|
|
|||||||
| สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
  |
|
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
|
#1
29 มิถุนายน 2002, 12:06
|
||||
|
||||
ปัญญหา ตรรกศาสตร์ ข้อนี้ มีวิธี แก้ยังไงครับ
ช่วย แก้ ปัญหา ตรรกศาสตร์นี้ทีครับ***
ปัญหา มีอยู่ว่า... มีบ้าน อยู่5 หลัง บ้านทุ กหลั งสีต่า งกันหมด บ้าน แต่ละห ลัง มี ค น1คน ชนชาติที่ต่างกัน5ชาติ ทุกคน ดื่มน้ำต่างกัน สูบบุห รียี่ห้อ ต่าง กัน มีสัตว์ เลี้ยง ต่างกัน ไม่มี คนไห นดื่มน้ำ ชนิดเ ดีย วกัน สูบบุหรี่ ยี่ห้อเดียวกัน หรือมีสัตว์เลี้ยงชนิดเดียวกัน (คำใบ้) ชาว อังกฤษอยู่บ้าน สีแดง ชาวสวีเดน เลี้ยงหมา คนเดนมาร์ก ดื่มชา บ้านสีเขียวอยู่ ทางซ้ายของ บ้านสีขาว เจ้าของบ้าน สีเขียวดื่มกาแฟ คนที่ สูบบุหรี่ยี่ห้อPall mall เลี้ยงนก เจ้าของบ้าน สีเหลือง สูบบุหรี่ Dun hill คนที่อยู่ บ้านหลังกลาง ดื่มนม ชาวนอร์เวย์ อยู่บ้านหลังแรก คนสูบบุหรี่ Blendsอยู่ติดกับ บ้านคน เลี้ยง แมว คนเลี้ยงม้าอยู่ติดกับคนสูบDun hill คนสูบบุหรี่Blue ดื่มmasterเบียร์ ชาวเยอรมัน สูบบุหรี่Prince คนนอร์ เวย์อยู่ติด กับบ้าน สีฟ้า คนสูบบุห รี่Blends เป็นเพื่อน กับคนดื่มน้ำ คำถามก็คือว่า...ใคร เป็นคนเลี้ยงปลา? 
|
|
#2
29 มิถุนายน 2002, 13:13
|
|||
|
|||
ขอตอบนอกประเด็นไม่เกี่ยวกับหัวข้อนี้
คิดว่าถ้าอ่านเวปนี้เพื่อสอบ ent ละก็เสียเวลา ไปติวกับอาจารย์เจี๋ยยังดีซะกว่า เนื้อหาตรงประเด็น แล้วจะเรียนกันไปทำไมถ้าไม่ยอมใช้ประโยชน์ 29 มิถุนายน 2002 22:12 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gon
|
|
#3
29 มิถุนายน 2002, 21:03
|
|||
|
|||
งงคนข้างบนครับ
ข้อนี้ก็ทำเหมือนโจทย์แนวนี้ธรรมดาน่ะครับ เคยลองทำแล้ว ไม่ยากเท่าไร เขียนตารางในกระดาษ ค่อย ๆ กรอกเงื่อนไขที่เป็นไปได้ทั้งหมด ตัดเงื่อนที่เป็นไปไม่ได้ โจทย์ข้อนี้จะยากกว่าข้ออื่นหน่อย ตรงที่เค้าสร้างเงื่อนไขมาดีน่ะครับ ลองทำดูสนุก ๆละกัน
|
|
#4
29 มิถุนายน 2002, 21:09
|
|||
|
|||
|
ข้อนี้รู้สึกว่าจะตอบว่าชาวเยอรมันนะครับ(ถ้าจำไม่ผิด)
วิธีทำก็เขียนตารางไล่ๆไป รู้สึกเขาว่ากันว่าเป็น Eistienื's Problem นะครับ ซึ่ง Eistien บอกว่ามีเพียง 5% ของคนทั้งหมดในโลกที่จะคิดออก ปล. ใครที่สอบ Olympic วันนี้เข้ามาโพสกันหน่อยนะครับ วันนี้ผมก็ไปสอบมาเหมือนกัน นับไปนับมารู้สึกว่าผมจะได้ 58 คะแนน มั้ง ู ^_''
|
|
#5
29 มิถุนายน 2002, 23:06
|
||||
|
||||
|
ขอนอกประเด็นเพื่อตอบคำถามคุณเด็กอุเทนนะครับ.
1.เว็บนี้ไม่ได้ทำเพื่อเตรียมเด็กไปสอบ Ent ' ครับ. จุดประสงค์หลัก ๆ ในใจก็คือ ก. มุ่งไปทางคณิตศาสตร์โอลิมปิก ข. จุดประกาย ดึงความสนใจสำหรับผู้ที่มีแววหรือรักทางด้านคณิตศาสตร์ให้อยากที่จะสนใจสูงศึกษาต่อไปอีกด้วยตัวเอง ค. เป็นสังคมที่มีการตอบถามปัญหาคณิตศาสตร์ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสร้างชุมชนทางปัญญาที่แข็งแกร่งขึ้นมา 2.สำหรับข้อสอบ Ent ต่าง ๆ ที่มีนั้นมีไว้เพื่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างของข้อสอบในประเทศไทย และที่ได้พยายามเฉลยข้อสอบก็เพื่อไว้เป็นแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจถ้าข้อใดไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิด 3.คอลัมน์ต่าง ๆ ที่เขียนไว้ เช่น การเรียน มีไว้เป็นเพื่อศึกษาเป็นกรณีศึกษา และ มีไว้เป็นเพื่อให้จุดประกายคนอื่นให้เห็นแนวทาง การศึกษาจากชีวิตจริงของคนคนหนึ่งเท่านั้น เพื่อนำไปประยุกต์ในแนวทางที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน 4.ผมเรียนหนังสือมาตั้งแต่เกิดไม่เคยเรียนพิเศษเลย สมัยนักเรียนเคยคิดที่เรียนกวดวิชาเหมือนกัน ในตอนนั้นคิดว่าการเรียนกวดวิชาคือ การที่เราไปเรียนสิ่งที่ยากกว่า สิ่งที่ไม่มีในเนื้อหาห้องเรียน สิ่งที่ไม่อยู่ในแบบเรียน แต่ปรากฏว่า การเรียนกวดวิชาในความเป็นจริงที่เป็นอยู่นั้น มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด นักเรียนเองแค่เรียนในห้องเรียนก็ไม่เข้าใจ ฟังครูก็ไม่เข้าใจ อ่านเองก็ยังไม่เข้าใจ ทำให้รู้ว่า คนเรานั้นมีความแตกต่างกัน แต่ในอุดมคติ ผมเชื่อว่า น่าจะมีวิธีการที่ทำให้นักเรียนแต่ละคน มีความสามารถในการพัฒนาตัวเองได้ด้วยตนเอง กล่าวตามใจจริงส่วนลึก นักเรียนที่ไปเรียนกวดวิชาปัจจุบันผมมองว่า ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกตัวเองเกินไปหน่อยล่ะมั้ง (ถ้าระบบการกวดวิชายังเป็นระบบแบบนี้อยู่) สิ่งที่ผมค้นพบนั่นก็คือถ้ามนุษย์เรามี 1. ความชอบ 2. ความขยัน และ 3. ความสามารถในการควบคุมตัวเองอย่างยิ่งยวดได้ ไม่ว่าจะทำอะไรย่อมสำเร็จ ตรงนี้ล่ะ คือจุดประสงค์ลึก ๆ แอบแฝงที่ผมตั้งไว้ในใจ อยากให้เด็กหรือใครก็ตามที่เข้ามา มองเห็นมันด้วยตัวเอง การเรียนในแบบกวดวิชาสมัยปัจจุบัน ผมมองว่าเป็นการที่คนสอนประคองเด็กให้เดิน ๆ ๆ ๆ ไป ถ้าปล่อยเมื่อไรก็ล้มลง เดินต่อเองไม่ได้ ยืนด้วยตัวเองไม่ได้ เด็กบางคนเรียนตั้งแต่ ม.4 จนจบ ม.6 ของสถาบันกวดวิชาที่ตัวเองชอบ คำถามที่ผมถามในใจ(แต่ก็ไม่รู้คำตอบ) ก็คือ สถานกวดวิชานั้นสอนให้คนเป็นง่อยหรือ เอารถเข็นไปให้หรือ จนต้องติดแหงกอยู่ไม่รู้จักกี่ปี ๆ เดินไม่เป็นสักที กับภาพที่มองคล้าย ๆ เห็นว่า เกรด 4 คือ พระเจ้า สอบ Ent ติดนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน !! ถ้าผมจะเปิดสอนกวดวิชา ผมจะไม่สอนหรือมีคอร์สเตรียมสอบ บ้าบอคอแตกอะไรมากนัก หลักสูตรที่ผมสอนจะเน้นให้เด็กคิดเป็น หรือ มีความสามารถในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเองเป็น พูดง่าย ๆ คือ ถ้าคุณจะเอารถเข็นล่ะก็ไปที่อื่นเถิด ที่นี่ไม่มีรถเข็นแต่มีสอนให้คุณเดิน และ ถ้าจบ 1 เทอม คุณมาบอกว่า ผมดีใจเหลือเกินที่ผมได้เกรด 4 ผมจะเรียนต่อที่นี่ไปจนตายเลย ช่วยผมทุกเทอมนะ เกรด 4 สอบ Ent' ติดพูดตรง ๆ ผมจะถีบคุณออกไปไกล ๆ เลย อะไรกันผมสอนให้คุณเดิน แต่คุณจะเกาะขาผมไปจนคุณตายหรือ แต่ถ้าคุณบอกว่ายังไม่มั่นใจตัวเองหรือวิธีการศึกษา หรือ อยากที่จะรู้อะไรที่มั่นไม่ใช่การเรียนเพื่อไปสอบ Ok. ผมสอนคุณต่อได้ เช่นกันถ้าคุณบอกว่าผมอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ ผมอยากให้มันรู้เรื่อง Ok. อย่างนี้ผมก็สอนคุณ แต่ผมก็จะบอกคุณว่า เอาล่ะนะ ปล่อยวางเรื่องเกรดอะไรของคุณทิ้งไป คุณรู้ตัวเองและมีความพยายามที่จะเข้าใจ ถือว่าคุณมีความเยี่ยมยอดในระดับหนึ่ง(รู้จักตัวเอง) แล้ว ผมจะค่อย ๆ สอนคุณ ถ้าคุณเข้าใจจริง ๆ ๆ ๆ แน่นอนเกรด 4 มันย่อมลอยมาเอง สถาบันกวดวิชาที่ไหนที่คุณคิดว่ายอดเยี่ยม คุณก็เรียนต่อไปเถอะครับ. ไม่มีใครบังคับคุณได้หรอก จริง ๆ แล้วผมเชื่อนะว่าคนเราที่พานพบกันนั้น ล้วนแล้วแต่มีวาสนาต่อกัน ผมก็เตือนคุณด้วยความหวังดีล่ะกันนะครับว่า ถ้าคุณยังไม่สามารถเดินด้วยตนเอง คุณจะไปข้างหน้ารอดไหม คุณรู้ไหมว่าเด็กรุ่นหลัง ๆ หลาย ๆ คนหรือว่าพวกที่เรียนราม (เออ. ผมไม่ได้ว่าพวกที่เรียนราม เป็นพวกโง่หรืออะไรนะครับ.) ไปเรียนกวดวิชากัน อะไรกัน ระดับมหาวิทยาลัยคุณยังต้องมากวดวิชาอีกน่ะหรือ ติดเชื้อมาตั้งแต่มัธยมหรือ พูดตรง ๆ ถ้าไม่มีปัญญาในการศึกษาความรู้ด้วยตนเองล่ะก็ อย่าเรียนเถอะครับ เสียเวลาเปล่า เปลืองเงินบุพการี หรือ ผู้ส่งเสีย จบไปก็เป็นคนที่ไม่มีคุณภาพ สุดท้ายคนอย่างพวกนั้นก็อาจจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้สังคมในวันข้างหน้าได้ ด้วยความหวังดีจริง ๆ นะครับ. คุณจะรับฟังหรือไม่ก็เรื่องของคุณ
__________________
The Lost Emic <<-- หนังสือเฉลยข้อสอบระดับประถมนานาชาติ EMIC ครั้งที่ 1 - ครั้งที่ 8 ชุดสุดท้าย หลงมา 
29 มิถุนายน 2002 23:09 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gon
|
|
#6
30 มิถุนายน 2002, 15:39
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ลองไล่ไปทีละกรณีดูครับ เดี๋ยวก็ออก
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. 30 มิถุนายน 2002 15:54 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ TOP
|
|
#7
04 พฤษภาคม 2010, 21:05
|
||||
|
||||
|
โดนใจจริงๆ ครับพี่กร
__________________
|
| |
|
|
