|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#46
|
|||
|
|||
ใครที่ไม่อยาก download Numb3rs (season1) ทั้ง 13 ตอน
ขณะนี้ มีเป็นแผ่น DVD วางขายแล้วนะครับ น่าจะเจอตามร้านที่วางขายหนังชุด เยอะๆ ที่ผมไปเจอมา คือที่คลองถม seacon ขาย 6 แผ่น 500 บาทครับ
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว |
#47
|
|||
|
|||
ไม่ได้อ่าน QED นานแล้วครับ ยังคงรูปแบบน่าสนใจเหมือนเดิม เมื่อก่อนอ่านแล้วฉงนมากๆ
เมื่อกี้ก็อีกลองอ่านที่คุณ TOP เอาให้ดู เริ่มเข้าใจแล้วละครับ ว่าเมื่อก่อนเราโดนหลอก(แต่ในทางที่ดีนะครับ) ตรงที่พูดถึงจำนวนจินตภาพเนี่ย มีจริง ``มีคนติดฟังก์ชันการเคลื่อนไหวคลื่นของอนุภาคมูลฐาน" ประโยคนี้เด็ดมากมันทำให้คนที่ไม่รู้ เกิดจินตนาการไปต่างๆนานา ชวนให้อยากเรียนฟิสิกส์ ได้เลยแหละครับ แต่ถ้าคนที่เรียน quantum mech จะรู้ว่าเบื้องหลังงานสร้างคือ สมการของ Schrodinger เกี่ยวกับ wave mech ครับ แต่น้องๆหลายคนอาจจะยังไม่รู้นะครับว่าเบื้องหลังความโด่งดังของวิชา QM เนี่ย มีคณิตศาสตร์เป็นพระเอกอยู่ครับ ไม่ทราบใครพอจะรู้เกี่ยวกับ Hilbert space บ้างครับ อันนี้เบื้องต้นครับถ้ามีโอกาศได้เรียนสูงขึ้นไปอีก จะมีพวก (super) string theory เท่าที่รู้สองวิชานี้ยังมีงานวิจัยอยู่อีกแยะครับ จะว่าไปแล้ว math กับ physics เนี่ยเหมือนเป็นพี่กะน้องเลยแนอะ
__________________
INEQUALITY IS EVERYWHERE |
#48
|
|||
|
|||
ผม ชอบ อ่านเฉพาะ นวนิยายอะครับ เช่น แฮรี่ พอตเตอร์อะไรปานนี้อะ
|
#49
|
|||
|
|||
โหลด numb3rs ที่ไหนอะคับ
อยากดูมากๆๆ |
#50
|
|||
|
|||
ถ้าเป็น numb3rs season 1 ผมแนะนำให้ไปดูตามร้านที่ขายหนังชุดเยอะๆ จะดีกว่ามั้งครับ เพราะ คงมีการนำเข้ามาในไทยบ้างแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าพวก web ที่ download ได้จะมี season 1 ค้างอยู่หรือไม่ และถึงมี ก็ต้องใช้ bittorrent มาช่วย download และต้องใช้ net ประเภท ADSL น่ะครับ ที่สำคัญก็ต้อง download english subtitle เพิ่มอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่ามีทักษะการฟังเป็นเลิศ หรือดูเอาเพลินๆ ก็ไม่มีปัญหาครับ
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว 26 กุมภาพันธ์ 2006 00:20 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ passer-by |
#51
|
||||
|
||||
หาได้หลายที่ครับ เช่น อ่าวโจรสลัด หรือไม่ก็ mininova (ที่นี่มีบริการ RSS ด้วยนะครับ) ตอนนี้ผมเองก็กำลังโหลดหนังเรื่อง Shinobi ที่นางเอกเรื่อง Trick แสดงนำด้วย
อ้างอิง:
(รูปนี้ยืมมาจาก pantip)
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#52
|
||||
|
||||
การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ เหตุการณ์ดูสงบกว่าที่คาดไว้ บนรถไฟไม่มีทหารเดินถือปืนเหมือนครั้งก่อน (อาจเป็นเพราะผมกลับเร็วกว่าปกติก็ได้ )
หนังสือที่ผมเลือกมาอ่านเล่มแรกคือ "ล่ารหัสมรณะ (Digital Fortress)" เขียนโดย แดน บราวน์ ผู้เขียนคนเดียวกับหนังสือ "รหัสลับดาวินซี" ที่โด่งดังมากจนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆนี้ (แต่ผมก็ยังไม่เคยอ่าน ) เป็นเรื่องเกี่ยวกับหน่วยงานถอดรหัส ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ (NSA) ที่มี ทรานส์แอลทีอาร์ สุดยอดเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถถอดรหัสใดๆ ในโลกนี้ได้สำเร็จโดยใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่แล้วความภาคภูมิใจเหล่านี้ก็หมดไป เมื่อมีบุคคลคิดค้นวิธีเข้ารหัสแบบหนึ่ง ซึ่งทำให้สุดยอดคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ ไม่สามารถถอดรหัสได้เลย และบุคคลนั้นกำลังประมูลขายเทคนิคการเข้ารหัสแบบนี้ หากคนทั้งโลกใช้วิธีการเข้ารหัสแบบใหม่นี้เมื่อใด ก็จะทำให้ฝ่ายถอดรหัสกลายเป็นง่อย ไม่สามารถดักอ่านอีเมลล์ของใคร แม้แต่เด็กประถม หนังสือเล่มนี้บอกไว้ว่า ซีซาร์เป็นนักเข้ารหัสคนแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อคนเดินสารของเขาเริ่มถูกซุ่มโจมตี และข่าวลับของเขาถูกขโมยไป เขาจึงคิดค้นวิธีการง่ายๆในการเข้ารหัสคำสั่งของตน เขาเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ เพื่อให้ดูไม่มีความหมาย แต่ละข้อความมักจะมีจำนวนตัวอักษร เป็นกำลังสองสมบูรณ์ คือ สิบหก ยี่สิบห้า หนึ่งร้อย ขึ้นอยู่กับว่าซีซาร์ต้องการสั่งความมากน้อยแค่ไหน เขาสั่งลูกน้องอย่างลับๆว่า ... รหัสลับแบบง่ายๆอีกอันหนึ่งที่กล่าวถึงในหนังสือ คือการเลื่อนตัวอักษรไปข้างหน้า 1 ลำดับ เช่น HL FKZC VD LDS จะกลายเป็น IM GLAD WE MET การเข้ารหัสง่ายๆแบบนี้ ถูกนำมาใช้กับการตั้งชื่อคอมพิวเตอร์ควบคุมยานอวกาศ ที่ชื่อ HAL ในเรื่อง 2001 A Space Odyssey ของผู้กำกับ Stanley Kubrick เช่นกัน คอมพิวเตอร์ตัวนี้จึงสื่อถึง IBM ยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์นั่นเอง เนื่องจากมีเรื่องราวเกี่ยวกับด้าน IT อยู่พอสมควร จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT อ่านแล้วสนุกกับมันยิ่งขึ้น ปมที่วางไว้ก็ไม่ได้ซับซ้อนจนถึงกับอ่านแล้วเครียด อ่านสบายๆ รวดเดียวจากบ่ายสามกว่าๆ จนถึงสี่ทุ่มก็จบแล้ว สุดท้ายฝากรหัสลับอันสุดท้าย จากหนังสือเรื่องนี้เผื่อว่าใครอยากจะแกะดู PFEE SESN RETM PFHA IRWE OOIG MEEN NRMA ENET SHAS DCNS IIAA IEER BRNK FBLE LODI นี่เป็นการเข้ารหัสแบบโบราณของซีซาร์ สังเกตได้จากจำนวนตัวอักษรเป็น กำลังสองสมบูรณ์ คือ 4*16=64 ตัวอักษร ซีซาร์สั่งลูกน้องอย่างลับๆว่า เมื่อไรที่ข้อความมาถึง พวกเขาจะต้องแปลงข้อความเป็นตารางเลขยกกำลังสอง และเมื่อทำเสร็จแล้วก็ให้อ่านจากบนลงล่าง แล้วข้อความลับนั้นก็จะปรากฎแก่สายตาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เราจึงนำข้อความมาเขียนลงบนตารางขนาด 8x8 \[\begin{array}{cccccccc} P & F & E & E & S & E & S & N \\ R & E & T & M & P & F & H & A \\ I & R & W & E & O & O & I & G \\ M & E & E & N & N & R & M & A \\ E & N & E & T & S & H & A & S \\ D & C & N & S & I & I & A & A \\ I & E & E & R & B & R & N & K \\ F & B & L & E & L & O & D & I \end{array}\] เมื่ออ่านจากบนลงล่าง ตัดคำ และเว้นวรรคให้ถูกต้อง ก็จะกลายเป็นข้อความว่า PRIME DIFFERENCE BETWEEN ELEMENTS RESPONSIBLE FOR HIROSHIMA AND NAGASAKI
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#53
|
||||
|
||||
เมื่อผมกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เคยซื้อหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านคือ "ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า" เป็นหนังสือที่ว่าด้วยการสร้างพระบารมีหลายอสงไขยกับเศษอีกหลายแสนมหากัป จนกระทั่งตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ระยะเวลาอสงไขย หรือมหากัป หรือระยะเวลาอื่นๆนอกจากนี้ มักปรากฏในเรื่องเล่าต่างๆทางพุทธศาสนา และในหนังสือเล่มนี้ก็มีคำอธิบายถึงระยะเวลาต่างๆเหล่านี้ จึงอยากรวบรวมมาให้ทุกท่านได้มีโอกาสเข้าใจความหมาย ของระยะเวลาเหล่านี้มากขึ้น อสงไขย กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขย นั้น ท่านกำหนดเอากาลเวลาที่มากมายยาวนาน เหลือที่จะนับประมาณได้ เพราะคำว่าอสงไขย แปลว่า นับไม่ได้ คืออย่านับดีกว่า โดยมีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า ฝนตกใหญ่โตมโหฬารทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลานานถึง 3 ปีติดต่อกัน มิได้หยุด มิได้ขาดสายเม็ดฝน จนน้ำฝนเจิ่งนองท่วนท้นเต็มขอบเขาจักรวาล อันมีระดับความสูงได้ 84,000 โยชน์ ทีนี้ ถ้าสามารถนับเม็ดฝน และหยาดแห่งเม็ดฝนที่กระจายเป็นฟองฝอยใหญ่น้อย อสงไขยหนึ่ง เป็นจำนวนปีเท่ากับ เม็ดฝนและหยาดแห่งเม็ดฝนที่นับได้นั้น เป็นไงครับ จินตนาการไม่ออกละสิ ว่า 1 อสงไขย นั้นยาวนานเท่าใด เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับหน่วยของเวลา ที่เล็กลงกว่าอสงไขย กันก่อน ซึ่งจะนำไปสู่ระยะเวลา 1 มหากัป ได้ในที่สุด (1 มหากัป ยังนับว่าเป็นเศษ เมื่อเทียบกับ 1 อสงไขย) อสงไขยปี $1$ อสงไขยปี = $10^{140}$ ปี อันตรกัป 1 อสงไขยปี เป็นอายุของมนุษย์เราโดยอนุมานในสมัยเริ่มแรก แล้วอายุอันมีจำนวนมากมายมหาศาลนั้น ก็ค่อยๆลดลงมา โดยร้อยปีลดลงปีหนึ่งๆ ลดลงมาๆ อายุของมนุษย์ค่อยๆลดลงด้วยอาการอย่างนี้ จนกระทั่งเหลือเพียง 10 ปี เมื่อเหลือเพียง 10 ปีแล้ว ทีนี้ก็ไม่ลดต่อไปอีกละ แต่จะเพิ่มขึ้นคือค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร้อยปีเพิ่มขึ้นปีหนึ่งๆ เช่นเดียวกับตอนที่ลดลงมานั่นเอง เพิ่มขึ้นๆเรื่อยไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งมนุษย์มีอายุยืนนานถึงอสงไขยปีอีกตามเดิม เวลาหนึ่งรอบอสงไขยปีนี้ เรียกว่าเป็น 1 อันตรกัป (อาการที่อายุลดลงมานี้ พึงเห็นตัวอย่างเช่น ในสมัยที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น อายุของมนุษย์มี 100 ปี เป็นประมาณ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลนั้น ตราบเท่ามาถึงปัจจุบันนี้ล่วงแล้วได้ 2500 กว่าพรรษา เอาเป็นว่า 2500 พรรษา ก็แล้วกัน ในจำนวน 2500 นี้ หนึ่งร้อยหักออกเสียหนึ่งปี ก็คงเป็นหักออก 25 ปี เมื่อ 100 ปีหักออกเสีย 25 ปี ก็คงเหลือ 75 ปี จึงเป็นยุติได้ว่า อายุของมนุษย์เราในปัจจุบันนี้ประมาณ 75 ปี เป็นเกณฑ์โดยมาก) ดังนั้น $1$ อันตรกัป = $2 \times 10^{2}(10^{140} - 10) = 2 \times (10^{142} - 10^{3}) $ ปี อสงไขยกัป เมื่อนับจำนวนอันตรกัปตามที่กล่าาวมาแล้วนั้น จนครบ 64 อันตรกัปแล้ว จึงเรียกว่าเป็นหนึ่ง อสงไขยกัป ดังนั้น $1$ อสงไขยกัป = $64$ อันตรกัป = $128 \times (10^{142} - 10^{3})$ ปี มหากัป เมื่อนับจำนวนทั้ง 4 อสงไขยกัป หรือ 256 อันตรกัป ตามที่กล่าวมาแล้วจนครบ จึงเป็นหนึ่งมหากัป ดังนั้น $1$ มหากัป = $512 \times (10^{142} - 10^{3})$ ปี เรื่องของระยะเวลา 1 มหากัป นั้น ยังมีอุปมาได้ 2 แบบคือ
มหาวิบัติ ขึ้นชื่อว่าความวิบัติทั้งหลายที่มนุษย์เราต้องประสบกันอยู่เสมอในโลกนี้ ความวิบัติอื่นใดก็จงยกไว้ก่อนเถิด เพราะมิสู้จะสำคัญ แต่ความวิบัติหนึ่งนั้น เป็นความวิบัติอย่างใหญ่หลวงของสามัญสัตว์ ซึ่งจัดว่าเป็นยอดแห่งความวิบัติจริงๆ มีอยู่ 6 ประการ คือ
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. 13 มีนาคม 2010 01:55 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ TOP |
#54
|
|||
|
|||
ถ้าคุณ TOP นำเรื่องราวต่างๆที่ได้นำเสนอไว้ในกระทู้นี้ เอาไปเขียนลง My Maths นี่ ผมว่าสามารถทำเป็นคอลัมน์ประจำ ไปได้นานเลยนะครับ
|
#55
|
||||
|
||||
เผอิญไปเห็นบทความนี่มา กล่าวถึงเว็บเราด้วย ใครน้า
Clubzero 2004 |
#56
|
||||
|
||||
หนังสือเรื่อง \(\sqrt{ดอกเตอร์กับรูท และสูตรรักของเขา}\) ทำออกมาเป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2006 แล้วนะครับ
ชื่อภาษาอังกฤษคือ The Professor and His Beloved Equation ผมเพิ่งได้มีโอกาสดู สนุกกว่าในหนังสือมากครับ แต่ก็ไม่ใช่หนังแนวตลาดนัก (หนังเกี่ยวกับเลข ย่อมไม่ใช่แนวตลาดอยู่แล้วละ ) ที่ดูน่าสนใจก็ตอนที่คุณครูรูทของเรา สอนวิชาคณิตศาสตร์ในห้อง โดยเล่าประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์ในเรื่องนั้น ให้นักเรียนฟังได้อย่างน่าติดตาม พร้อมกับแผ่นป้ายเยอะแยะไปหมด
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#57
|
||||
|
||||
หนังเรื่องนี้หาซื้อที่ไหนครับ พอดีผมอ่านหนังสือแล้วอะครับ
|
#58
|
||||
|
||||
พี่ที่ผมยืมหนังมา ซื้อจากร้านลูกแมว มาบุญครองครับ
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#59
|
||||
|
||||
โลกของโซฟีพิมพ์ใหม่แล้วนะคะ (หนาปึกๆ) ซื้อมาจากสัปดาห็หนังสือ สำนักพิมพ์คบไฟค่ะ
ยังไม่ได้อ่านเลย ไม่เคยอ่านเจอในนี้มาก่อนด้วย เรื่อง NUMB3R ก็ดีนะคะ
__________________
แนะนำด้วยนะคะ |
#60
|
|||
|
|||
ตอนนี้ NUMB3RS ไปถึง season 3 แล้วครับ แต่ผมยังไม่ว่าง download มาดูเหมือนกัน
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว |
|
|