ดูหนึ่งข้อความ
  #2  
Old 07 พฤษภาคม 2005, 06:34
nooonuii nooonuii ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤษภาคม 2001
ข้อความ: 6,408
nooonuii is on a distinguished road
Post

ผมว่าทั้งสองระบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ขอพูดเฉพาะข้อเสียนะครับ จะได้ช่วยกันแก้

แบบเอนฯ รวม
- ระบบนี้สร้างคนนิสัยเสียขึ้นมาเยอะแยะมากมาย (รวมทั้งผมด้วย) ซึ่งส่งผลต่ออนาคตของเด็กนิสัยเสียเหล่านี้เกือบทุกคน นิสัยเสียที่ว่าก็คือการเป็นคนผลัดวันประกันพรุ่ง เด็กมักจะคิดว่าวันสอบยังมาไม่ถึงค่อยอ่านก็ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ พอใกล้ๆสอบค่อยมาตั้งหน้าตั้งตาอ่าน ลุกลี้ลุกลน สมมติว่าสอบติด เข้าไปเรียนป. ตรี ก็ยังติดนิสัยเดิม ค่อยอ่านตอนใกล้ๆสอบ อ่านหามรุ่งหามค่ำ หนังสือกองพะเนินเด็กไทยสามารถอ่านได้ภายในสองวันคิดดูก็แล้วกัน สอบเสร็จก็ลืมหมด คืนความรู้ให้อาจารย์ พอถึงเวลาต้องเอามาใช้บ้างก็ต้องไปรื้อหนังสือมาดูใหม่เสียเวลาอีกรอบ นี่เล่าจากประสบการณ์ตรงของเด็กนิสัยเสียคนนึงครับ ต่อไปสมมติว่าจบออกมาทำงาน ถ้าเป็นข้าราชการเราก็จะได้ข้าราชการประเภทเช้าชามเย็นสองขวด (เอิ๊ก) ประมาณนี้แลฯ ว่าเข้าไปโน่น เหอเหอ คนเราพอทำอะไรจนติดเป็นนิสัยแล้วแก้ยากครับ วันนี้เราอาจจะไม่เห็นว่า มันสำคัญตรงไหนนะไอ้การเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายเนี่ย ต่อไปวันข้างหน้าพบเห็นมุมมองชีวิตเยอะขึ้นเราจะคิดได้เองครับว่าที่ผ่านมาเราเป็นยังไง บางทีมันอาจจะสายเกินไปก็ได้ครับที่จะกลับหลังหันไปทำอะไรให้มันดีขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าพลาดเสียแต่วันนี้ เด็กๆทั้งหลาย เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ ขยันเข้าไว้วันข้างหน้ายังมีโอกาสใช้ชีวิตโลดโผนได้อีกเยอะ
- สิ่งที่ผมประทับใจเด็กฝรั่งมากๆเลยก็คือเขาถูกฝึกให้เป็นคนรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองครับ ถึงเวลาเรียนเขาเรียนกันอย่างจริงจัง ทุกคนจะมีตารางเวลาของตัวเอง และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทีเดียว มาเรียนที่นี่ใหม่ๆรู้สึกแย่เหมือนกัน เพราะการเรียนในห้องเรียนของฝรั่งจะหมายถึงการไปนั่งฟังสิ่งที่ตัวเองอ่านมาก่อนแล้วและเติมเต็มส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ในขณะที่เด็กไทยอย่างผม การเข้าไปเรียนในห้องคือการไปนั่งจดยิกๆๆๆ จดให้ทันอาจารย์แล้วค่อยเอาที่จดมานั่งอ่าน ดูเหมือนจะใกล้เคียงกันแต่ผมว่าต่างกันเยอะทีเดียว เพราะอย่างน้อยระบบของฝรั่งจะเป็นการบังคับเด็กไปในตัวว่าต้องอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ระบบของเด็กไทยเรา โน่นไปอ่านกันตาลีตาเหลือกตอนใกล้ๆสอบ แบบไหนจะได้ความรู้แน่นกว่ากันล่ะครับลองคิดดู

ระบบ GPA

- ระบบนี้กำลังจะสร้างค่านิยมแบบผิดๆให้กับสังคมไทยอีกแล้วครับท่านที่เคารพ สังคมไทยจะใช้เกรดเป็นตัวชี้วัดความเก่งกาจของบุคคล ซึ่งเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว (จริงๆก็ทำกันมานานแล้ว) ยังมีอีกครึ่งหนึ่งซึ่งเกรดวัดไม่ได้แน่นอนครับ และส่วนนี้ก็ไม่ได้สำคัญยิ่งหย่อนไปกว่าผลการเรียนเลย นั่นคือคำว่าจริยธรรม ก็เพราะศีลธรรมมันเสื่อมนี่แหละครับ เราถึงได้คน(โกง)เก่ง ออกมาเพ่นพ่านเต็มบ้านเต็มเมือง สังเกตกันบ้างหรือเปล่าครับว่าเด็กไทยสมัยนี้เป็นชาวพุทธแค่ในทะเบียนบ้าน วัดน่ะมีไว้ทำอะไรใครตอบได้ขอให้ยกมือขึ้นนนน (ตอบ วัดมีไว้ให้พระใบ้หวยและมั่วสีกา ฮา...) สิ่งที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ก็คือ การพัฒนาทางด้านสังคม อย่างอื่นผมค่อนข้างพอใจผลงานครับ ถึงแม้จะเป็นชาวใต้และเลือกพรรคตรงข้ามรัฐบาลมาตลอดก็ตาม(ขอแอบเล่นการเมืองนิดๆ) เด็กเรียนอ่อนที่เรามักจะมองว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง เขาควรจะได้มีโอกาสมากกว่านี้ครับ ไม่ใช่เขาเรียนอ่อนแต่ตั้งใจเรียนเราก็เอาไปสุมไว้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเกเร และไม่เอาไหนจริงๆ สุดท้ายก็โดนกลืนกินเข้ารกเข้าพงไปหมด เสียดายนะครับ คนแบบนี้ เขายังมีโอกาสพัฒนาตนเองได้อีกเยอะ แต่ระบบมันแย่อะไรๆก็แย่ตามไปหมดล่ะครับ

เฮ้อ ผมเริ่มแก่แล้วจริงๆด้วยแฮะ บ่นได้บ่นดี
สรุปคือทางสายกลางที่พระพุทธองค์สอนเราไว้ตั้งสองพันกว่าปีมาแล้วคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป เจอกันครึ่งทางทุกอย่างลงตัวครับ แต่เรื่องการใช้ GPA นี่คงต้องใช้ระบบข้อสอบกลางครับถึงจะเป็นธรรมกับเด็กโดยรวม ไม่งั้นก็ปล่อยเกรดกันกระหน่ำ กลายเป็นระบบล่ม ไม่ได้มาตรฐานไปซะอีก เกรดเด็กเตรียมฯ กับเกรดเด็กโรงเรียนวัดโคกกระทือ คงไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกันเป็นแน่แท้ครับ เจริญพร
__________________
site:mathcenter.net คำค้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้