Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์มัธยมศึกษา > ปัญหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #1  
Old 04 พฤศจิกายน 2007, 21:36
faliona's Avatar
faliona faliona ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 29 ตุลาคม 2007
ข้อความ: 55
faliona is on a distinguished road
Default แนวมหิดล ช่วยคิดหน่อย มีทางอื่นไหม

1. กำหนด x^2=x+1 ค่าของ x^13 - 233/x เป็นเท่าไร
1.355 2.366 3.377 กรุณาบอกวิธีคิดด้วยนะคะ เฉลย ข้อ3

2. กำหนด P(x) = x^6 + a*x^5+ b*x^4 + c*x^3 + d*x^2 + ex + f เมื่อ a b c d e f เป็นค่าคงที่ ถ้า
p(1)=15 p(2)=22 p(3)=29 P(4) =36 p (5)=43 p(6)=50 ค่าของ p(7) เป็นเท่าไร /777/
อยากทราบว่าใครมีวิธีเร็วเร็วบ้างคะที่ใช้เวลาไม่นานจนเกินไป

3. ABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วมี มุม BAC=100 M เป็นจุดภายในทำให้ 2มุมMBA = มุมMCA = 20 ขนาดของ มุมAMB เป็นเท่าไร /150 / กรุณาบอกวิธีคิดด้วยนะ

4. กำหนด m และ n เป็นจำนวนเต็มบวกซึ่งทำให้ 17/50 = 1/m + 1/n ค่าของ m+n เป็นเท่าไร /153/ แข่งกันใครคิดออกก่อนพร้อมวิธีทำ

5. กำหนด x และ y เป็นจำนวนเต็มบวกซึ่งทำให้ x^3 + y^3 = 468^4 ค่าของ x+y เป็นเท่าไร /5616/


6. กำหนด x,y เป็นจำนวนเต็มบวกสมการ 2x + 3y=999 มีทั้งหมดกี่คำตอบ /167 /

7. พื้นที่รูป 12 เหลี่ยม ด้านเท่ามุมเท่าซึ่งแนบในวงกลมรัศมี 12 หน่วย เป็นเท่าไร /432/

05 พฤศจิกายน 2007 03:00 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
เหตุผล: 7 Threads merged and numbered, please read our guidelines carefully.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #2  
Old 04 พฤศจิกายน 2007, 21:57
M@gpie's Avatar
M@gpie M@gpie ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 09 ตุลาคม 2003
ข้อความ: 1,227
M@gpie is on a distinguished road
Default

2. สังเกตว่า $15, 22, 29, 36, 43, 50$ เขียนได้เป็น $7x+8$ โดยที่ $x=1,2,3,4,5,6$
จึงได้ว่า $p(1)-7 \cdot 1-8=0, p(2)-7 \cdot 2-8=0, p(3)-7 \cdot 3-8=0, ..., p(6)-7 \cdot 6-8=0$ ดังนั้น $p(x)-7x-8 = (x-1)(x-2)(x-3)(x-4)(x-5)(x-6)$ ก็จะหาค่าที่ต้องการได้สบายขึ้นละครับ
__________________
PaTa PatA pAtA Pon!

05 พฤศจิกายน 2007 03:01 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
เหตุผล: Problem number added
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #3  
Old 04 พฤศจิกายน 2007, 22:10
faliona's Avatar
faliona faliona ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 29 ตุลาคม 2007
ข้อความ: 55
faliona is on a distinguished road
Default

ขอบคุณมากมากนะคะ ^ v ^

ดูไปดูมาเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณมาก

05 พฤศจิกายน 2007 00:40 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #4  
Old 05 พฤศจิกายน 2007, 19:14
teamman's Avatar
teamman teamman ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 29 มกราคม 2007
ข้อความ: 381
teamman is on a distinguished road
Default

ผมไม่เข้าใจวิธีของคุณ M@gpie
อ่าครับ
__________________
ต้องเข้าใจให้ได้
ไม่มีใครลิขิตตัวเรา นอกจากตัวเรา
เราเป็นคนเลือกเองคับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #5  
Old 05 พฤศจิกายน 2007, 20:43
หยินหยาง's Avatar
หยินหยาง หยินหยาง ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่จักรวาล
 
วันที่สมัครสมาชิก: 06 มกราคม 2007
ข้อความ: 2,921
หยินหยาง is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ faliona View Post
1. กำหนด x^2=x+1 ค่าของ x^13 - 233/x เป็นเท่าไร
1.355 2.366 3.377 กรุณาบอกวิธีคิดด้วยนะคะ เฉลย ข้อ3
จัดให้ตามคำขอครับ
1. หา $x^{13}$ โดย ใช้เงื่อนไขจากที่โจทย์กำหนดให้ คือ $x^2 =x+1$
2. $x^4 = (x+1)^2 = x^2 + 2x + 1 = x+1+2x+1 = 3x+2$
3. $x^8 = (3x+2)^2 = 9x^2+12x+4 = 21x+13$
4. $x^8*x^4 = x^{12} =(21x+13)(3x+2) =........= 144x+89$
5. $x^{12}*x = x^{13} = 144x^2+89x = 233x+144$
6. $x^{13}-\frac{233}{x} = 233x+144 - \frac{233}{x}$
$x^{13}-\frac{233}{x} = 233x- \frac{233}{x}+144$ = $233(x-\frac{1}{x})+144 =233+144$
ดังนั้นคำตอบที่ได้คือ.......377....ครับ
ปล. $(x-\frac{1}{x})=1$
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #6  
Old 05 พฤศจิกายน 2007, 21:06
หยินหยาง's Avatar
หยินหยาง หยินหยาง ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่จักรวาล
 
วันที่สมัครสมาชิก: 06 มกราคม 2007
ข้อความ: 2,921
หยินหยาง is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ faliona View Post

6. กำหนด x,y เป็นจำนวนเต็มบวกสมการ 2x + 3y=999 มีทั้งหมดกี่คำตอบ /167 /
ข้อนี้คำตอบน่าจะตอบ 166 นะครับ
หลักคิดคือ พิจารณา 3y ที่เป็นคี่ เมื่อย้ายข้างไป จะได้ $2x =999-3y$ ซึ่งเป็นจำนวนคู่จะทำให้หาค่า x ได้
พิจารณาค่า ของ y ในรูป 2n-1 ดังนั้น $3(2n-1) = 999$ จะได้ว่า $n=167$
แต่เมื่อแทน $n=167$ คือ $y = 333$ จะได้ค่า $ x = 0 $ ดังนั้นจึงเหลือเพียง 166 คำตอบครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #7  
Old 06 พฤศจิกายน 2007, 00:29
Puriwatt's Avatar
Puriwatt Puriwatt ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 กันยายน 2006
ข้อความ: 1,435
Puriwatt is on a distinguished road
Default

3. มุม ABC = ACB = (180-100)/2 = 40 แต่ MBA = MCA = 20
ดังนั้นมุม MBC = MCB = 20 และจะได้มุม BMC = 140
เนื่องจาก AB = BC , MB = MC และ MBA = MCA = 20
จะได้ว่ามุม AMB = AMC = (360-140)/2 = 110 ครับ (ลองวาดรูปดูเอาเอง)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #8  
Old 06 พฤศจิกายน 2007, 06:23
nongtum's Avatar
nongtum nongtum ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 เมษายน 2005
ข้อความ: 3,246
nongtum is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Puriwatt View Post
3. มุม ABC = ACB = (180-100)/2 = 40 แต่ MBA = MCA = 20
ดังนั้นมุม MBC = MCB = 20 ...
โจทย์บอกว่า $2\angle MBA = \angle MCA = 20^\circ$ นะครับ
ข้อนี้ วิธีหนึ่งแก้ได้โดยไล่มุมให้ครบ แล้วใช้ sine's law กับสามเหลี่ยม MBA และสามเหลี่ยม MCA ครับ ซึ่งจะได้ $\angle BMA=150^\circ$ ครับ

ส่วนข้ออื่นๆที่เหลือ มีคำแนะนำดังนี้

4. ข้อนี้ไม่น่ามีคำตอบครับ เพราะถ้ามี จะต้องมีจำนวนเต็ม $k$ ทีี่ทำให้ $17k=m+n,\ 50k=mn$ แต่
$(m-n)^2=(m+n)^2-4mn=89k^2$ ไม่ทำให้ $m-n$ เป้นจำนวนเต็ม


5. ข้อนี้ออกจะเป็นเกร็ดความรู้มากกว่าที่จะให้คำนวณกันจริงๆ ลองค้นดูนะครับว่าจะเกี่ยวกับอะไร

7. วาดหกเหลี่ยมด้่านเท่ามุมเท่าแนบในวงกลมที่ให้ ก่อนแบ่งครึ่งมุมที่จุดศูนย์กลางแต่ละมุม แล้วลากเส้นแบ่งแต่ละเส้นไปตัดเส้นรอบวง ที่เหลือคือตรีโกณมิติม.ต้นครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ
ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ)

Stay Hungry. Stay Foolish.

06 พฤศจิกายน 2007 11:29 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #9  
Old 06 พฤศจิกายน 2007, 07:50
jabza's Avatar
jabza jabza ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 02 สิงหาคม 2005
ข้อความ: 544
jabza is on a distinguished road
Default

4.ขอแย้งกับพี่nongtum. 17/50*3/3=51/150 =50/150+1/150 =1/3+1/150 m+n=153.
__________________
จะขอทำฝัน....ให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด

เด็กน้อย ค่อยๆ เรียนรู้ สินะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #10  
Old 06 พฤศจิกายน 2007, 17:31
jabza's Avatar
jabza jabza ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 02 สิงหาคม 2005
ข้อความ: 544
jabza is on a distinguished road
Default

-ข้อ5.เกรดความรู้อยางไร. ผมคิดไม่ออก พี่nongtum.ช่วยอธิบายข้อ5.thanks.
__________________
จะขอทำฝัน....ให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด

เด็กน้อย ค่อยๆ เรียนรู้ สินะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #11  
Old 07 พฤศจิกายน 2007, 08:05
nongtum's Avatar
nongtum nongtum ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 เมษายน 2005
ข้อความ: 3,246
nongtum is on a distinguished road
Default

#10
ที่ผมตอบแบบนั้น เพราะผมเคยเห็นผ่านๆมาที่ไหนสักที่ในเรื่องสมการไดโอแฟนไทน์ หรือเรื่อง Fermat's last theorem (FLT) แต่ก็ค้นคำตอบจากกูเกิลไม่เจอ แต่ผมคิดว่าเอกลักษณ์จากสมการไดโอแฟนไทน์ $x^3+y^3=z^4$ น่าจะเป็นเอกลักษณ์ที่ใครสักคนค้นพบในระหว่าง 357 ปีของการหาคำตอบของปัญหา FLT ครับ

โดยอาศัยคำตอบที่ให้มา และ Mathematica เราจะัพบว่า $$2340^3+3276^3=468^4$$ ซึ่งหากนั่งคำนวณกับมือตรงๆอย่างเดียว คงไม่เสร็จง่ายๆแน่ๆครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ
ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ)

Stay Hungry. Stay Foolish.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #12  
Old 09 พฤศจิกายน 2007, 21:18
faliona's Avatar
faliona faliona ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 29 ตุลาคม 2007
ข้อความ: 55
faliona is on a distinguished road
Default

เห็นด้วยคะ เพราะตอนแรกก็คิดได้ 166 เหมือนกับคุณหยิน หยาง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเฉลยตอบ 167ได้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #13  
Old 09 พฤศจิกายน 2007, 21:59
faliona's Avatar
faliona faliona ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 29 ตุลาคม 2007
ข้อความ: 55
faliona is on a distinguished road
Default

คุณnongtumอธิบายละเอียดกว่านี้สักนิดได้ไหมคะข้อ3คะ แล้วข้อ5 ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือคะ

09 พฤศจิกายน 2007 22:19 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ faliona
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #14  
Old 10 พฤศจิกายน 2007, 04:51
nongtum's Avatar
nongtum nongtum ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 เมษายน 2005
ข้อความ: 3,246
nongtum is on a distinguished road
Default

ข้อ 3 สมมติให้ $\angle BMA=x^\circ$ หลังจากไล่้ืมุมย่อยครบควรจะได้ว่า $$\frac{\sin 20^\circ}{AM}=\frac{\sin (230-x)^\circ}{AC},\quad\frac{\sin 10^\circ}{AM}=\frac{\sin x^\circ}{AC}$$ จากนั้นก็แก้สมการตรีโกณอย่างเมามัน ก็จะได้คำตอบครับ
(ผมไม่รู้ว่าคุณ faliona มีพื้นตรีโกณแค่ไหน แต่ยังไงลองพยายามแก้สมการดูก่อนที่จะถามนะครับ)

ส่วนข้อ 5 หากทำแบบไม่รู้อะไรมาก่อนเลย ก็คงจะดูค่าประมาณของ $468^{4/3}$ ก่อน แล้วค่อยๆไล่ออกไปทีละตัว บวกการพิจารณากรณีโดยสมภาค (Congruence) มั้งครับ แต่ไม่ว่าจะใช้เครื่องคำนวณหรือไม่ ข้อนี้ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหาที่ให้แสดงวิธีคิดในห้องสอบแน่ๆ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ
ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ)

Stay Hungry. Stay Foolish.

10 พฤศจิกายน 2007 04:53 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #15  
Old 12 พฤศจิกายน 2007, 21:38
Puriwatt's Avatar
Puriwatt Puriwatt ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 กันยายน 2006
ข้อความ: 1,435
Puriwatt is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ nongtum View Post
โจทย์บอกว่า $2\angle MBA = \angle MCA = 20^\circ$ นะครับ
ข้อนี้ วิธีหนึ่งแก้ได้โดยไล่มุมให้ครบ แล้วใช้ sine's law กับสามเหลี่ยม MBA และสามเหลี่ยม MCA ครับ ซึ่งจะได้ $\angle BMA=150^\circ$ ครับ
คนแก่ตาลาย เลยไม่เห็นเลข 2
ขอบคุณมากครับ

ช่วงนี้เริ่มว่างแล้ว(เคลียร์งานเสร็จแล้ว) เฮ้อ...เหนื่อย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply



กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 20:51


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha