ผมมีความคิดที่จะสร้างกระทู้ อัปเดต ข่าว วิทย์-คณิต-เทคโนโลยี ประจำวัน ครับ
เริ่มเลยนะครับ
คณิตศาสตร์
นางสาวนารี วงศ์สิโรจน์กุล รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) แจ้งว่า สสวท. และเว็บไซต์วิชาการดอทคอม ร่วมกันจัดกิจกรรมคณิตศาสตร์ใส ๆ ในธรรมชาติ เพื่อให้เยาวชนได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมคณิตศาสตร์ซึ่งแฝงอยู่ในธรรมชาติอันสวยงามและมหัศจรรย์และเกิด เจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์มากยิ่งขึ้น โดยเยาวชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ กิจกรรมคณิตศาสตร์ใส ๆ ในธรรมชาติ ระดับประถมศึกษา จะจัดในวันที่ 23 ตุลาคม 2552 ณ สวนหลวง ร. 9 ให้แก่เยาวชนชั้น ป. 5 — ป. 6 จำนวน 40 คน และกิจกรรมคณิตศาสตร์ใส ๆ ในธรรมชาติ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จะจัดวันที่ 24 ตุลาคม 2552 ณ สวนหลวง ร. 9 ให้แก่เยาวชนชั้น ม. 2 — ม. 3 จำนวน 40 คน ผู้สนใจสามารถสมัครโดย เขียนไปรษณียบัตรหรือจดหมายแนะนำตัว บอกเหตุผลที่สนใจร่วมกิจกรรมนี้ พร้อมชื่อ ระดับชั้นที่ศึกษาอยู่ โรงเรียน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ที่ติดต่อได้ไปยังกิจกรรมคณิตศาสตร์ใส ๆ ในธรรมชาติ ส่วนประชาสัมพันธ์ สสวท. 924 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กทม. 10110
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์
www.vcharkarn.com
_________________________________________________________________________
วิทยาศาสตร์
คุณหญิงกัลยา" แจงเรื่องจดสิทธิบัตรยีนข้าว บอกชัดจะจดสิทธิบัตรในไทยได้หรือไม่ ขึ้นกับกฎหมายสิทธิบัตรที่มีอยู่ หากไม่ครอบคลุมให้จดได้ก็ยอมรับ ระบุชัดจะไม่มีการแก้กฎหมายให้จดได้เด็ดขาด ด้าน ผอ.สวทช. แสดงความมั่นใจ หน่วยงานทำวิจัยอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน
กรณีเครือข่ายวิชาการเพื่อคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพไทยออกมาแถลงคัดค้านการจดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมมะลิ โดยระบุว่าหากต้องมีการแก้กฎหมายสิทธิบัตรเพื่อให้เอื้อต่อการจดสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอมในข้าวที่ค้นพบโดยทีมนักวิจัยของสำนักงานพัฒ นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) จะเป็นการเปิดช่องให้มีการจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ในไทยได้ และจะส่งผลให้ต่างชาติที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่าไทยเข้ามากอบโกยเอาทรัพยากรทางชีวภาพของไทยไป
เรื่องนี้ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วท. ชี้แจงกับทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ว่า ทาง สวทช. ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรงานวิจัยการค้นพบยีนควบคุมความหอมของข้าวในประเทศไทยตั้งแต่ราวปี 49 แล้ว แต่กระบวนการพิจารณาเพื่อให้สิทธิบัตรต้องใช้เวลานาน ซึ่งบัดนี้ยังไม่ได้สิทธิบัตรในประเทศไทย
"งานวิจัยนี้ได้รับสิทธิบัตรจากประเทศสหรัฐฯแล้ว แต่ยังไม่ได้สิทธิบัตรในประเทศไทย ซึ่งจะได้รับสิทธิบัตรหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกฎหมายสิทธิบัตรของไทยว่าครอบคลุมเรื่องนี้หรือไม่ ถ้ากฎหมายไม่ครอบคลุมและไม่ให้ความคุ้มครอง เราก็ไม่สามารถจดได้ ก็ต้องยอมรับ และจะไม่มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เอื้อต่อการจดสิทธิบัตรนี้อย่างเด็ดขาด" ดร.คุณหญิงกัลยากล่าวอย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ สั่งให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งรับจดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมมะลิดังกล่าวนั้น รมว.วท. กล่าวว่า เนื่องจากเรื่องนี้นักวิจัยศึกษาค้นคว้ากันมานานหลายปี และค้นพบวิธีการที่ทำให้ข้าวหอมขึ้นได้ จึงคิดว่าการเร่งจดสิทธิบัตรจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะจะป้องกันไม่ให้ต่างชาติลอกเลียนแบบข้าวหอมมะลิไทยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่มีการแก้กฎหมายอย่างแน่นอน
ด้าน รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการ สวทช. ชี้แจงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่นักวิจัยยื่นขอจดสิทธิบัตรนั้น คือกระบวนการที่ทำให้ข้าวมีความหอม ไม่ได้จดสิทธิบัตรตัวยีนที่ควบคุมความหอม เมื่อเราศึกษาวิจัย และรู้กระบวนการที่ทำให้ข้าวหอมได้ ก็จดสิทธิบัตรกระบวนการนั้นไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ต่างชาติเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ทำให้ข้าวพันธุ์อื่นหอมกว่าข้าวไทย หรือทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียเปรียบ ซึ่งใครก็ตามที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ ก็ต้องขออนุญาตใช้สิทธิจาก สวทช.
ในประเด็นที่เครือข่ายวิชาการเพื่อคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพไทย ตั้งขอสังเกตว่าการขอจดสิทธิบัตรงานวิจัยดังกล่าว จะเอามาบังคับใช้กับคนไทยด้วยหรือไม่ ทั้งที่ข้าวไทยเป็นสมบัติของคนไทยทั้งชาติมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย เรื่องนี้ผู้อำนวยการ สวทช. ชี้แจงว่า สิทธิบัตรนี้เป็นของคนไทย หากเกษตรกรหรือชาวนาไทยจะปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้มีความหอมขึ้นโดยใช้วิธีผสมพันธุ์โดยปกติก็สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่หากเอกชนรายใดต้องการใช้เทคโนโลยีนี้ปรับปรุงพันธุ์ข้าวที่ไม่หอมให้มีความหอม ก็ต้องขออนุญาต แต่ สวทช. จะอนุญาตให้ใช้สิทธิได้หรือไม่นั้น ก็จะต้องพิจารณถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก
ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่างานวิจัยดังกล่าวนั้นดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 มาตรา 52 ที่ระบุว่า ถ้าผู้ใดนำพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า (ซึ่งไม่ใช่พันธุ์พืชใหม่หรือพืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น) ไปปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อการค้า หลังวันที่ 25 พ.ย. 2542 (วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้) จะต้องขออนุญาตกับกองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร เสียก่อน หากไม่ปฏิบัติตามจะต้องระวางโทษทั้งจำและปรับ
ผู้อำนวยการ สวทช. บอกว่า เชื่อมั่นว่าได้ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และการทำงานวิจัยก็ไม่ผิดกฎหมาย เมื่อได้ความรู้มาก็นำไปจดสิทธิบัตร หากไม่จดสิทธิบัตรไว้แล้วต่างชาตินำไปจดสิทธิบัตรก่อน ประเทศไทยก็จะเสียเปรียบเขา. จาก
manager
PS.วันนี้ถือเป็น ถือเป็นวันแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย อย่างเป็นทางการด้วยครับ
_______________________________________________________________________________________________________________
วิทย์2
ไบโอไทยรวมกลุ่มนักกฎหมาย-นักวิชาการ ค้านจดสิทธิบัตรยีนข้าวในไทย หวั่นเปิดทางให้มหาอำนาจเข้ามาจดสิทธิบัตรกอบโกยทรัพยากรชีวภาพของคนไทย ระบุเราอาจตกหลุมพรางต่างชาติ ที่มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ด้านอาจารย์ ม.เกษตร ตั้งข้อสังเกตอาจหวังบังคับใช้สิทธิกับคนไทย จี้ สวทช.แถลงให้ชัดเจนจดสิทธิบัตรอะไรกันแน่ พร้อมเรียกร้องผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบงานวิจัยด่วน ว่าทำถูกกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชหรือไม่
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.52 ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองคำข้าวสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกราบบังคมทูลรายงานความสำเร็จของนักวิจัยไทย ที่ได้รับสิทธิบัตรยีนควบคุมความหอมในข้าวไทยจากสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.51 และหลังจากนั้นได้มีความพยายามผลักดันให้ประเทศไทย รับจดสิทธิบัตรยีนความหอมในข้าวด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีข่าวว่านายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้สั่งให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งรับจดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมมะลิดังกล่าว ทำให้มีการถกเถียงกันในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ค.52 ที่ผ่านมา เครือข่ายวิชาการเพื่อคุ้มครองทรัพยากรชีวภาพไทย ซึ่งประกอบด้วย นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถีหรือไบโอไทย, ดร.ปิยะศักดิ์ ชอุ่มพฤกษ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผศ.ดร.สมชาย รัตนซื่อสกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, นายเจริญ คัมภีรภาพ นักวิชาการด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยศิลปากร, รศ.ดร.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ประจำคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนายบัณฑูร เศรษศิโรตม์ ตัวแทนกลุ่มเอฟทีเอว็อทช์ ได้ออกมาแถลงถึงการคัดค้านการจดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมมะลิ ซึ่งทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ และสื่อมวลชนอีกจำนวนมากให้ความสนใจร่วมรับฟังด้วย
วางกับดักตัวเองแก้กฎหมายจดสิ่งมีชีวิต เปิดประตูให้ยักษ์ใหญ่กอบโกย
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า การที่นักวิจัยไทยได้จดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมมะลิในต่างประเทศ และอธิบายว่าเป็นการป้องกันต่างชาติ นำข้าวหอมมะลิของไทยไปจดสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง แต่ขณะนี้กลุ่มนักวิจัย กระทรวงวิทยาศาสตร์ และกระทรวงพาณิชย์ กำลังผลักดันให้มีการจดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมมะลิในไทย ซึ่งกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้จดสิทธิบัตรในสิ่งมีชีวิต หากจะทำก็ต้องแก้กฎหมาย ซึ่งอาจเป็นกับดักของไทยให้ต่างชาติเข้ามายึดครองทรัพยากรทางชีวภาพของไทยได้
ด้าน ผศ.ดร.สมชาย กล่าวชื่นชมนักวิจัยไทย ที่สามารถค้นพบกระบวนการที่ทำให้ข้าวหอมมะลิไทยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ประเด็นที่ต้องคิดต่อคือว่า ขณะนี้ สวทช. ได้จดสิทธิบัตรในกระบวนการและตัวยีนนี้ในหลายประเทศทั่วโลก เชื่อว่ามีเจตนาป้องกันไม่ให้ต่างชาตินำข้าวหอมมะลิไทยไปจดสิทธิบัตรเป็นเจ้าของ แต่ประเด็นสำคัญคือว่า ประเทศไทยควรจะรับจดสิทธิบัตรในรูปแบบเดียวกันหรือไม่ ต้องคิดสักนิดว่าถ้าไทยจะเปิดให้จดได้ จะมีผลกระทบอย่างไรกับประเทศไทย
"ทุกประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก จะต้องมีมาตรฐานการคุ้มครองขั้นต่ำตามที่ตกลงไว้ในข้อตกลงทริปส์ ซึ่งหลายประเทศมีรายละเอียดการคุ้มครองที่แตกต่างกันได้ ประเทศสหรัฐฯ มีกฎหมายสิทธิบัตรพืชมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ประเทศไทยเราไม่มี"
"อย่างไรก็ตาม ในข้อตกลงทริปส์ ก็ให้สิทธิประเทศสมาชิกที่จะไม่คุ้มครองสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งจุดยืนของประเทศไทย และกฎหมายสิทธิบัตรไทยในขณะนี้ เราไม่คุ้มครองสิ่งมีชีวิต ประเด็นคือถ้าเราไม่คุ้มครองแล้วมันดียังไง แล้วถ้าเราคุ้มครองจะมีประโยชน์ยังไง เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ"
"สหรัฐฯ จะรับจดนั่นก็เป็นเรื่องของเขา เพราะเขาเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประเทศเขา แต่หากประเทศเปิดช่องให้จดสิทธิบัตรยีนข้าวหอมได้ ต่อไปก็จะมีการจดสิทธิบัตรยีนต้นนั้นต้นนี้ตามมา เป็นการเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรเหนือทรัพยากรพันธุกรรมที่มีอยู่ในประเทศไทยได้ ซึ่งเทคโนโลยีและความก้าวหน้าในเรื่องนี้ของไทยยังด้อยกว่าต่างชาติที่พัฒนากันมานานมากแล้ว" ผศ.ดร. สมชายกล่าว
"การที่เราจะรับจดหรือไม่รับจด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าอันไหนเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากน้อยกว่ากัน ถ้าเราเปิดช่องให้จดได้ เท่ากับว่าเราเปิดประตูให้ต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ของไทยได้ และในอนาคตถ้าเคนไทยจะใช้ประโยชน์ก็ต้องเสียค่าการใช้สิทธิ์ในสิทธิบัตรให้ต่างชาติที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตร" ผศ.ดร.สมชายกล่าว
พร้อมกันนี้ ผศ.ดร.สมชายได้ยกตัวอย่างถึงกฎหมายสิทธิบัตรแต่เติม ที่ไม่คุ้มครองการจดสิทธิบัตรยา ต่อมามีการผลักดันให้สามารถจดสิทธิบัตรยาได้ เพื่อให้นักวิจัยไทยมีโอกาสพัฒนายาและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเอง แต่มาถึงทุกวันนี้มีคนไทยสักกี่คนที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรยาที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย
ชี้ระบบสิทธิบัตรคือเครื่องมือปล้นสดมภ์ทรัพยากรทางชีวภาพ
ด้านนายเจริญ กล่าวว่า ระบบสิทธิบัตรคือเครื่องมือปล้นสดมภ์ทรัพยากรทางชีวภาพของประเทศอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งฐานความหลากหลายทางชีวภาพ ที่มีคุณค่าและเป็นต้นทุนทางสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต ถ้ารัฐบาลเปิดช่องให้จดสิทธิบัตรลักษณะนี้ได้ ก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมายสิทธิบัตรของไทย ซึ่งอาจทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารของเราตกอยู่ในมือมหาอำนาจต่างชาติได้
"นี่จึงไม่ใช่วิธีการปกป้องทรัพยากรของไทยอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นการเปิดท้ายครัวให้ต่างชาติเข้ามาเอาไปเป็นของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้มักปรากฎในเวทีการเจรจาเขตการค้าเสรี ที่ประเทศอุตสาหกรรมมักต้องการให้ประเทศคู่เจรจามีกฎหมายที่เอื้อประโยชน์กับประเทศของตัวเอง ซึ่งเป็นกติกาที่ประเทศมหาอำนาจขีดทางให้เราเดิน ถ้าประเทศไทยตกหลุมพราง ก็อาจจะสูญสิ้นพันธุ์พืชของไทยได้" นายเจริญกล่าว
จี้สวทช.แถลงให้ชัดจดสิทธิบัตรอะไร และจะบังคับใช้สิทธิกับคนไทยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.สุรวิช ตั้งข้อสังเกตว่า สิทธิบัตรที่กล่าวถึงนั้นมีชื่อสิทธิบัตรว่า ข้าวตัดแต่งพันธุกรรม ที่มีการแสดงออกของยีนควบคุมความหอมของข้าวลดลง (ยีน Os2AP) และมีสารหอมเพิ่มมากขึ้น (2-acetyl-1-pyroline) โดยถือสิทธิในวิธีการทำดังกล่าว
ทว่าเวลาที่ผู้เกี่ยวข้องออกมาแถลงถึงสิทธิบัตรนี้ มักแถลงว่าเป็นสิทธิบัตรของยีน แต่สิ่งที่อยู่ในข้อถือสิทธินั้นไม่มียีน แต่เป็นวิธีการที่จะทำให้ยีนแสดงออกน้อยลง ซึ่งถ้ายีนตัวนี้แสดงออกปกติ จะทำให้สารหอมไม่มีอยู่ แต่ถ้าแสดงออกน้อยลง จะทำให้มีการสร้างสารหอมที่มีกลิ่นคล้ายป๊อบคอร์นตามที่ระบุในสิทธิบัตร ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และชวนสงสัยว่าทำไมจึงแถลงไม่ตรงกับในสิทธิบัตร
อีกทั้งยังพูดดูเหมือนว่า จดสิทธิบัตรให้ประเทศไทย แต่ไม่เคยประกาศว่าจะไม่บังคับใช้สิทธิกับคนชาติไทย น่าจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงว่าเป็นอย่างไรกันแน่
"สวทช. ควรออกมาให้ความชัดเจนกับสังคมว่าเป็นการจดสิทธิบัตรอะไรกันแน่ ซึ่งหากจะขอจดสิทธิบัตรในไทยเกี่ยวกับกระบวนการที่ทำ ก็น่าจะจดได้อยู่แล้ว เพราะกฎหมายไทยให้ความคุ้มครองกระบวนการทางชีวภาพ"
"แต่หากขอจดสิทธิบัตรยีน ก็ต้องมีการแก้กฎหมายกัน และทำไมต้องอยากจดสิทธิบัตรนี้ในไทย เป็นไปได้ไหมว่าจะกรุยทางสู่เอฟทีเอ หรือจะบังคับใช้สิทธิ์กับคนไทยด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรออกมาชี้แจงให้ชัดเจน"
"รวมถึงก่อนหน้านี้หน่วยงานของรัฐไทยแถลงต่อสาธารณะมาโดยตลอดว่าประเทศไทยไม่มีการทำข้าวตัดแต่งพันธุกรรม แต่ปรากฎชัดเจนในเอกสารสิทธิบัตรว่ามีการทำข้าวตัดแต่งพันธุกรรม ซึ่งจริงอยู่ที่ทำในข้าวญี่ปุ่น ไม่ใช่ข้าวไทย แต่ก็ขัดแย้งกับสิ่งที่ได้แถลงต่อสังคมมาโดยตลอด จึงทำให้สังคมเกิดความสับสน" รศ.ดร.สุรวิช กล่าว
กังขางานวิจัยถูกกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชหรือไม่
นอกจากนี้อาจารย์คณะเกษตร มก. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่างกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า งานศึกษาวิจัยนี้มีเกี่ยวพันกับ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 มาตรา 52 ที่ระบุว่า ถ้าผู้ใดนำพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า (ซึ่งไม่ใช่พันธุ์พืชใหม่หรือพืชพื้นเมืองเฉพาะถิ่น) ไปปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อการค้า หลังวันที่ 25 พ.ย. 2542 (วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้) จะต้องขออนุญาตกับกองคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร เสียก่อน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษ ซึ่งหลักการของกฎหมายดังกล่าวเป็นไปตามหลักการของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อป้องกันมิให้ต่างชาติเข้ามาขโมยพันธุ์พืชของไทยไปใช้ประโยชน์ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบด้วยว่าการวิจัยนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ นายบัณฑูร เศรษศิโรตม์ ตัวแทนกลุ่มเอฟทีเอว็อทช์ เสนอแนะว่ายังมีทางเลือกอื่นอีกในการคุ้มครองพันธุ์ข้าวไทย นอกเหนือจากการของจดสิทธิบัตรยีนข้าวในไทย คือการนำเข้าสู่กฎหมายคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ (GI) ซึ่งจะคุ้มครองข้าวหอมมะลิไทย ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยและมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยได้.
คณิต
ดร.วีระชัย ณ นคร ผอ.มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พะเยา กล่าวว่า ในปัจจุบัน สาขาวิชาคณิตศาสตร์เป็นสาขาวิชาการที่ขาดแคลนบุคลากร โดยเฉพาะในระดับปริญญาตรี ดังนั้น การวางรากฐานในการพัฒนาศักยภาพทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จะเป็นการฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ รู้จักคิดวิเคราะห์และอภิปรายร่วมกัน ซึ่งขณะนี้มน.พะเยา มีโครงการพิเศษในการประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ระบบรับตรงในโครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านคณิตศาสตร์
ดร.วีระชัยกล่าวต่อว่า สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะคือ ต้องมีผลการสอบวัดระดับศักยภาพทางคณิตศาสตร์ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-26 ก.ค.2552 ณ มน.พะเยา โดยทางโรงเรียนจะต้องคัดเลือกนักเรียนชั้นม.4 ,ม.5 และ ม.6 ต้องได้เกรด 3 ขึ้นไปในรายวิชา คณิตศาสตร์ นักเรียนและโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มตอบรับการเข้าร่วมโครงการได้ที่
http://www.pyo.nu.ac.th
จากข่าวสด
เทคโนโลยี
นายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจ.เชียงใหม่ เปิดเผยกับ"กรุงเทพธุรกิจ"ว่า ผู้ประกอบการธุรกิจและผู้จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และไอทีในจ.เชียงใหม่ ที่จะเข้าร่วมออกร้านงาน"COMP & DIGITAL CHIANG MAI 2009" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 5 ก.ค.2552 นี้ ที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับหนังสือแจ้งเตือนจากไมโครซอฟท์ว่า ผู้ประกอบการที่นำอุปกรณ์และคอมพิวเตอร์มาจัดแสดงและจำหน่ายในงาน ห้ามละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์ของไมโคซอฟท์โดยเด็ดขาด ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความกังวล เพราะอาจถูกไมโครซอฟท์เข้าล่อซื้อและจับกุมภายในงานครั้งนี้ได้
ทั้งนี้ การจัดงานฯ คณะทำงานและผู้จัดต้องรับผิดชอบเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานได้รับความเสียหาย โดยเจรจากับไมโครซอฟท์เรื่องลิขสิทธิ์ซอฟแวร์ขอซื้อโปรแกรมแบบเหมารวม เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มาร่วมออกร้านในงานซื้อในราคาถูก
นายเฉลิมชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์เป็นจำนวนมาก เพราะซอฟท์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ราคาค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้แต่กลับโยนภาระให้กับผู้ประกอบการรับผิดชอบจัดหาโปรแกรมพื้นฐานมาติด ตั้งในคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าเอง แต่โปรแกรมพื้นฐานหลายประเภทโดยเฉพาะของไมโครซอฟท์ มีราคาสูงมากทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระต้นทุนได้
"ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีการใช้โปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์ในคอมพิวเตอร์มากถึง 95% มีเพียง 5% เท่านั้นที่ซื้อโปรแกรมมาใช้อย่างถูกต้อง ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ - สถานศึกษา ซึ่งมีขนาดองค์ใหญ่จึงจัดซื้อแบบเหมาจ่ายได้ในราคาถูก"นายเฉลิมชาติกล่าว
นายเฉลิมชาติ กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลจัดการกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเน้นแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช้มาแก้กันที่ปลายเหตุโดยให้เจ้าของลิขสิทธิ์ออกมาไล่จับกุมผู้ละเมิดลิขสิทธิ์สินค้า จนสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้ภาคธุรกิจและประชาชน และตนเองจะเชิญผู้ประกอบการที่มาออกร้านในงานครั้งนี้ ประชุมร่วมกันในช่วงเย็นวันที่ 2 ก.ค.เพื่อหาข้อสรุปต่อผู้จัดงานต่อไป
นายธงชัย ลู่ควร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิชาง คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์รายใหญ่ในจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า บริษัทฯจำหน่ายคอมพิวเตอร์พร้อมโปรแกรมลิขสิทธิ์ถูกต้อง เพราะไม่อยากมีปัญหา ซึ่งปัจจุบันราคาของโปรแกรมลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะของไมโครซอฟท์เริ่มลดลง แต่บางประเภทราคายังอยู่อยู่เช่นโปรแกรมออฟฟิศ ส่วนโปรแกรมสำหรับร้านเกมและอินเตอร์เนตคาเฟ่ ก็มีการจัดแพกเกจทำให้ราคาถูกลงและผู้ประกอบการสามารถซื้อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามผู้จัดงานได้รับแจ้งว่า ได้นำหนังสือที่ไมโครซอฟท์ส่งถึง แจ้งไปยังร้านค้าและผู้ประกอบการกว่า 200 รายที่มาออกร้านในงานครั้งนี้แล้ว ขณะเดียวกันร้านค้าส่วนใหญ่ที่นำคอมพิวเตอร์มาจัดแสดงหลายบูธได้นำป้ายมาติดไว้ไม่รับลงโปรแกรมที่ไม่มีลิขสิทธิ์
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับหนังสือขอความร่วมมือของไมโครซอฟท์ที่ส่งถึงผู้จัดงาน คอ บริษัท สยามเอ็กซิบิชั่น จำกัด ผู้จัดงาน"COMP & DIGITAL CHIANG MAI 2009"ประชาสัมพันธ์เรื่องการติดตั้งและจำหน่ายซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ให้ผู้แสดง/ผู้จำหน่ายสินค้าในงานครั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดการกระทำใดๆอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ข้อแรก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอแสดงผลเป็น Microsoft Windows จะต้องเป็นรุ่นที่ระบุในรายละเอียดว่ามีการติดตั้งระบบปฎิบัติการ Microsoft Windows XP Home / Professional หรือเวอร์ชั่นอื่น รวมทั้งต้องมีการติดตั้งใบรับรองสินค้าของแท้ (COA)ที่ตัวเครื่อง และผู้จำหน่ายต้องส่งมอบชุดผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ให้กับลูกค้า พร้อมใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีตามเงื่อนไขการจัดจำหน่ายของไมโครซอฟท์ ข้อสอง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จัดแสดงสำหรับรุ่นที่ระบุว่าใช้ระบบปฎิบัติการ MS-DOS , DOS จะไม่สามารถติดตั้ง Windows (Evaluation kit ) หรือแสดงหน้าจออันทำให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าจะได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบปฎิบัติการ Windows
ส่วนข้อสาม เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จัดแสดงสำหรับรุ่นที่ระบุรายละเอียดว่าไม่มีการติดตั้งระบบปฎิบัติการ Microsoft Windows หรือใช้ระบบปฎิบัติการอื่นๆที่ไม่ใช้ของ Microsoft Windows จะไม่สามารถติดตั้ง Windows (Evaluation) หรือแสดงหน้าจออันทำให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าจะได้รับเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมระบบปฎิบัติการ Windows
ที่มา:คมชัดลึก
วิทย์
สดร. เตรียมจัดกิจกรรม "สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย" 22 ก.ค. นี้ ร่วมมือ 8 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ตั้งกล้องดูดาวให้ประชาชนทุกภูมิภาคร่วมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งสำคัญแห่งศตวรรษ หวังกระตุ้นเยาวชนให้สนใจดาราศาสตร์ พร้อมจัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องสุริยุปราคาด้วย
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) แถลงข่าวกิจกรรม “สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย 22 ก.ค.52” ที่ห้องโถง ชั้น 1 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเผยแพร่การจัดกิจกรรมและกระตุ้นคนไทยให้ตั้งรอชมสุริยุปราคาบางส่วนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ก.ค. ที่จะถึงนี้ โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วท. ร่วมแถลงข่าวด้วย ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ ร่วมทำข่าวพร้อมกับสื่อมวลชนอีกจำนวนมาก
รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการ สดร. กล่าวว่า ในวันที่ 22 ก.ค. นี้ จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวงในช่วงเวลาประมาณ 07.00 - 09.19 น. โดยมีแนวคราสเต็มดวงพาดผ่านประเทศอินเดีย จีน ญี่ปุ่น และมหาสมุทรแปซิฟิคใต้ และเป็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่กินเวลานานที่สุดในศตวรรษที่ 21 คือ 6 นาที 39 วินาที
สำหรับประเทศไทยนั้น อยู่นอกแนวคราสเต็มดวง และจะเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ โดยสามารถเห็นได้ทุกภูมิภาคของไทย เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00-09.20 น. ซึ่งแต่ละภูมิภาคจะเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาแตกต่างกันเล็กน้อย และภาคเหนือที่ จ. เชียงราย จะได้เห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในครั้งนี้เกิดขึ้นนานที่สุดในไทย โดยเห็นปรากฏการณ์นานราว 2 ชั่วโมง 12 นาที และยังเห็นดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์มากที่สุดถึง 69%
ขณะที่ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร จะเริ่มสังเกตเป็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนครั้งนี้ได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.06 จนถึง 09.08 น. โดยจะเห็นดวงอาทิตย์ถูกบดบังมากที่สุดราว 42.2% ในเวลาประมาณ 08.03 น.
ด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการ สดร. ให้รายละเอียดเกี่ยวกับปรากฏการณ์สุริยุปราคาในวันที่ 22 ก.ค. 52 นี้ว่า เป็นสุริยุปราคาเต็มดวง ชุดซารอสที่ 136 ซึ่งเป็นชุดซารอสเดียวกันกับสุริยุปราคาเต็มดวง ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2498 และเส้นทางของแนวคราสพาดผ่านกรุงเทพฯ
ส่วนสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คือสุริยุปราคาเต็มดวงในปี 2538
รองผู้อำนวยการ สดร. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการชมสุริยุปราคาที่ถูกต้องและปลอดภัยด้วย ควรใช้แว่นตาดูดวงอาทิตย์ที่ผลิตจากแผ่นกรองแสงชนิดพิเศษที่ป้องกันรังสีอินฟราเรดได้เช่นเดียวกับแว่นตาดูดวงอาทิตย์ที่ สดร. ผลิตขึ้น หรืออาจใช้แผ่นซีดีหรือดีวีดีก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าสารเคลือบไม่หลุดลอก และแต่ละครั้งไม่ควรส่องดูนานเกิน 5 วินาที
นอกจากนี้ก็สามารถใช้กระจกช่างเชื่อมเบอร์ 14 หรือถ้าจะใช้ฟิล์มเอ็กซเรย์หรือฟิล์มขาวดำ ก็ต้องแน่ใจว่าส่วนที่นำมาใช้นั้นมืดสนิท และควรใช้ซ้อนเป็น 2 ชั้น อาจใช้กระดาษเจาะรูเล็กๆ เป็นกล้องรูเข็ม และสังเกตปรากฏการณ์จากฉากรับสีขาว ซึ่งไม่ต้องส่องดูดวงอาทิตย์โดยตรงและปลอดภัยแน่นอน แต่ไม่แนะนำให้ใช้กระจกรมควัน และที่สำคัญต้องไม่ดูด้วยตาเปล่าเด็ดขาด
ทั้งนี้ สดร. ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา 8 แห่ง ทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย 22 กรกฎาคม 2552” เพื่อให้ประชาชนไทยทั่วทุกภูมิภาคได้ร่วมชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในครั้งนี้อย่างทั่วถึงกัน เป็นการสร้างความตระหนักและความตื่นตัวให้กับเยาวชนและประชาชนไทยสนใจในกิจกรรมทางดาราศาสตร์ โดยจะมีการจัดตั้งกล้องดูดาว และแจกจ่ายแว่นตาสำหรับดูดวงอาทิตย์ให้ผู้ที่มาร่วมกิจกรรมได้ชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับสุริยุปราคาและดาราศาสตร์
"ดาราศาสตร์เป็นเครื่องมือพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญ หลายประเทศจึงมีการส่งเสริมให้เยาวชนได้ศึกษาดาราศาสตร์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนมีจินตนาการ เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีความอดทนในการเฝ้าชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ และมีใจรักธรรมชาติ ซึ่งไม่จำเป็นว่าในอนาคตทุกคนจะต้องเป็นนักดาราศาสตร์ด้วยเสมอไป" รศ.บุญรักษา กล่าว
สำหรับสถาบันการศึกษาทั้ง 8 แห่ง ที่ สดร. ไปร่วมจัดกิจกรรมและตั้งกล้องดูดาว มีดังนี้
ภาคกลาง – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภาคเหนือ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยนเรศวร
ภาคตะวันออก – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปตั้งกล้องที่ จ. ระยอง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ภาคใต้ - มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
รวมทั้งจัดกิจกรรมและตั้งกล้องดูดาวบริเวณท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ โดยร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา และร่วมกับโรงเรียนเทพศิรินทร์จัดกิจกรรมภายในโรงเรียนและบริเวณโดยรอบวงเวียน 22 กรกฎาคม ร่วมกับกิจกรรมรำลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงตัดสินพระทัยนำประเทศไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2460 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ สามารถไปร่วมกิจกรรม “สุริยุปราคาเหนือฟ้าเมืองไทย 22 กรกฎาคม 2552” ได้ตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ.
ปล.วันนี้ ในปี 2477 มารี กูรี นักเคมีชาวโปแลนด์ เสียชีวิต และ เป็นวันประกาศเอกราช สหรัฐอเมริกา