|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
Bertrand's Paradox
Bertrand's Paradox
ลองกลับไปเปิดดูเอกสารเรื่องความน่าจะเป็น(ปกติไม่เคยเปิดอ่านหรอก ) เผื่อจะมีความคิดอะไรแปลกๆ มาแก้ปัญหาได้บ้าง ก็บังเอิญไปเจอปัญหาอันหนึ่งที่คิดว่าน่าสนใจดี ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะ ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจควรค่าแก่การคิดวิเคราะห์ ลองคิดตามไปพร้อมๆกันนะครับ ภายในวงกลมหนึ่งหน่วย ลากเส้นคอร์ดแบบสุ่มขึ้นมา จงหาความน่าจะเป็นที่ เส้นคอร์ดนี้จะมีความยาว มากกว่า \( \sqrt{3}\ \ \) ? เพื่อเป็นการสะดวกในการอธิบายต่อๆไป เราจะกำหนดให้วงกลมหนึ่งหน่วย มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิด \( (0,0) \) วิธีแก้ปัญหาแบบที่ ๑ มองว่าเส้นคอร์ดจะตั้งฉากกับเส้นตรงในแนวรัศมีของวงกลม และตัดกันตรงตำแหน่ง กึ่งกลางของเส้นคอร์ด ดังนั้น เราสามารถกำหนดเส้นคอร์ดได้จาก ตำแหน่งจุดกึ่งกลางของเส้นคอร์ด จึงทำการสุ่มพิกัด \( (x,y) \) ขึ้นมาเพื่อเป็นตำแหน่งจุดกึ่งกลางของเส้นคอร์ด เราจะได้ความยาวของเส้นคอร์ดเป็น \( L = 2 \sqrt{1 - (x^2 + y^2)} \) จากนั้นทำการ simulation 10,000 รอบ หาค่าความน่าจะเป็น วิธีแก้ปัญหาแบบที่ ๒ มองเพิ่มเติมว่าการหมุนวงกลม ไม่มีผลให้ความยาวของเส้นคอร์ดเปลี่ยนไป ดังนั้นไม่ว่าเส้นคอร์ดที่ลาก จะเอียงทำมุมเท่าไร เราจะสามารถหมุนวงกลมให้เส้นคอร์ดวางตัวอยู่ในแนวราบได้เสมอ ดังนั้นตำแหน่ง กึ่งกลางของเส้นคอร์ด จะอยู่ในรูป \( (0,y) \) เสมอ เราจึงทำการสุ่มเฉพาะค่าของ \( y \) เท่านั้น จะได้ความยาวของเส้นคอร์ด เป็น \( L = 2 \sqrt{1 - y^2} \) จากนั้นทำการ simulation 10,000 รอบ หาค่าความน่าจะเป็น วิธีแก้ปัญหาแบบที่ ๓ มองว่าการการหมุนวงกลม ไม่มีผลให้ความยาวของเส้นคอร์ดเปลี่ยนไป ดังนั้นไม่ว่าเส้นคอร์ดจะอยู่ตรงไหน เราจะสามารถหมุนวงกลมให้ปลายด้านหนึ่งของเส้นคอร์ดมาอยู่ที่ตำแหน่ง \( (1,0) \) ได้เสมอ ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งสามารถกำหนดได้จาก ค่ามุมบนวงกลมหนึ่งหน่วยที่มันอยู่ (จะมีค่าในช่วง \( [0,2\pi]) \) เราจึงทำการสุ่มค่ามุมนี้ออกมา สมมติว่าสุ่มแล้วได้เป็น \( a \) จะได้ความยาวของเส้นคอร์ดเป็น \( L = \sqrt{2 - 2 \cos a} \) จากนั้นทำการ simulation 10,000 รอบ หาค่าความน่าจะเป็น จะสังเกตได้ว่าผลการทำ simulation ให้ผลออกมาแตกต่างกันทั้ง 3 แบบ ทีนี้คือปัญหาครับ
(หมายเหตุ: เส้นสีแดงใช้เป็นแสดงช่วงเส้นคอร์ดที่มียาวน้อย และมากกว่า \( \sqrt{3} \))
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. 08 เมษายน 2005 08:06 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ TOP |
#2
|
||||
|
||||
ไม่เข้าใจวิธีที่ 1 ครับ
คิดว่าที่ถูกต้องน่าจะเป็น อันที่ 2 เพราะสุ่มเอาจากเส้นตรงเลย มีการกระจายการสุ่มมากกว่า ส่วน 3 ที่ผิดเพราะว่าไม่ได้สุ่มจุดจากเส้นรอบวง แต่ว่าใช้ cos a แทน สังเกตว่าทางซ้ายของรูปจะกระจายๆ ส่วนใหญ่จะไปกระจุกกันทางด้านขวามากกว่า คือความยาวเมื่อเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนของขนาดก็จะเปลี่ยนเร็วขึ้น |
#3
|
||||
|
||||
คิดว่ายังมีหลายๆคนไม่เข้าใจวิธีการแก้ปัญหาแต่ละแบบ จะอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ละกัน
วิธีที่ ๑ วิธีนี้ ก็คล้ายๆกับการลากเส้นคอร์ดแบบมั่วๆของเราไง หลังจากลากเสร็จแล้วก็จะมาวัดดูว่าเส้นคอร์ดของเรา มีความยาวเท่าไร มากกว่า sqrt(3) มั้ย ถ้ามากกว่าก็นับเอาไว้ หลังจากทำไปได้เยอะๆก็จะนำค่าที่นับได้หารด้วยจำนวนครั้งที่ลากเส้นคอร์ด ก็จะเป็นค่าความน่าจะเป็น ออกมา ส่วนรูปที่เห็นนั้นเป็นตอนที่เราสุ่มลากเส้นคอร์ดไปได้เยอะแล้ว จึงเห็นเส้นมันขีดกระจายมั่วๆ ไปทั้งวงกลม วิธีที่ ๒ วิธีนี้บอกว่า แม้เราจะลากเส้นคอร์ดแบบมั่วๆแบบวิธีที่ ๑ แต่ถ้าพิจารณาการลากเส้นคอร์ดแต่ละเส้นดู จะพบว่าเราสามารถหมุนวงกลม เพื่อให้การวางตัวของเส้นคอร์ด อยู่ในแนวราบได้เสมอ โดยไม่ทำให้ความยาวเส้นอคอร์ดเปลี่ยนไป ดังนั้นหลังจากลากเส้นคอร์ดแบบมั่วๆตามวิธีที่ ๑ แต่ละเส้นเสร็จแล้ว เราก็จะหมุนวงกลมเพื่อให้มันมาวางตัว อยู่ในแนวราบ จากนั้นก็วัดดูว่าเส้นคอร์ดของเรา มีความยาวเท่าไร มากกว่า sqrt(3) มั้ย ถ้ามากกว่าก็นับเอาไว้ หลังจากทำไปได้เยอะๆก็จะนำค่าที่นับได้ หารด้วยจำนวนครั้งที่ลากเส้นคอร์ด ก็จะเป็นค่าความน่าจะเป็นออกมา ส่วนรูปที่เห็นนั้นเป็นตอนที่เรานำเส้นคอร์ดแต่ละเส้นมาวางตัวใน แนวราบแล้ว วิธีที่ ๓ วิธีนี้บอกว่า แม้เราจะลากเส้นคอร์ดแบบมั่วๆแบบวิธีที่ ๑ แต่ถ้าพิจารณาการลากเส้นคอร์ดแต่ละเส้นดู จะพบว่าเราสามารถหมุนวงกลม เพื่อให้ปลายด้านหนึ่งของเส้นคอร์ดมาอยู่ที่ตำแหน่ง (1,0) ได้เสมอ โดยไม่ทำให้ความยาวเส้นอคอร์ดเปลี่ยนไป (คล้ายๆกับวิธีที่ ๒ เพียงแต่มีการเรียงตัวของเส้นคอร์ด คนละแบบ) ดังนั้นหลังจากลากเส้นคอร์ดแบบมั่วๆตามวิธีที่ ๑ แต่ละเส้นเสร็จแล้ว เราก็จะหมุนวงกลมเพื่อให้ปลายด้านหนึ่งของมันมาอยู่ที่ตำแหน่ง (1,0) ปลายด้านที่เหลือจึงกระจายไปตามตำแหน่งต่างๆของวงกลม จากนั้นก็วัดดูว่าเส้นคอร์ดของเรา มีความยาวเท่าไร มากกว่า sqrt(3) มั้ย ถ้ามากกว่าก็นับเอาไว้ หลังจากทำไปได้เยอะๆก็จะนำค่าที่นับได้ หารด้วยจำนวนครั้งที่ลากเส้นคอร์ด ก็จะเป็นค่าความน่าจะเป็นออกมา ส่วนรูปที่เห็นนั้นเป็นตอนที่เรานำเส้นคอร์ดแต่ละเส้นมาวาง เรียงโดยให้ปลายด้านหนึ่งอยู่ที่ตำแหน่ง (1,0) แล้ว
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#4
|
|||
|
|||
ผมคิดว่าแบบที่ 1 ถูกที่สุดนะครับ
เพราะแบบที่ 2 และ 3 เนี่ย สุ่มมาไม่ครบ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการถ่วงน้ำหนักรึเปล่า แบบที่ 2 กับแบบที่ 3 คิดจากความยาวของคอร์ดอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่ คอร์ดต่างกัน อาจจะมีความยาวเท่ากันก็ได้ เพราะฉะนั้น แบบที่ 2 อาจจะถ่วงน้ำหนักตามรัศมีก็น่าจะได้ แต่ผมก็ไม่ทราบว่าทำไมแบบที่ 2 และ 3 ได้ผลไม่เท่ากัน ข้อสังเกต ผมคิดว่าถ้าแบบที่ 2 และ 3 ถูกต้องละก็ เราก็ไม่ต้องสุ่มตัวเลขก็ได้ เราสามารถใช้เรขาคณิตแก้ปัญหาข้อนี้ได้เลย |
#5
|
||||
|
||||
จะแสดง การคำนวณหาค่าความน่าจะเป็นทางทฤษฎี ของวิธีที่ ๑ เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับ วิธีอื่นๆ
เนื่องจาก L = 2*sqrt(1 - (x*x + y*y)) เราต้องการเส้นคอร์ดที่มีความยาวมากกว่า sqrt(3) ดังนั้น 2*sqrt(1 - (x*x + y*y)) > sqrt(3) หรือ sqrt(x*x + y*Y) < 1/2 ซึ่งก็คือ (x,y) ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ของวงกลม ที่มีรัศมี 1/2 เนื่องจาก ค่า (x,y) ที่เป็นไปได้ทั้งหมดใน sample space ของเราอยู่ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ของวงกลม ที่มีรัศมี 1 ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่เส้นคอร์ดของเราจะมีความยาวมากกว่า sqrt(3) จึงเป็นอัตราส่วนของพื้นที่ทั้งสอง คิดเป็น ( pi*(0.5*0.5) ) / ( pi*(1*1)) = 1/4 = 0.25 ทีนี้ค่าความน่าจะเป็นทางทฤษฎีของ วิธีที่ ๒ และ ๓ ละครับ จริงๆแล้วคือเท่าไร ?
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#6
|
|||
|
|||
ผมงงในวิธีที่คุณบอก และสงสัยว่าทำไมได้ค่าprobน้อยจัง
|
#7
|
|||
|
|||
ขอลอง test ก่อนนะ
|
#8
|
|||
|
|||
ขอลองตอบแบบที่ 2 ละกันนะ
ก่อนอื่นก็ กำหนดสัญลักษณ์ก่อนนะ กำหนดให้ L คือความยาวของคอร์ด (x,y) คือจุดภายในวงกลมหนึ่งหน่วย, -1ฃxฃ1 and -1ฃyฃ1 ทีนี้ลองสังเกตุแบบที่สองดู จะพบว่าความยาว L ขึ้นอยู่กับตัวแปร y เพียงอย่างเดียวดังนั้น Prob(Lณึ3) = Prob(2ึ(1-y2)ณึ3) ซึ่งจัดรูปไปจัดรูปมาจะได้ว่า = Prob(-1/2ฃyฃ1/2) ซึ่ง-1/2ฃyฃ1/2 มีค่า length = 1 ทีนี้เรารู้ว่าค่า y มีค่าอยู่ในช่วง -1 ถึง 1 (ซึ่งมีค่า length = 2) ดังนั้นความน่าจะเป็นของ Prob(-1/2ฃyฃ1/2) = 1/2 = 0.5 ที่พิมพ์มาทั้งหมดก็เดาๆเอานะ เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนแล้วจะมาหาคำตอบของความน่าจะเป็นแบบที่สามดู |
#9
|
|||
|
|||
สำหรับแบบที่สามก็น่าจะคำนวณเหมือนกันกับแบบแรกและแบบสอง
Prob(Lณึ3)=Prob(ึ2-2cos(a)ณึ3) ซึ่งถ้าเราจัดรูปไปจัดรูปมา ถอดรูต ยกกำลัง บวกลบคูณหารไปมา ในที่สุดเราจะได้ว่า = Prob(cos(a)ฃ-1/2) = Prob(-1ฃcos(a)ฃ-1/2) ซึ่งจากเรื่องตรีโกณ เรารู้ว่า a ต้องอยู่ในช่วง [p-p/3, p+p/3] ซึ่งมีค่า length เท่ากับ 2p/3 แต่เราก็รู้อีกว่าค่า a อยู่ในช่วง 0 ถึง 2p ซึ่งมีค่า length ของมันเท่ากับ 2p ดังนั้นความน่าจะเป็นของมันก็ควรมีค่าเท่ากับ Prob(Lณึ3)=Prob(-1ฃcos(a)ฃ-1/2)=(2p/3)/(2p) = 1/3 = 0.333... ดังนั้นจากทั้งสามแบบเราได้ความน่าจะเป็น เป็น 1/4 , 1/2 , 1/3 แล้วแบบไหนมันถูกต้องหว่า งงงงงง |
#10
|
|||
|
|||
ถ้าให้ผมเดานะ คำตอบที่ถูกต้องควรจะเป็นแบบที่สามคือ 1/3 วิธีคิดของผมก็คือ
สมมติว่า ถ้าเราต้องการสร้างคอร์ดหนึ่งเส้นขึ้นมาเนี่ย เราต้องสุ่มจุดสองจุดบนขอบของวงกลมก่อน สมมติว่าให้จุดแรกมีพิกัดเป็น (x1, y1) และจุดที่สองมีพิกัดเป็น (x2, y2) ซึ่งจุดสองจุดนี้อยู่บนวงกลมรัศมีหนึ่งหน่วย ดังนั้นเราสามารถเปลี่ยนพิกัดของจุดสองจุดนี้จาก rectangular coordinate ให้อยู่ในรูป Polar coordinate ได้(polar coordinate สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ calculus ทั่วไปนะครับ) ดังนั้น (x1,y1) ก็จะกลายเป็น [1, a] โดยที่ 0ฃaฃ2p และ (x2,y2) ก็จะกลายเป็น [1, b] โดยที่ 0ฃbฃ2p ดังนั้นมุมระหว่างจุดสองจุดนี้ก็จะมีค่าเป็น |a-b| จากนั้นเราก็ทำการหาความยาวของคอร์ดซึ่งสามารถใช้ตรีโกณมิติเข้าช่วย ก็จะได้ว่า L=ึ2-2cos(|a-b|) ซึ่งเราต้องการหาความน่าจะเป็น Prob (Lณึ3) = Prob(ึ2-2cos(|a-b|)ณึ3) นอกจากนี้เรารู้ว่า a และ b มี probability density function (pdf) แบบ uniform distribution over [0,2p] ดังนั้นค่าของ |a-b| จะมีการกระจายแบบ uniform distribution over [0,2p] ด้วยเหมือนกัน จะเห็นได้ว่าเราสามารถแปลงรูปแบบให้ไปอยู่ในรูปแบบที่สามได้ ดังนั้นค่าความน่าจะเป็นก็น่าจะเหมือนกับแบบที่ 3 10 เมษายน 2005 01:30 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ HP |
#11
|
||||
|
||||
ค่าทางทฤษฎีถูกต้องแล้วครับ ส่วนค่าความน่าจะเป็นก็ขึ้นอยู่กับวิธีลากเส้นคอร์ดแบบสุ่มขึ้นมา ดังนั้นเวลาจะนำค่าความน่าจะเป็นอันนี้ไปใช้ ก็ต้องดูว่าลักษณะของการกำหนดลากเส้นคอร์ดแบบสุ่ม เป็นแบบใด ก็นำค่านั้นไปใช้
เช่น - หากเส้นคอร์ดแบบสุ่มของเรามีจุดปลายทั้งสองได้อิสระ ก็จะได้ค่าความน่าจะเป็นคือ \( \frac{1}{4} \) - หากเส้นคอร์ดแบบสุ่มของเราวางตัวอยู่ในแนวเดียวกันเสมอ ก็จะได้ค่าความน่าจะเป็นคือ \( \frac{1}{2} \) - หากเส้นคอร์ดแบบสุ่มของเรามีจุดปลายจุดหนึ่งร่วมกันเสมอ ก็จะได้ค่าความน่าจะเป็นคือ \( \frac{1}{3} \) - หากเส้นคอร์ดแบบสุ่มของเรา ... ก็จะได้ค่าความน่าจะเป็นคือ ...
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
|
|