ตรงกันข้าม สมัยเด็ก ผมอยากเรียน มช. แต่กลับไม่ได้เรียน
ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ิ แต่เลือกที่จะอยู่อย่างมีความสุขได้ น้องคนนั้นถ้ามาฟังผมเทศน์สัก 1 ชม.รับรองบรรลุเลย ไม่แน่ใจว่าผมเคยเล่าให้ใครฟังไปบ้างหรือยัง
มีอยู่วันหนึ่งช่วงปิดเทอมใหญ่ของนักเรียน เมื่อหลายปีก่อน ผมไปเดินเล่นในจุฬา ฯ แถว ๆ หอกลาง ลมเย็นสบาย สักพักผมก็นั่งพักผ่อนตรงม้านั่งเหล็ก ไม่นานก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งประมาณ ม.ปลาย เดินมานั่งม้านั่งใกล้ ๆ หน้าตาบอกได้เลยว่า ราศีหายหมด ดูแล้วอมทุกข์ยังกับคนแบกโลกไว้เต็มบ่า
ผมเห็นดังนั้น ก็เลยเอ่ยปากถามว่าเป็นอะไร สุดท้ายได้ใจความว่า กำลังจะขึ้น ม.5 เป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนพิเศษใน กทม. พร้อมกับเพื่อน ใจก็ไม่อยากมา แต่ก็กลัวว่าจะเรียนไม่ทันเขาจะไม่รู้เรื่อง ฯลฯ ผมดูท่าแล้วไม่ดี ก็เลยร่ายยาวหมดน้ำลายเยอะทีเดียว ผมบอกว่าพี่ก็สอนพิเศษนะ แต่ถ้าไม่อยากเรียนล่ะมีวิธีง่ายที่ทำให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่นอน แต่วิธีง่าย ๆ บอกเด็กมาหลายต่อหลาย แต่ไม่มีใครกล้ารับปากว่าจะำทำได้ บอกไปว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันเรื่องง่ายนิดเดียว สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะมีความตั้งใจจริงแค่ไหน เวลาที่มีอยู่เหลือจะพอ ปัญหาคือส่วนคนมาก ไม่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองต่างหาก เรียกได้ว่าตั้งอยู่ในความประมาท
ถึงแม้ว่าอนาคตจะสอบไม่ติดหรือไม่ได้มหาวิทยาลัยที่ัตัวเองชอบ แ่ต่ให้เชื่อเถอะว่าปัญหาทุกอย่างในโลกนี้มีทางแก้ มันจะมีทางที่ดีที่สุดสำหรับมันเสมอ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ไม่มีอะไรเกินไปกว่า พรุ่งนี้มีจะมีข้าวกินไหม จะอิ่มท้องไหม ปัญหาที่ยุคนี้บางคนบอกว่า ใหญ่เหลือเกิน จริงๆแล้วไม่ใช่ เรื่องปากท้องน่ะสำคัญที่สุด ยังมีคนมากมายอีกในโลกนี้ที่ไม่มีข้าวจะกิน นี่ล่ะปัญหาใหญ่ที่สุด ที่เราบอกว่าโน่นปัญหา นี่ก็๋ปัญหา ขอบอกว่าเรื่องเล็กมาก รับรองว่าไม่ใหญ่ไปกว่าเรื่องปากท้อง
ร่ายอยู่ยาว สุดท้ายน้องคนนั้นก็ดูเหมือนจะบรรลุสัจธรรมที่ผมตั้งใจจะบอก
สุดท้ายก็พูดออกมาว่า เอาล่ะผมตัดสินใจได้แล้ว กลับไปบ้านครั้งนี้ผมจะตั้งใจอ่านหนังสือทุกวัน และ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้น้องคนนั้นจะเป็นไงเหมือนกัน น่าจะเรียนจบ ป.ตรีไปอีกรุ่นแล้ว