มีใครอยากเป็นครูมั่ง

[Pakpoom]

มีใครใน MCT อยากเป็นครู มัธยมศึกษา บ้างครับ หรืออาจารย์มหาวิทยาลัย

[คusักคณิm]

อาจารย์กวดวิชาครับ รวยเละ ^^

[T-kung]

อยากสอนคณิตในมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ต้องเอ็นให้ติดก่อน

[หยินหยาง]

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ คusักคณิm

อาจารย์กวดวิชาครับ รวยเละ ^^

ไม่ไหวครับ รวยเละ มีแบบรวยเท่มั้ยครับ

[กิตติ]

รัฐบาลเขาจะปรับฐานเงินเดือนครูทั่วประเทศ ใกล้เคียงกับฐานเงินเดือนหมอ
ไม่ต้องอยู่เวร อดหลับอดนอน ไม่เครียด ไม่ต้องเสี่ยงถูกฟ้องแบบหมดตัว
ผมกำลังสนับสนุนให้ลูกไปเรียนเป็นครูดีกว่า และสนับสนุนเด็กหัวดีไปเรียนเป็นครูดีกว่า
ประทศชาติจะได้พัฒนาไปไกลกว่าทุกวันนี้

[krutuay]

เป็นครูบางทีก็ลำบากนะผมว่า
คะแนน NT ONET ไม่ได้ดังใจ ต้องประเมินโรงเรียนดี สาระพัดดี
ต้องทุจริตโครงการนั้น โครงการนี้ ต้องฮั้วประมูล ต้องคดโกง
.
.
แต่ถ้าได้คนเก่งๆ ใน Mathcenter ไปเป็นครูนี้ผมว่า สุดยอดเลย

[กิตติ]

แต่ถ้าได้คนเก่งๆ ใน Mathcenter ไปเป็นครูนี้ผมว่า สุดยอดเลย

เข้าใจชมนะ...

[banker]

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ กิตติ

รัฐบาลเขาจะปรับฐานเงินเดือนครูทั่วประเทศ ใกล้เคียงกับฐานเงินเดือนหมอ
ไม่ต้องอยู่เวร อดหลับอดนอน ไม่เครียด ไม่ต้องเสี่ยงถูกฟ้องแบบหมดตัว
ผมกำลังสนับสนุนให้ลูกไปเรียนเป็นครูดีกว่า และสนับสนุนเด็กหัวดีไปเรียนเป็นครูดีกว่า
ประทศชาติจะได้พัฒนาไปไกลกว่าทุกวันนี้

คนเก่งๆไปเรียนเป็นทนายไม่ดีกว่าหรือครับ

จบมาแล้ว คอยฟ้องหมอแบบ 'เมกา

ตั้งสำนักงานทนายหน้าโรง'บาลเสียเลย รวยดีออก



(ล้อเล่นคร๊าบ)

[กิตติ]

ในอเมริกาเท่าที่ผมรู้ อาชีพทนายนั้นเป็นอาชีพที่ทำเงินได้เป็นอันดับหนึ่ง
ส่วนหมอเป็นอันดับรองๆลงมา ค่าใช้จ่ายการรักษาในอเมริกานั้นถ้าเป็นโรคเดียวกันรักษาที่บ้านเรา
ค่าใช้จ่ายเกือบสิบเท่า แต่มันก็มีเรื่องค่าของเงินที่ต่างกัน เมื่อดูในรายละเอียดแล้วค่าใช้จ่ายถูกจ่ายออกไปเป็นค่าตรวจlab
ซึ่งตรวจเกือบทุกอย่าง บางทีก็ไม่เกี่ยวกับโรค แต่ถ้าไม่ทำตามก็อาจจะถูกฟ้อง
ค่าใช้จ่ายถูกแบ่งไปแชร์กับค่าประกันฟ้องหมอ แบ่งไปจ่ายค่ารักษามาตรฐานของโรงพยาบาล
ผมได้ยินว่าบางรัฐไม่มีหมอสูติทำคลอด เพราะถูกฟ้องบ่อยและฟ้องจนเกือบหมดตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นคือคนในรัฐนั้นต้องเดินทางไปยังรัฐใกล้ๆเพื่อคลอด.....ถ้าบ้านเราเดินตามอเมริกา ก็คงจบแบบเดียวกัน
คือต่อไปหมอจะเลือกรักษาเฉพาะคนไข้ที่ไม่ซับซ้อนและรักษาง่าย หายมากกว่าพิการหรือเสียชีวิต
เพื่อนรุ่นพี่ไปเรียนวิศวะป.เอกที่อังกฤษ เล่าให้ฟังว่าเป็นหวัดไปตรวจที่คลีนิกที่ขึ้นทะเบียนไว้ หมอนัดอีกสองวันค่อยกลับไปตรวจ
พี่คนนี้บอกว่า ผมคงหายพอดีถ้าเป็นหวัด หรือถ้าเป็นมากกว่าหวัด อาจจะตายไปก่อน
เช่นเดียวกับที่ในบ้านเราที่กรุงเทพ คนไข้เป็นไส้ติ่ง วิ่งหาโรงพยาบาลจนไส้ติ่งแตก เพราะแต่ละที่ก็บอกว่าเตียงเต็ม

สรุปแล้วเป็นครูน่าจะดีกว่า ผมยังไม่เห็นครูถูกฟ้องจากพ่อแม่ว่า สอนให้ลูกเขาโง่เลย
แต่ตอนนี้ผมเห็นว่าเป็นติวเตอร์รุ่งกว่า....55555

[หยินหยาง]

ผมคิดว่าการที่คนเราจะเลือกอาชีพอะไรนั้น น่าจะมาจากปัจจัยหลักๆ 3 ประการคือ
1. รายได้ที่ได้มาจากการทำอาชีพนั้น
2. ทัศนคติของสังคมที่มีต่ออาชีพนั้น หมายถึงฐานะทางสังคมหรือการได้รับการยอมรับจากสังคม
3. ช่องทางในการก้าวหน้าเมื่อได้ทำงานในอาชีพนั้น

แต่มิได้หมายความว่าทุกคนจะเลือกตามปัจจัยที่ว่าแล้วจะได้ เพราะเมื่อเป็นที่ต้องการของสังคมย่อมมีการแข่งขันสูงและการคัดกรองสูงก็จะตามมาด้วย เช่นกัน ดังนั้น ถ้าอยากให้อาชีพครูเป็นที่ต้องการของสังคม ก็คงต้องสร้าง 3 ปัจจัยที่ว่า แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสามารถสร้างปัจจัยทั้ง 3 ประการได้ และสามารถคัดกรองคนเก่งเข้าไปทำงานในสายอาชีพนี้ได้แล้ว ก็มิได้เป็นหลักประกันว่าเด็กนักเรียนจะเก่ง เพราะคนเก่งหลายๆคนไม่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างเป็นระบบได้ และไม่ต้องพูดถึงในระดับที่จะสร็างเด็กให้มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ และการสังเคราะห์ อีกประเด็นที่จะต้องคำนึงถึงก็คือคุณธรรมและจริยธรรมในสายอาชีพนั้น ต้องมี ไม่งั้นหน้าบ้านสอนหนังสือ หลังบ้านเปิดกวดวิชา คล้ายๆกับโครงการ tutor channel ของกระทรวงที่คุยนักคุยหนาว่าประสบความสำเร็จในการช่วยนักเรียนให้มีความทัดเทียมในการศึกษา แล้วเชิญอาจารย์กวดวิชาทั้งหลายมาสอน พร้อมทั้งวิเคราะห์วิจารณ์แนวข้อสอบรวมถึงเก็งข้อสอบด้วย ถ้าเก็งถูกหรือเรียนแล้วปิ๊ง เด็กจะไปศรัทธาครูที่โรงเรียนได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่อยากพูดมาก ผมเห็นด้วยในหลักคิดแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ทำ ในหลายๆเรื่องที่ทำผมก็เห็นว่าอธิบายหลักคิดก็ดูดี แต่เวลาทำไหงกลายเป็นโจ๊กไปได้ จนมีคนเอามาล้อเลียน ไม่ว่าเป็นการสอบโอเน็ต ก็เป็นโอเด็ด ไปซะงั้น หรือ gat-pat ก็เป็นแกะ-แพะ

ถ้าอยากให้มีคนเลือกที่จะเป็นครูแล้วให้มีคุณภาพ ก็คงต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ครับ เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วก็มีจัดเสวนาหรือรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนและผู้ปกครอง รู้สึกว่างานนี้ทางกระทรวงจะน่วมไปทั้งตัวเหมือนกัน

[กิตติ]

เดี๋ยงคงต้องไปขุดหนังสือที่เคยซื้อมาอ่านแล้วมั้งครับ....Courage To Teach ของ Palmer
จะได้เข้าถึงจิตวิญญาณ.....We teach Who we are....

[nooonuii]

ที่อเมริกาเด็กเก่งๆเรียน Law school กับ Business school กันเยอะครับ

อ้ออาชีพ นักคณิตศาสตร์ ก็เป็นหนึ่งใน 50 อาชีพที่คนอเมริกันใฝ่ฝันอยากจะทำ

เหตุผลที่กลุ่มตัวอย่างให้ไว้ก็เพราะว่า อาชีพนี้เรียนกันยากก็จริง แต่เวลาจบออกมาทำงานจะไม่ได้รับแรงกดดันมากนัก

เนื่องจากไม่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับชีวิตคนเหมือนอย่าง หมอ หรือ วิศวกร

รายได้ก็ดีพอสมควรครับ อาจารย์ระดับศาสตราจารย์สามารถทำเงินได้ถึงประมาณปีละ \$70,000

ถ้าเก่งๆผลงานเยอะก็อาจจะได้ถึง \$200,000 เลยทีดียว นักคณิตศาสตร์ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

แต่ก็มีบ้างที่ทำงานในหน่วยงานวิจัยโดยเฉพาะเช่น IBM Lab, Bell Lab, HP Lab, etc. หรือไม่ก็ทำงานใน

หน่วยงานของรัฐอย่างเช่น National Security Agency(NSA) ผมไม่ทราบว่ารายได้เป็นยังไงแต่คิดว่าคงเยอะกว่าอาจารย์

[krutuay]

อยู่ที่อเมริกานี้ ครูเขาเป็นข้าราชการเหมือนกับของไทยเราไหมครับ
แล้ว
คุณ nooonuii กำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาเหรอครับ (หลงคิดตั้งนานว่า nooonuii มีตัวโอ แค่สองตัว)

[nooonuii]

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ krutuay

อยู่ที่อเมริกานี้ ครูเขาเป็นข้าราชการเหมือนกับของไทยเราไหมครับ
แล้ว
คุณ nooonuii กำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาเหรอครับ (หลงคิดตั้งนานว่า nooonuii มีตัวโอ แค่สองตัว)

ไม่แน่ใจครับว่าครูที่นี่จัดเป็นข้าราชการหรือเปล่า

ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่อเมริกาครับ

[oat_kung]

ตอนนี้ผมได้ข่าวว่า ถ้าเรียนเพียววิทยาศาสตร์ คณิตศาสตรื จะไม่สามารถต่อ ป.บัญฑิต ได้อ่ะ ครับ และผมก็กำลังเรียนอยู่ด้วย ^^" แต่เหมือนกับรัฐบาลไม่ต้องให้เราเลือกเลยนะครับถ้าคุณอยากจะเป็นครูก็ต้องต่อ โท เอก อย่างเดียว ทุกคนเห็นว่าไงครับ