ข้อลิง
ที่มาโพสต์นี้ ไม่ได้โต้แย้ง เพียงแต่ต้องการแสดงความเห็นวิธีคิดของผม เพื่อฟังความเห็นจากท่านอื่น ว่าจะเห็นด้วยกับผมไหม หรือมีข้อโต้แย้งอะไร
ก่อนอื่น นี่คือคำตอบที่ผมตอบไป
อ้างอิง:
เนื่องจากเราไม่ทราบว่าลิงอยู่ที่ใด การสุ่มทำให้ไม่สามารถหาลิงได้
ถ้าลิงอยู่ซีกใดซีกหนึ่ง ถ้าเราเลือกเปิดอีกซีก จะทำให้เสียเวลามากว่าครึ่ง
ดังนั้นกำหนดให้ลิงอยู่ตรงกลาง แล้วไล่เปิดซีกละห้อง บีบเข้ามาจะทำให้ใช้เวลาน้อยที่สุดดังรูป
วันที่1 เปิดห้อง 1 กับห้อง 2010
วันที่ 2 เปิดห้อง 2 กัยห้อง 2009
.
.
.
ไม่เกิน 1005 วัน ก็เจอ
ตอบ จำนวนวันที่น้อยที่สุด ซึ่งทำให้สามารถยืนยันได้ว่าจะหาลิงพบได้แน่นอนคือ 1005 วัน
|
ขอเรียนว่า หลังจากmod.แก้โจทย์ให้เปิดได้วันละ 2 ห้อง
แว๊บแรกที่ผมนึกถึงคือ โจทย์เกี่ยวกับรถไฟที่วิ่งเข้าหากัน แล้วมีแมลงวันบินจากหัวรถจักรหนึ่งไปหัวรถจักรหนึ่ง แล้วบินกลับไปกลับมา สุดท้ายถามว่า แมลงวันจะโดนรถไฟบี้เมื่อไร (โจทย์แนวนี้แหละครับ)
จากแนวคิดนี้ ทำให้นึกถึงวิธีการล่าลิง โดยการบีบพื้นที่เข้ามา (ไม่ได้นึกถึงจำนวนคี่ หรือจำนวนคู่เลย)
จินตนาการดูนะครับ ว่ามีห้องโล่งๆห้องหนึ่ง กว้าง ยาว 5 x 100 เมตร มีผนังปิดทั้งสี่ด้าน (ห้องกว้าง 5 เมตร ยาว 100 เมตร)
มีลิงอยู่หนึ่งตัว ผนังด้านที่กว้าง 5 เมตร สามารถเคลื่อนบีบเข้าหากันได้
ถ้าผนังด้าน 5 เมตรทั้งสองด้าน บีบเข้าหากัน วันละ 1 เมตร ก็แปลว่า พื้นที่ตามยาวของห้องจะสั้นลงวันละ 2 เมตร
ใช้เวลาไม่เกิน 50 วัน ลิงก็แบนแต๊ดแต๋ หนีไปไหนไม่ได้
ในหลักการเดียวกัน ในการจับลิง
ถ้าเราใช้วิธีบีบเข้า แบบที่ผมตอบไปข้างต้น โดยที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเราไม่ออกจากห้องจนกว่าจะรุ่งเช้า
เพื่อว่า ถ้าลิงอยู่ห้องข้างๆ และกลางคืนลิงเลื่อนเข้ามาในห้องเรา เราก็จะพบลิงได้ก่อน 1005 วัน
(ตรงนี้ โจทย์ไไม่ได้ระบุว่า เปิดห้องแล้วต้องออกไป แบบว่าเรามีเวลาแยะ ก็เลยอยู่เฝ้าในห้องรอจับลิงไปเลย)
(อ้อ โจทย์ไม่ได้กำหนดด้วยว่า ใช้คนกี่คน ในที่นี้เราใช้คนสองคน อยู่คนละฝั่ง ..... หัวท้าย เคลื่อนบีบเข้ามาวันละห้อง)
(อ้อ และโจทย์ก้ไม่ได้ระบุว่า เปิดห้องแล้วต้องปิด ถ้าเราเปิดห้องแล้วไม่ปิด วันต่อๆมาเราก็ต้องเห็นว่า ห้องที่เปิดไปแล้วและไม่ได้ปิดประตู ไม่มีลิงอยู่)
ถ้าไม่เจอลิง เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็เปิดห้องติดกันที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางเข้าไปเรื่อยๆ แบบบีบเข้าทั้งสองด้าน
รับรองไม่เกิน 1005 วันต้องเจอลิงห้องใดห้องหนึ่งแน่นอน
หุ หุ มานั่งนึกๆดู แนวคิดช่างไม่เป็นแบบคณิตศาสตร์เอาเสียเลย
ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ