Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์ทั่วไป > ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #1  
Old 09 ตุลาคม 2009, 12:06
beginner01 beginner01 ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าหยก
 
วันที่สมัครสมาชิก: 15 กันยายน 2008
ข้อความ: 177
beginner01 is on a distinguished road
Default ทำไมมุมฉากถึงต้องมีขนาด 90 องศา?

ทำไมมุมฉากถึงต้องมีขนาด 90 องศา? ทำไมไม่เป็น 100 องศา หรือว่าอย่างอื่น?
__________________
จะคิดเลขก็ติดขัด จะคิดรักก็ติดพัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #2  
Old 09 ตุลาคม 2009, 19:36
jikgui's Avatar
jikgui jikgui ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 เมษายน 2009
ข้อความ: 82
jikgui is on a distinguished road
Icon20

เพราะว่ามุมตรง มัน 180 องศา แล้วมุมฉาก ดันมาเปนครึ่งมุมตรงไงคับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #3  
Old 09 ตุลาคม 2009, 20:13
beginner01 beginner01 ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าหยก
 
วันที่สมัครสมาชิก: 15 กันยายน 2008
ข้อความ: 177
beginner01 is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ jikgui View Post
เพราะว่ามุมตรง มัน 180 องศา แล้วมุมฉาก ดันมาเปนครึ่งมุมตรงไงคับ
ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...
คือทำไมมุมมันถึงเป็น 90 180 270 360... ทำไมมันไม่เป็น 100 200 300 400 อะไรแบบนี้

คืออะไรทำให้คนยุคโบราณมาใช้มุมเป็นแบบ 90 180?
__________________
จะคิดเลขก็ติดขัด จะคิดรักก็ติดพัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #4  
Old 10 ตุลาคม 2009, 17:58
มือใหม่หัดแก้โจทย์'s Avatar
มือใหม่หัดแก้โจทย์ มือใหม่หัดแก้โจทย์ ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 07 มิถุนายน 2009
ข้อความ: 72
มือใหม่หัดแก้โจทย์ is on a distinguished road
Default

อืม ... ไม่รู้เหมือนกันอ่า ...
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #5  
Old 10 ตุลาคม 2009, 20:46
nooonuii nooonuii ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤษภาคม 2001
ข้อความ: 6,408
nooonuii is on a distinguished road
Default

คิดว่าน่าจะมาจากการใช้เลขฐาน $60$ ในสมัยก่อนครับ

เลขฐาน $60$ นี้มีมานานมากแล้วย้อนไปได้ถึงยุคของชาวบาบิโลเนียโน่นแน่ะครับ

เหตุผลที่ใช้เลขฐาน $60$ ก็คงจะมาจากการที่มันมีตัวประกอบเป็นจำนวนเต็มจำนวนน้อยๆอยู่เยอะทีเดียว

หากลองไล่ดูก็จะมีตัวเลขโดด $6$ ตัวแรกเป็นตัวประกอบทั้งหมดเลย $1,2,3,4,5,6$

สมัยก่อนยังไม่มีการใช้ทศนิยม ดังนั้นการหารจะใช้งานได้ลำบากมาก

การใช้เลขฐาน $60$ จะทำให้การหารด้วยเลขจำนวนน้อยๆทำได้ดีทีเดียว

ส่วนเหตุผลจริงๆนั้นคงหาได้ยากครับ บ้างก็ว่ามาจาก Ptolemy

เพราะมีการค้นพบว่าเขาเคยสร้างตารางค่าของฟังก์ชันไซน์ (sine) โดยการแบ่งวงกลมออกเป็น $360$ ส่วน

บลา บลา บลา
__________________
site:mathcenter.net คำค้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #6  
Old 10 ตุลาคม 2009, 21:04
nooonuii nooonuii ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤษภาคม 2001
ข้อความ: 6,408
nooonuii is on a distinguished road
Default

เพิ่มเติมให้อีกนิดครับ

บางคนก็ว่ามาจากนักดาราศาสตร์ชาวบาบิโลเนีย

เขาใช้วิธีแบ่งวงกลมออกเป็น $360$ ส่วนเพื่อศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวบนท้องฟ้าครับ

(ความเห็นส่วนตัว) เหตุผลอันนี้ก็ดูดีไม่น้อยเพราะมันสอดคล้องกับการแบ่งปีออกเป็น $12$ เดือน

แต่ละเดือนจะมี $30$ วัน หนึ่งปีจึงมี $360$ วัน เป๊ะ
__________________
site:mathcenter.net คำค้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #7  
Old 11 ตุลาคม 2009, 11:51
beginner01 beginner01 ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าหยก
 
วันที่สมัครสมาชิก: 15 กันยายน 2008
ข้อความ: 177
beginner01 is on a distinguished road
Default

ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นครับ
__________________
จะคิดเลขก็ติดขัด จะคิดรักก็ติดพัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #8  
Old 11 ตุลาคม 2009, 20:07
jittatarn's Avatar
jittatarn jittatarn ไม่อยู่ในระบบ
เริ่มฝึกวรยุทธ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 พฤษภาคม 2008
ข้อความ: 13
jittatarn is on a distinguished road
Default

ขอบคุณคร้าบอยากรู้มานานละเหมือนกัน
__________________
หมื่นวันพรุ่งนี้รอเราอยู่
จะมัวเสียใจไปทำไมกับวันก่อน
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #9  
Old 17 ตุลาคม 2009, 23:45
Dr.kimanatomy Dr.kimanatomy ไม่อยู่ในระบบ
เริ่มฝึกวรยุทธ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 กันยายน 2009
ข้อความ: 12
Dr.kimanatomy is on a distinguished road
Default

ผมดูในหนังสือประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์แล้วแล้ว ก็มาจากบาบิโลน แต่บาบิโลนก็ใช้ระบบเลขฐานสิบนี่แหละ เพียงแต่ว่าพอนับๆ ไปแล้ว พอขึ้นหลัก ร้อย มันไม่ขึ้นที่ร้อย มันไปขึ้นที่ 60 คือนับ 1 ถึง 9 ตอกลิ่มทีละอัน 3 อัน ต่อ 3 ชั้น แล้วขึ้นหลัก สิบ ก็ไปตอกหลัก 10 1 อัน แต่หลักสิบเมื่อนับไปไปถึงเลข 60 ก็ตอกสัญลักษณ์ 60 อันนี้ผมถือว่าไม่ใช่ฐาน 60 อ่ะ เพราะบวกลบคูณหารก็ทำภายใต้ฐานสิบ (พอค้นจริงๆ พบว่ามีคนเข้าใจผิดเยอะเหมือนกันแหะ)



สัณนิษฐานว่า 60 มาจากการนับเลขมือเดียว โดยอีกมือหนึ่งไล่ตามข้อนิ้ว ทั้งสามข้อของนิ้วก้อย-นาง-กลาง-ชี้ อีกอย่าง 60 เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดระหว่าง 1-100 ที่มีตัวประกอบมากที่สุด (มีตัวประกอบ 12 ตัว ดังนั้นจะสะดวกในการหารมาก ๆ ยังมีเลขอื่นที่มีตัวประกอบ 12 ตัว แต่มากกว่าเช่น 90 96)



คือมือขวานับด้วยการกำแล้วเหยียดนิ้วแบบปกติจากก้อยไปโป้ง แต่พอถึง 5 ก็เอานิ้วโป้งซ้ายวางไว้กับข้อนิ้วล่างสุดของนิ้วชี้ซ้าย พอมือขวานับได้อีก 5 ก็เขยิบอีกข้อหนึ่ง เนื่องจากมี 12 ข้อนิ้วจาก 4 นิ้ว (นิ้วโป้งซ้ายที่ใช้จรดไม่นับ) ก็เลยนับไปถึง 60 (บ้างก็ว่านับข้อ 12 ข้อในมือนึง แล้วนับนิ้วไปอีกมือนึง 5 นิ้ว แต่ผมว่านับอย่างนี้มันจะฐานสิบสองเลยนะ)

ส่วน $360$ องศา มาจากการทำปฏิทินที่ มันช่างบังเอิญเหลือเกินที่เขานับกันได้ 360 วันพอดี โดยเมื่อเอาไม้ยาวๆ ปักลงดินไว้ ด้วยแกนของโลกที่เอียง ทำให้ ณ เวลาเที่ยงวันของแต่ละวัน เงาของปลายไม้จะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ วนรอบจุดปักไม้นั่นแหละ จึงทำปฏิทินรูปวงกลม ที่แบ่งเป็น 360 วัน (ทำมาแต่ชาวสุเมเรียนแล้ว)



แล้วก็สังเกตดาวบนท้องฟ้าร่วมกับพระจันทร์เต็มดวง ก็ได้ 30 วันพอดี ก็เลยขีดแบ่งในวงออกได้ 12 เดือน อันนี้ก็อีกชื่อเดือนก็ค้านกับความรู้สึก เพราะเช่นเดือนกุมภา ไม่ใช่ดาวคนแบกหม้ออยู้บนท้องฟ้าตอนกลางคืน แต่ต้องเป็นดาวคนแบกหม้ออยู่บนท้องฟ้าในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนจะเป็นดาวของอีก 6 เดือน นั่นคือดาวราศีสิงห์ที่เราจะเห็นบนท้องฟ้า

สมัยนั้นยังไม่มีสัปดาห์แบบ 7 วันนะครับ ใช้แบบ 10 วันต่อสัปดาห์ ผมว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ แต่ไอ้ระบบสัปดาห์ละ 7 วันมันสมัยไบเซนไทน์ มีนักดูฤกษ์ยามที่ใช้ดูว่าในแต่ละชั่วโมงมีเทพอะไรมาคุ้มครอง เผอิญเขาใช้ระบบ heptagram ของเทพ 7 องค์ เรียงกัน คือ Saturn, Jupiter, Mars, Sol(Sun), Venus, Mercury, Luna(Moon) จากวันละ 24 ชั่วโมง $24 mod 7 = 3$ ดังนั้นชั่วโมงแรกของแต่ละวันเทพก็จะเรียงไปไม่ซ้ำกัน โดยถ้าเริ่มจาก sun ก็จะเป็น Sun-Moon-Mars-Mercury-Jupiter-Venus-Saturn ก็เลยให้ตั้งชื่อวันไปซะ ในภาษาที่แปลงตรงมาจากโรมันจะเห็นชัดเจน เช่นในภาษาฝรั่งเศษ แต่ในภาษาอังกฤษก็เอาชื่อเทพของชาว Anglo-saxon ที่เทียบเคียงได้มาตั้ง มีแค่ saturday ที่ใช้แบบเดิม

ในประเทศที่อิงบาลีสันสกฤต จะเป็นระบบนวเทพ(นพเคราะห์) 9 องค์ ที่เพิ่มพระเกตุกับพระราหูเข้าไปก็จะเรียกคล้ายๆ แต่เปลี่ยนสาว venus เป็นพระศุกร์ พระราหูไปเป็นพุธกลางคืน พระเกตุวิ่งทั่วได้ทุกวันทั้งเจ็ด

ความจริงแล้วระบบเจ็ดวันมีมานานมากแล้วชนิดที่ว่าพระคัมภีร์เก่าของยิวก็เขียนถึง แต่จะเรียกวันเสาร์เป็นวันที่ 6 ของสัปดาห์ ซึ่งชาวยิวก็จะหยุด ส่วนศาสนาคริสต์จะให้หยุดวันอาทิตย์ อิสลามจะให้หยุดวันศุกร์



พอจะประสานระบบ 7 วันต่อสัปดาห์กับระบบเดือนละ 30 วันและปีละ 360 วัน ก็มั่วซิครับ แต่ก็ดีนะครับจะทำให้แต่ละปีที่ผ่านไปแทบไม่มีวันที่เดิมๆ ตรงกับวันในสัปดาห์เดิมๆ (ลองคิดดูว่า ถ้าวันปีใหม่ของทุกปีเป็นวันอาทิตย์ แล้วเขาไม่หยุดชดเชย ปีใหม่จะน่าเบื่อแค่ไหน)

แต่ก็ยุ่งมากขึ้นเพราะอาเฮียจูเลียสซีซาร์ สถาปนาเดือนเกิดของตัวเองเป็นชื่อตัวเอง (เดิมเรียกตามลำดับ เช่น เดือนตุลาคมเรียก october นั่นคือเดือนแปดสมัยนั้น ส่วนเดือน July เก่า ชื่อ Pentober) แล้วเพิ่มวันไป 1 วัน เป็น July มี 31 วัน แล้วก็ไปลดเดือนสุดท้ายเป็น 29 วัน สมัยนั้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนสุดท้ายก็โดนตลอด แล้ว ท่าน Augustus ก็เอาอีกเดือนเปลี่ยน Hexober เป็น August เพิ่มอีก 1 วัน

หลังจากคราวนี้ไม่กล้าลดแล้วเพราะกุมภา มันลดจนเวียนจำนวนวันในสัปดาห์ได้พอดีแล้ว ลดกว่านี้พระจันทร์จะค่ำแรมสับสน (นานๆจนบัดนี้มันก็สับสนอยู่ดี) เลยใช้ระบบเพิ่มเอาแทนแบบเดือนเว้นเดือน ก็มีท่านเทพของกรีกโรมันหลายองค์ Janua, Mar, Maia ที่ได้รับการสถาปนาเป็นชื่อวันแล้วเพิ่มวันให้ ส่วนอีกสองเดือนก็กำหนดไปให้เป็นเดือนเว้นเดือนคือ october กับ december สำหรับเดือนกุมภา ซึ่งเมื่อก่อนเป็นเดือนสุดท้ายก็ตั้งชื่อว่าเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลอง ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ(Fabrua-) ดังนั้นเพิ่ม 7 วันลด 2 วัน เป็น 365 วัน มี 366 วันทุก 4 ปี ต่อมาค่อยมากำหนดกันใหม่ให้มกราเป็นเดือน 1


ส่วนเรขาคณิตเชิงมุมนั้น มีมาภายหลังและก็เอาวิธีวัดมุมเงาของปฏิทินมาใช้มันเลยได้เป็น 360 องศา แล้วมุมฉากก็เลย 90 องศาพอดี (90 ก็แบ่งง่ายด้วยอย่างที่ได้บอกไว้แล้ว)

ไม่ได้ copy ข้อความมา paste นะครับ มีภาพที่ดีงๆ เขามาเท่านั้น
ผมก็พิมพ์เล่าๆ ไป เท่าที่ฟังๆ มา เคยอ่านผ่านตามาก่อนบ้าง ผิดก็มาแก้นะครับ

17 ตุลาคม 2009 23:46 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ Dr.kimanatomy
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #10  
Old 18 ตุลาคม 2009, 11:00
Lekkoksung Lekkoksung ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 02 พฤศจิกายน 2007
ข้อความ: 325
Lekkoksung is on a distinguished road
Default

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #11  
Old 23 ตุลาคม 2009, 19:40
Zenith_B Zenith_B ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณบริสุทธิ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 09 สิงหาคม 2009
ข้อความ: 121
Zenith_B is on a distinguished road
Default

ขอบคุณครับ
__________________
There is only one happiness in life, to love and be loved.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #12  
Old 26 ตุลาคม 2009, 17:32
napolsmath's Avatar
napolsmath napolsmath ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 23 ตุลาคม 2009
ข้อความ: 364
napolsmath is on a distinguished road
Send a message via ICQ to napolsmath Send a message via AIM to napolsmath Send a message via MSN to napolsmath Send a message via Yahoo to napolsmath Send a message via Skype™ to napolsmath
Default

เพราะว่ามุมฉากมันเป็นครึ่งนึงของมุมตรง180องศาเเบ่งก็เหลือ90องศาเเล้วมัานเป็นมุมที่ตั้งฉากเลยเรียกว่ามุมฉาก
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply



กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 15:51


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha