆน้ำพุ มีร้านของกิน สไตล์ห้าง กระจุกตัวเยอะมาก เรียกว่า Fountain food terrace ครับ

laser show(ยืมภาพคนอื่นม่า)

5. Boat Quay/ Clarke quay : Quay อ่านว่าคีย์ นะครับ แปลว่าท่าเรือ เป็น 2 จุดที่อยู่ใกล้กัน เป็นโซนที่คนมานั่ง chill ตอนกลางคืน อารมณ์เหมือนทองหล่อ บ้านเรา หรือคนมาพักโรงแรมติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่นั่งบาร์ริมแม่น้ำ ที่ Boat quay ตอนกลางคืน แถวสะพานข้ามแม่น้ำ Elgin น่าจะเป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยมากจุดนึง รูปที่แนบให้ด้านล่างเป็นภาพถ่ายตอนเย็นครับ

สะพาน Elgin ตรง Boat Quay 16:00

4. Marina Bay Sand : ใครมาสิงคโปร์ ก็อยากมาตรงนี้ครับ แต่ผมว่าค่าเข้าชมมันแพงมากครับ คนละ 20 SGD (500 บาท) เพื่อขึ้นไปดูวิวจากมุมสูง ตรง sand sky park บนโรงแรมที่เหมือนเรือพาด 3 ตึก คงต้องมองว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตครับ แล้วจะได้ไม่เสียดายเงิน จากมุมสูงจะเห็นอ่าวมารีนา เห็น Singapore flyer (ชิงช้าสวรรค์ ที่ค่าขึ้นแพงมาก) เห็นถนนหนทางในเมืองครับ เป็นจุดชมวิวกลางคืน ที่นักท่องเที่ยวเยอะมาก

โรงแรมนี้ หรูมากๆๆ มีกาสิโนข้างในด้วย ซึ่งผมคงไม่มาพักแน่ๆ เข้าใจว่า คนสร้างคงอยากให้เหมือนลาสเวกัสครับ สำหรับการเดินทางด้วย MRT มาที่นี่ จะแปลกกว่าสถานีอื่นนิดนึง เพราะพอมาถึงสถานี Marina Bay แล้ว ต้องมาวนสายสีส้มอีก 1 สถานี เพื่อไปลง Bay Front ครับ ถ้าลงตรงสถานี Marina Bay จะเจอแต่ถนนโล่งๆ มองไม่เห็น Marina Bay sand แน่นอน

มุมสูงจาก Sand sky park

3. ชอคโกแลต และน้ำหอม : สำหรับสุภาพสตรี ที่ปรารถนาน้ำหอมปลอดภาษี ที่นี่น่าจะเป็นสวรรค์ครับ เพราะมีจุดขายน้ำหอมปลอดภาษีเยอะมาก ทั้ง Armani Giorgio etc. จุดแรกคือ china town ครับ ลง MRT ทางออก A แล้วเดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ เลี้ยวขวาตรง food street แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆครับ จุดที่สอง คือ Mustafa shopping center เป็นโซนแขก โซนเดียวของสิงคโปร์ ที่มีของขายเยอะมาก ทั้ง กะปิ น้ำปลา ไปจนถึง อุปกรณ์ ไอที ผมเห็นคนไทยชอบมา ชอปปิ้งของถูกที่นี่ (แต่ก็ไม่ทั้งหมดนะครับ) โดยก่อนเข้าห้าง เขาจะล็อคซิปกระเป๋าถือ กระเป๋าเป้เราทุกอย่าง คงกลัวเราไปขโมยของ นอกจากน้ำหอมแล้ว ที่มุสตาฟา ยังเป็นโซน chocolate ด้วยครับ แต่ถ้าถามผม ผมว่าอยากได้ chocolate ดีๆ ควรไปซื้อที่สนามบินสิงคโปร์ ตอนขากลับไทย หลังจากเราผ่าน ตม.เข้าไปแล้ว ให้มองหาร้าน Chocolate Co อันนี้การันตีว่า ราคาโอเค ตอนรอบสอง ผมซื้อ ชอคโกแลตไส้มะพร้าว Bounty กลับไทยก็ที่นี่ รอบสุดท้าย รุ่นน้องผมซื้อยี่ห้อ Lindor ก็เห็นบอกว่าราคาถูกดี

2. 6 ห้างย่าน orchard : Orchard เป็นโซนชอปปิ้งสไตล์ brand name ที่ใหญ่สุดของสิงคโปร์ มี 6 -8 ห้างตั้งเรียงกัน 2 ฝั่งถนนครับ พอลงสถานี MRT orchard มันก็จะเดินทะลุใต้ห้าง 6 ห้างนี้ได้ทันที ที่จำได้ก็จะมี Tang Plaza , Wisma Atria ,Paragon (อันนี้ของขายเหมือน สยามพารากอนบ้านเรา) , Lucky plaza , ION orchard, Takashimaya center (Ngee Ann city)

รอบสุดท้ายที่ไป เป็นวันที่เขามีเปิดตัว Iphone 5 ที่ paragon สิงคโปร์ครับ เห็นคนมาต่อคิวยาวมาก ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่น้องๆผม มันเด็กรุ่นใหม่ ติดไอที ก็เลยได้แช่ตรง booth นั้นนานหน่อย

ที่ต้องพูดถึง 3 ห้าง คือ Lucky plaza ครับ เพราะเป็นร้านของถูกอารมณ์ มาบุญครองบ้านเรา ที่ตั้งอยู่ท่ามกลาง zone ของแพง ที่นี่ก็มีขายน้ำหอมเยอะครับแล้วก็ food court สไตล์เอเชีย และสินค้าอื่นๆแบบห้างทั่วไปบ้านเรา

ห้างต่อมาคือ ION orchard ครับ ถ้านับบรรดาห้างที่บรรยากาศน่าเดินสุดใน 6 ห้าง ก็ต้องยกให้ห้างนี้ อารมณ์เหมือน สยามพารากอนบ้านเราเป๊ะครับ แต่ space ดูกว้างกว่า ของขายก็พวก brand name ต่างๆนานา

แต่ที่ผมชอบมากคือ Takashimaya center ครับ ตึกจะเป็นสีแดงๆ แต่งห้างไม่สวย แต่เป็นที่ตั้งของ Kinokuniya ที่ใหญ่สุดในอาเซียน อยู่บนชั้น 3 ของห้างครับ มีหนังสือครบทุก category เดินกันจนงง ถึงแม้ว่า อาจจะไม่ใช่หนังสือเฉพาะทางมากๆแบบในมหาวิทยาลัย แต่การันตีว่า เลิศกว่า kinokuniya ในสยามพารากอนครับ ส่วนชั้นล่างก็จะมี food court ร้านอาหาร ร้านขนมเพียบ รับรองว่าไม่อดตายแน่ ถ้ามาห้างนี้ ใครที่มีโอกาสผ่านมา food court ที่นี่ แนะนำให้มากินข้าวไก่ พริกไทยดำ ที่เสิร์ฟทั้งถาด ร้อนฉ่า มีคนต่อแถวยาวมาก (ซึ่งผมขี้เกียจรอ เลยไม่รู้ว่าอร่อยมั้ย) และภาพที่ถ่ายไปในกระทู้ก่อน ตรงเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ก็มาจากห้างนี้ครับ เขาจะจัดถึง 30 กันยายน ครับ

1.Bras Basah complex : และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 สถานที่ที่ผมชอบมากๆๆ เพราะมันเป็นความเรียบง่ายที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ทีสำคัญ มันอยู่ตรงข้ามโรงแรมที่ไปพักรอบสุดท้ายด้วย ที่นี่เขาขนานนามว่าเป็น art culture and education zone ของสิงคโปร์ เป็นตึกเก่าๆ 4 ชั้นธรรมดา แต่ผมมาที่นี่ 3 ครั้ง ผมก็มา bras basah complex ทั้ง 3 ครั้งครับ

ข้างล่างมี food court 24 ชั่วโมง และอร่อยมากๆ กว่าร้านอื่นที่แนะนำในหนังสือท่องเที่ยวหลายเล่ม คือมันอร่อยแบบกินนั่นกินนี่ได้ครับ ไม่ใช่ว่า มีเมนู 10 อย่างกินได้อย่างเดียว แต่ราคาเฉลี่ยก็อยู่ที่ 4 เหรียญครับ (3.50 กับ 2.50 เหรียญก็มีครับ) รุ่นน้องผมติดใจข้าวมันไก่ที่นี่มาก และผมเห็นมีสับปะรด import จากเมืองไทยมาขายที่นี่ด้วย

ไม่ได้มีดีแต่ของกินครับ ที่นี่เป็นโซน sell and buy used books หรือซื้อขาย หนังสือมือสอง ที่ใหญ่สุดในสิงคโปร์และเหมาะกับนักเรียน นักศึกษามาหาหนังสือมากๆครับ เสียดายที่ผมไม่ได้อยู่วัย undergraduate แล้ว เพราะถ้าคุณขึ้นมาที่ชั้น 2และ 3 คุณจะได้เห็นดงหนังสือมือสอง ทั้ง การแพทย์ วิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ สถิติ etc. ที่ใช้แล้ว ขายกันในราคาถูกกว่าทีไหนๆ หน้าร้านก็จะมีขายหนังสืออารมณ์ข้อสอบเข้า ม.1 เข้า ม. 4 ที่ update กันตลอดเวลาครับ นอกจากนี้ยังมีร้านขายหนังสือกราฟฟิก โดยตรงทั้งร้าน เพื่อนผมที่มารอบสอง บอกกับผมว่า ถ้ามาอีก สามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน

ร้านหนังสือจีนก็มีขายนะครับ นอกจากหนังสือแล้ว ชั้นล่างก็มีขาย CD แนวสุนทราภรณ์บ้านเขา และชั้น 2 ,3 ยังขายอุปกรณ์ painting , อุปกรณ์กีฬาและดนตรีอีกด้วย ชั้น 4 มีสถานศึกษา อารมณ์สถาบันกวดวิชาเลขบ้านเราครับ

Website bras basah complex

ข้างๆ bras basah เป็นหอสมุดแห่งชาติของสิงคโปร์ครับ ได้เดินเข้าไปแวบนึง ก็มีหนังสือและ สื่อต่างๆเยอะดีครับ แต่อยู่ชั้นใต้ดินนะครับ

ใครอยากไปลองอาหารนอกเหนือจาก bras basah ให้ข้ามถนนมาฝั่งโรงแรม Victoria ที่ผมไปพัก แล้วเดินตรงไปทางขวา จะเจอห้าง Bugis ให้เดินทะลุไปหลังห้าง จะเจอ food court อีกที่นึง ที่ตอนเช้า สามารถไปฝากท้องได้

ประเด็นคือ อาหารในสิงคโปร์ ต้องทำใจอย่างนึงว่า ไม่ค่อยมีผักครับ

Note : ใครที่อยากมาดูสิงโตพ่นน้ำ หรือ Merlion จะมี 2 ที่ครับ คือตรงปากอ่าวมารีนา ซึ่งสถานี MRT ที่ใกล้สุด จะชื่อ Raffle place ครับแล้วเดินอีก 10 นาที ส่วนอีกตัวจะอยู่ตรง Sentosa หรือแถว universal studio ครับ ตัวนั้นจะพ่น laser ได้ด้วย (ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ไม่ได้ present เรื่อง Merlion มากนัก เพราะผมเฉยๆกับเรื่องนี้ เลยไม่ได้รวมใน 15 เรื่องข้างบน)

----------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนของฟรี รอแจกภายใน Nov- Dec 2012 ครับ ซึ่งนอกจากของจากสิงคโปร์แล้ว หนึ่งในของที่จะแจกด้วยก็คือ ข้อสอบเตรียมสอบเลข Pre- PAT 1 , กสพท ครับ ซึ่งผมไประเบิดกรุส่วนตัวมา แล้วมา update/edit /add ให้เข้ากับปัจจุบัน ก็จะมี Big exercise 7 ชุด พร้อมคำตอบ with 1 mock exam พร้อมคำตอบครับ แต่ไม่มีวิธีทำ สงสัยก็มาถามใน webboard ได้ครับ

คำถามเกือบ 90 % ไม่ซ้ำกับในข้อสอบเก่าๆครับ เผื่อใครหาโจทย์ทำไม่ได้ ก็ลองทำจากตรงนี้

ที่ประกาศก่อนก็เพราะว่า ผมกำลังหาคนพิมพ์ครับ (มากกว่า 1 คนจะดีมาก แต่รวมแล้วไม่เกิน 50 หน้า)

เรื่องค่าพิมพ์ก็ลองเสนอมาได้มั้ยครับ แต่พิมพ์เสร็จแล้ว เล่มนี้ก็จะเป็นสาธารณกุศลให้ free download ครับ แต่ถ้าไม่มีคนพิมพ์ ผมก็คงแจกเป็น xerox version ซัก 4-5 ชุดครับ
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว

30 กันยายน 2012 16:39 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 6 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ passer-by
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้