ต้องดูความจริง 2 ส่วนครับ
1. เจ้าของกิจการส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีต่างชาติถือหุ้น ถึงจะถือห้ามเกิน 50% แต่ก็มีนอมินีคนไทยครับ
2. การดำเนินนโยบายของรัฐ ขาดความเป็นอิสระ เพราะทิศทางพัฒนาถูกกำหนดให้คนบางกลุ่ม
โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติเป็นกลุ่มที่รัฐให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
(ผมไม่ได้อ้างลอยๆ ครับ ไปอ่านงานเขียนทางสังคมได้ครับ มีงานวิจัยทางด้านนี้ด้วยครับ)
ครั้งที่ฟองสบู่แตก บริษัทต่างชาติมาซื้อไฟแนนท์และลูกหนี้จากไฟแนนท์มาบริหารและขายต่อให้คนไทยด้วยกัน
ในราคา 20% ของมูลค่าที่แท้จริง แต่ขายให้คนไทยในราคา 70% กินส่วนต่าง 50% ที่สำคัญต่างชาติพวกนี้ไม่ได้ขนเงินมาซื้อ
แต่กู้เงินธนาคารไทยมาซื้อ เหมือนจับเสือมือเปล่า เห็นได้ชัดว่า ปรส. ดำเนินนโยบาลผิดพลาดอย่างชัดเจน
ตัวอย่างมีอีกอย่างมหศาล ไม่อยากพูด เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปครับ
ที่บอกว่าขี้ข้าต่างชาติ จะเป็นกลุ่มแรงงานไทยที่ต้องไปรับจ้างผลิตมีจำนวนมาก ในราคาถูกแต่ไปตียี่ห้อที่สิงคโปร์แล้วกลับมาขายคนไทยในราคา
200 เท่าตัว
ส่วนคนไทยกลุ่มหนึ่งทำงานให้กับบริษัทต่างชาติ พวกพนักงานออฟฟิศ หรืออาจจะเป็นพนักงานในบริษัทใหญ่กินเงินเดือนมาก
มีเป็นจำนวนไม่น้อย
กลุ่มที่สมองไหล มีน้อยมาก แต่ไม่คิดทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ คิดถึงแต่ตัวเองและครอบครัวเป็นสำคัญ
และแนวโน้มที่คนส่วนใหญ่จะคิดแต่เอาตัวเองให้รอดมีมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ใครๆ ก็ต้องคิดถึงตัวเอง และลูกเมีย เป็นสำคัญ
การกระจายรายได้ของคนในประเทศไทย มีแนวโน้มเลวลง ความถ่างของการกระจายรายได้ระหว่างคนรวยและคนจนมีมาก
ผมจึงไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมถึงเกิดการเผาเมืองขึ้น
การศึกษาไทยไม่เคยแก้ปัญหาพวกนี้เลยครับ รังแต่จะทำให้ปัญหารุนแรงมากขึ้น
17 มิถุนายน 2010 22:21 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ ครูนะ
|