Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์มัธยมศึกษา > ปัญหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #526  
Old 22 มิถุนายน 2011, 22:28
~ArT_Ty~'s Avatar
~ArT_Ty~ ~ArT_Ty~ ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 03 กรกฎาคม 2010
ข้อความ: 1,081
~ArT_Ty~ is on a distinguished road
Default

ข้อต่อไป ให้หา $a,b,c,d$ ที่เป็นจำนวนเฉพาะที่สอดคล้องกับ

$$2a+3b+5c+7d=11a+7b+5c+4d=162$$
__________________
...สีชมพูจะไม่จางด้วยเหงื่อ แต่จะจางด้วยนํ้าลาย...
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #527  
Old 23 มิถุนายน 2011, 00:36
nongtum's Avatar
nongtum nongtum ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 เมษายน 2005
ข้อความ: 3,246
nongtum is on a distinguished road
Default

#526
จะแสดงภายใต้สมมติฐานว่าจำนวนเฉพาะที่ต้องการคือจำนวนเฉพาะบวกนะครับ

จากโจทย์ พิจารณาสมการคู่แรก จะได้ $d=3a+\frac43b$ จาก (4,3)=1 และ $b$ เป็นจำนวนเฉพาะ ทำให้ $b=3$
เนื่องจาก $7d$ ต้องไม่เกิน 162 จะได้ว่า $d$ เป็นจำนวนเฉพาะ(บวก)ที่ไม่เกิน 19
และจาก $a=(d-4)/3$ เป็นจำนวนเฉพาะ แทน $d=2,3,5,7,11,13,17,19$ จะพบเพียง $(a,d)=(3,13),(5,19)$
แต่มีเพียงคู่อันดับหลังเท่านั้นที่เมื่อแทนค่าแล้วทำให้ $c$ เป็นจำนวนเต็ม เราจะได้ในที่สุดว่า $c=2$
ทำให้ $a=5,b=3,c=2,d=19$ เป็นคำตอบ(ที่เป็นบวก)ชุดเดียวที่เป็นไปได้

ไหนๆก็ไหนๆ ลองคอมบินาทอริกส์ในกระทู้ม.ปลายสักข้อละกัน หลายคนคงรู้หรือเคยทำแล้วละมั้ง

จงแสดงหรือให้เหตุผลโดยการนับว่า ทำไม $$\sum_{k=0}^m \binom{m-k}{r}\binom{n+k}{s}=\binom{m+n+1}{r+s+1}$$ปล. ในที่นี้ เราสนใจเฉพาะกรณีที่การเลือกแต่ละตัวมีความหมายนะครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ
ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ)

Stay Hungry. Stay Foolish.

23 มิถุนายน 2011 08:25 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #528  
Old 23 มิถุนายน 2011, 01:32
Onasdi's Avatar
Onasdi Onasdi ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2005
ข้อความ: 760
Onasdi is on a distinguished road
Default

$k$ ควรจะเริ่มจาก $-n$ รึเปล่าครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #529  
Old 23 มิถุนายน 2011, 08:13
banker banker ไม่อยู่ในระบบ
เทพเซียน
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 มกราคม 2002
ข้อความ: 9,910
banker is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ nongtum View Post
#526
จะแสดงภายใต้สมมติฐานว่าจำนวนเฉพาะที่ต้องการคือจำนวนเฉพาะบวกนะครับ

จากโจทย์ พิจารณาสมการคู่แรก จะได้ $d=3a+\frac43a$ จาก (4,3)=1 และ $b$ เป็นจำนวนเฉพาะ ทำให้ $b=3$
เนื่องจาก $7d$ ต้องไม่เกิน 162 จะได้ว่า $d$ เป็นจำนวนเฉพาะ(บวก)ที่ไม่เกิน 19
และจาก $a=(d-4)/3$ เป็นจำนวนเฉพาะ แทน $d=2,3,5,7,11,13,17,19$ จะพบเพียง $(a,d)=(3,13),(5,19)$
แต่มีเพียงคู่อันดับหลังเท่านั้นที่เมื่อแทนค่าแล้วทำให้ $c$ เป็นจำนวนเต็ม เราจะได้ในที่สุดว่า $c=2$
ทำให้ $a=5,b=3,c=2,d=19$ เป็นคำตอบ(ที่เป็นบวก)ชุดเดียวที่เป็นไปได้

ไหนๆก็ไหนๆ ลองคอมบินาทอริกส์ในกระทู้ม.ปลายสักข้อละกัน หลายคนคงรู้หรือเคยทำแล้วละมั้ง

จงแสดงหรือให้เหตุผลโดยการนับว่า ทำไม $$\sum_{k=0}^m \binom{m-k}{r}\binom{n+k}{s}=\binom{m+n+1}{r+s+1}$$ปล. ในที่นี้ เราสนใจเฉพาะกรณีที่การเลือกแต่ละตัวมีความหมายนะครับ
จากโจทย์ พิจารณาสมการคู่แรก จะได้ $d=3a+\frac43\color{red}{b}$ จาก (4,3)=1 และ $b$ เป็นจำนวนเฉพาะ ทำให้ $b=3$

key ผิดหรือเปล่าครับ
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน
แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว
เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว

ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก


รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ
(ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี)
(แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #530  
Old 23 มิถุนายน 2011, 08:24
nongtum's Avatar
nongtum nongtum ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 เมษายน 2005
ข้อความ: 3,246
nongtum is on a distinguished road
Default

#529
ผิดจริงด้วย สงสัยแอบเบลอตอนพิมพ์ ขอบคุณครับ

#528
k เริ่มจากศูนย์จริงๆครับ (ตามหนังสือนะ) แต่ถ้าแสดงว่าอย่างอื่นถูกก็ลองแสดงมาให้ดูได้ครับ (เผื่อ text ผิด)
ย้ำอีกรอบ ว่าเราสนใจเฉพาะกรณีที่สปส.ทวินามแต่ละตัวมีความหมายครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ
ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ)

Stay Hungry. Stay Foolish.

23 มิถุนายน 2011 08:25 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #531  
Old 23 มิถุนายน 2011, 18:32
No.Name No.Name ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 20 เมษายน 2011
ข้อความ: 323
No.Name is on a distinguished road
Default

#527

ผมไม่เข้าใจตั้งแต่บรรทัดแรกเลยครับ อยากทราบว่าทำถึงสมมุติ $d=3a+\dfrac{4}{3}b$ หรอครับ
__________________
no pain no gain
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #532  
Old 23 มิถุนายน 2011, 18:37
banker banker ไม่อยู่ในระบบ
เทพเซียน
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 มกราคม 2002
ข้อความ: 9,910
banker is on a distinguished road
Default

$(2a+3b+5c+7d) - (11a+7b+5c+4d) =0$

$d=3a+\dfrac{4}{3}b$
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน
แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว
เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว

ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก


รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ
(ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี)
(แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #533  
Old 29 มิถุนายน 2011, 20:41
Influenza_Mathematics's Avatar
Influenza_Mathematics Influenza_Mathematics ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 27 พฤศจิกายน 2010
ข้อความ: 568
Influenza_Mathematics is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ nongtum View Post
#526
จะแสดงภายใต้สมมติฐานว่าจำนวนเฉพาะที่ต้องการคือจำนวนเฉพาะบวกนะครับ

จากโจทย์ พิจารณาสมการคู่แรก จะได้ $d=3a+\frac43b$ จาก (4,3)=1 และ $b$ เป็นจำนวนเฉพาะ ทำให้ $b=3$
เนื่องจาก $7d$ ต้องไม่เกิน 162 จะได้ว่า $d$ เป็นจำนวนเฉพาะ(บวก)ที่ไม่เกิน 19
และจาก $a=(d-4)/3$ เป็นจำนวนเฉพาะ แทน $d=2,3,5,7,11,13,17,19$ จะพบเพียง $(a,d)=(3,13),(5,19)$
แต่มีเพียงคู่อันดับหลังเท่านั้นที่เมื่อแทนค่าแล้วทำให้ $c$ เป็นจำนวนเต็ม เราจะได้ในที่สุดว่า $c=2$
ทำให้ $a=5,b=3,c=2,d=19$ เป็นคำตอบ(ที่เป็นบวก)ชุดเดียวที่เป็นไปได้
ผมคิดว่า ทำเป็น $3a+4 < 23 , a<6$ ดีไหมครับ
__________________
ขว้างมุขเสี่ยว ๆ ใส่กันน่าจะมันแฮะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #534  
Old 08 กรกฎาคม 2011, 21:50
PP_nine's Avatar
PP_nine PP_nine ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 เมษายน 2010
ข้อความ: 607
PP_nine is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ ~ArT_Ty~ View Post
ข้อต่อไป ให้หา $a,b,c,d$ ที่เป็นจำนวนเฉพาะที่สอดคล้องกับ

$$2a+3b+5c+7d=11a+7b+5c+4d=162$$
เอาวิธีคอนกรูเอนซ์แทนถึกดีกว่าๆ

เอาสมการคู่แรกมาจัดรูปได้ $d=3a+\frac{4}{3}b$ ทำให้ $b=3$ เท่านั้น

สมการเดิมจึงจัดรูปเป็นระบบสมการ $2a+5c+7d=153$ และ $11a+5c+4d=141$

ใช้ mod5 เพื่อตัดปัญหาตัว c ได้ $2a+2d\equiv 3 (mod5)$ และ $a-d\equiv 1 (mod5)$

คูณสมการสองด้วยสองแล้วบวกสมการแรกได้ $4a\equiv 5 \equiv 0 (mod5)$ ได้ $a=5$ อีกตัว

แทนสมการเดิมได้ $5c+7d=143$ และ $5c+4d=86$

แก้สมการธรรมดาได้ $c=2$ และ $d=19$

$\therefore (a,b,c,d)=(5,3,2,19)$

เขียนไปเขียนมา เพิ่งนึกได้ว่าอยู่ในกระทู้ ม.ปลาย ใครไม่รู้จัก mod ก็ขอโทษด้วยนะครับ
__________________
keep your way.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #535  
Old 08 กรกฎาคม 2011, 22:06
PP_nine's Avatar
PP_nine PP_nine ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 เมษายน 2010
ข้อความ: 607
PP_nine is on a distinguished road
Default

เอาอีกโซลูชันที่พิจารณาคำตอบเป็นลบมั่งๆ

อย่างที่รู้ว่า $d=3a+\frac{4}{3}b$ จึงได้ว่า $b=3,-3$

case i : b=3

ได้ $(a,b,c,d)=(5,3,2,19)$ เป็นคำตอบหนึ่งแล้ว จากที่ $a\equiv 0 (mod5)$ และ a เป็นบวก

ถ้า $a=-5$ ได้ระบบสมการ $5c+7d=163$ และ $5c+4d=196$ แก้สมการได้ $c=48$ ซึ่งไม่เป็นจำนวนเฉพาะ

ฉะนั้นกรณีที่ $b=3$ ก็ไม่มีคำตอบเหลือแล้ว

case ii : b=-3

แทนกลับได้ระบบสมการ $2a+5c+7d=171$ และ $11a+5c+4d=183$ และใช้ mod5 เหมือนเดิมได้

$2a+2d\equiv 1 (mod5)$ และ $a-d\equiv 3 (mod5)$ จัดรูปได้ $4d\equiv 5 \equiv 0 (mod5)$ ได้ $d=5,-5$

ถ้า $d=5$ แทนกลับแก้สมการสองตัวแปรได้ $c=26$ ซึ่งไม่เป็นจำนวนเฉพาะ

ถ้า $d=-5$ แทนกลับได้ a,c ไม่เป็นจำนวนเต็ม

$\therefore (a,b,c,d)=(5,3,2,19)$ คำตอบเดียว
__________________
keep your way.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #536  
Old 23 กรกฎาคม 2011, 21:02
Keehlzver's Avatar
Keehlzver Keehlzver ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 26 มกราคม 2009
ข้อความ: 533
Keehlzver is on a distinguished road
Default

คุณ Poper ครับ ในความคิดเห็นที่ 9 ต้องเป็น $\sum_{k=1}^{n-1} (2+2^{k})=2(n-1)+\frac{2(2^n-1)}{2-1}$ ไม่ใช่เหรอครับ
__________________
"ชั่วโมงหน้าต้องดีกว่าเดิม!"
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #537  
Old 23 กรกฎาคม 2011, 22:32
poper's Avatar
poper poper ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2010
ข้อความ: 2,643
poper is on a distinguished road
Send a message via MSN to poper
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Keehlzver View Post
คุณ Poper ครับ ในความคิดเห็นที่ 9 ต้องเป็น $\sum_{k=1}^{n-1} (2+2^{k})=2(n-1)+\frac{2(2^n-1)}{2-1}$ ไม่ใช่เหรอครับ
ครับผม แก้แล้วนะครับ
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล
คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม
คณิตศาสตร์ คือ ความจริง
ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #538  
Old 29 กรกฎาคม 2011, 23:25
PP_nine's Avatar
PP_nine PP_nine ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 เมษายน 2010
ข้อความ: 607
PP_nine is on a distinguished road
Default

1. จงพิสูจน์ว่า ฟังก์ชันพหุนาม $f(x)=x^{101}+x^{51}+x+1$ ไม่มีค่าสูงสุด/ต่ำสุดสัมพัทธ์ (ทุนคิง 53)

2. ให้ $k,x,y \in \mathbb{R}$ ทำให้ $A=\bmatrix{2548 & x \\ y & -543} $ เป็น singular matrix โดยที่ $A^5=kA$ จงหาค่า $k$ (ทุนคิง 49)

3. หา $x,y \in \mathbb{R}$ ทั้งหมดซึ่ง $tan^2(x+y)+cot^2(x+y)=1-2x-x^2$ (ทุนคิง 49)

4. ถ้า $tan(\alpha),tan(\beta)$ เป็นรากสมการ $x^2+\pi x+\sqrt{2}=0$ แล้ว จงหาค่าของ $$sin^2(\alpha+\beta)+\pi sin(\alpha+\beta)cos(\alpha+\beta)+\sqrt{2}cos^2(\alpha+\beta)$$ (ทุนคิง 45)

5. กำหนด $z_1,z_2,z_3 \in \mathbb{C}$ ซึ่ง $|z_1|=|z_2|=|z_3|=1$ หาค่าสูงสุดของ k ซึ่งสอดคล้องกับ $|z_1z_2+z_2z_3+z_3z_1| \ge k|z_1+z_2+z_3|$ (ทุนคิง 44)

6. จงพิสูจน์ (โดยไม่ใช้ induction) ว่า $1 \cdot 1!+2 \cdot 2!+3 \cdot 3!+...+n \cdot n!=(n+1)!-1$

7. จงแก้สมการ $\frac{\sqrt{1+x^2}}{x}=\sqrt{1+x^2}-1$ ในระบบจำนวนจริง
__________________
keep your way.

30 กรกฎาคม 2011 21:06 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ PP_nine
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #539  
Old 30 กรกฎาคม 2011, 18:53
lek2554's Avatar
lek2554 lek2554 ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 07 กันยายน 2010
ข้อความ: 1,036
lek2554 is on a distinguished road
Default

จองข้อง่ายสุดก่อน...ข้อ 1.

$f(x)=x^{101}+x^{51}+x+1$

$f\,'(x)=101x^{100}+51x^{50}+1>0,\forall x\in D_f$

$\therefore f $ is monotonic increasing function

ดังนั้น $f$ ไม่มีค่าสูงสุดสัมพัทธ์และค่าต่ำสุดสัมพทธ์
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #540  
Old 31 กรกฎาคม 2011, 13:45
-Math-Sci- -Math-Sci- ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 มกราคม 2010
ข้อความ: 724
-Math-Sci- is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ PP_nine View Post

6. จงพิสูจน์ (โดยไม่ใช้ induction) ว่า $1 \cdot 1!+2 \cdot 2!+3 \cdot 3!+...+n \cdot n!=(n+1)!-1$
พิจารณา $a_n = n\cdot n! = n\cdot n! + n! - n!$

$n\cdot n!= n!(n+1) -n!$

$n\cdot n! = (n+1)! -n!$


ดังนั้น $S_n = a_1+a_2+...+a_n = [2!-1!]+[3!-2!]+...+[(n+1)!-n!]$

$S_n = (n+1)! - 1 $
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply


หัวข้อคล้ายคลึงกัน
หัวข้อ ผู้ตั้งหัวข้อ ห้อง คำตอบ ข้อความล่าสุด
แฟนพันธุ์แท้ คณิตศาสตร์ Marathon nooonuii ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป 318 01 ตุลาคม 2021 21:29
Marathon Mastermander ฟรีสไตล์ 6 02 มีนาคม 2011 23:19
Marathon - มัธยมต้น คusักคณิm ปัญหาคณิตศาสตร์ ม. ต้น 254 08 สิงหาคม 2010 20:47
Marathon ##วิทย์คำนวณ## คusักคณิm ปัญหาคณิตศาสตร์ ประถมปลาย 24 13 พฤษภาคม 2010 21:19
Marathon race... Fearlless[prince] ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป 3 14 กุมภาพันธ์ 2008 15:53


กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 15:40


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha