ดูหนึ่งข้อความ
  #9  
Old 13 ธันวาคม 2012, 09:40
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

ผมแยกสองเรื่องเท่าที่จับใจความได้ เริ่มจากเรื่องที่ผมไม่ถนัดก่อน คือเรื่องของTMO ผมไม่รู้ว่าจะแนะนำแบบไหนจะถูกใจ เพราะผมเชื่อว่าในใจน้องเองมีคำตอบที่ตัวเองพอใจอยู่แล้ว จะแนะนำให้ลุยหรือถอย ผมไม่รู้ ผมเคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่งชื่อ เสียงเพรียกแห่งชีวิต เป็นหนังสือได้รางวัลของพาร์คเกอร์ ปาล์มเมอร์ แปลโดยน.พ.กิจจา มีบทของชีวิตเมื่อถึงทางตัน (บทที่3 เมื่อหนทางปิดตาย ) พาร์คเกอร์ ปาล์มเมอร์ นักการศึกษาชาวอเมริกันที่เล่าถึงค่านิยมของการเชียร์ให้คนคิดว่าชีวิตไม่มีขีดจำกัดแล้วเร่งตีโบยชีวิตให้ทะยานไปข้างหน้า สำหรับคนที่มีศักยภาพถึงก็จะบอกว่าใช่เลย แต่คนที่ศักยภาพไม่ถึงก็จะทั้งเหนื่อยและปฏิเสธว่า ไม่ใช่ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ชีวิตของอ.ปาร์คเกอร์ติดแหง๊ก ไปข้างหน้าไม่ไหว การหยุดและถอยออกมามองตัวเอง ยอมรับตัวเองอย่างที่เป็น ทำให้มองเห็นว่าแม้ทางนี้จะไปต่อไม่ไหว ยังมีทางอื่นให้มุ่งหน้าเดินไป ผมขอแนะนำว่า ถ้าทำแล้ว พลังในชีวิตยิ่งถดถอย เป็นสัญญาณว่ามาผิดทาง ผิดจากความเป็นตัวของตัวเอง แสดงว่าเรากำลังทำด้วยความต้องการของสังคม คนรอบข้าง โดยเฉพาะพ่อแม่.ถ้าทำแล้ว พลังชีวิตยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งทำยิ่งมีความสุข แสดงว่ามาถูกทาง ถูกกับความเป็นตัวของตัวเอง ผมทิ้งช่องว่างให้คิดเองแล้วกัน ถามหัวใจตัวเองแล้วกล้าพูดกับตัวเองจริงๆเสียที ถ้าไม่กล้าพูดกับตัวเอง ไม่กล้ายอมรับกับตัวเอง เราก็ไม่มีทางกล้าพูดกับใคร โดยเฉพาะพ่อแม่ การยอมรับของพ่อแม่เมื่อลูกไม่ยอมเดินไปตามทางของพ่อแม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดโดยใช้เวลาเป็นวัน บางทีอาจเป็นปีกว่าจะยอมรับได้ หัวใจคนเป็นพ่อแม่ที่ห่วงคือกลัวลูกไม่ได้ดี สิ่งที่จะทำให้พ่อแม่เห็นคือ ทางที่เราเลือกเองนั้น ทำให้เรามีความสุขกับชีวิตมากขึ้นและชีวิตไม่หลุดกรอบแห่งความดีก็น่าจะพอแล้ว

ผมไปอบรมคอร์สด้านจิตวิทยา เขาว่ากันว่าคนเราสมัยนี้มีปัญหาหลักๆสองอย่างคือกลุ่มที่มั่นใจตัวเองมากเกินไปจนไม่เห็นคนอื่น กับกลุ่มที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ท่าทางกลุ่มหลังจะเยอะกว่า เพราะคนเราขาดการรู้จักการชื่นชมตัวเอง ต้องรอให้พ่อแม่ คนรอบข้างมาชมถึงจะพอรับได้ว่านั่นเป็นคำชม คำชมที่แท้จริงมันควรมาจากตัวเราเองครับ ผมว่าน้องเก่งมากแล้วครับอยู่แค่ม.4มาไกลได้ขนาดนี้ เห็นแล้วอิจฉาเป็นบ้าเลย แถมจะหมั่นไส้นิดๆว่า ยังแกล้งว่าตัวเองไม่เก่ง จะบ้าหรือไง.ชีวิตคนเราไหนเลยจะไม่แบกความหวังของคนรอบข้างไว้กับตัวเราเอง เราหนีไม่ได้ ยอมรับว่าทำให้ดีก็พอ. ผมคงโชคดีที่เป็นลูกคนโตของครอบครัวที่เรียนม.4ยังอยู่กลุ่มรั้งท้ายห้อง เลยไม่ถูกคาดหวังมั้ง หัวกลางๆ ไม่ได้เก่งมาก อาศัยความขยันและอึด เลยพอจะก้าวหน้ากว่าเดิมอีกสักเล็กน้อย

ขอแนะนำสุดท้าย....เลิกพร่ำเพ้อ เลิกบ่นกับชีวิตได้แล้ว จงภูมิใจกับต้นทุนชีวิตที่มีมากกว่าคนอื่นอีกนับหมื่นนับแสนคน แล้วหัดชมตัวเองซะบ้าง
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)

13 ธันวาคม 2012 09:42 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กิตติ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้