|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
ท่านมีความคิดเห็นอย่่างไรเกี่ยวกับระบบการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
กติกาคือ ห้ามด่า ห้ามใช้คำผรุสวาท แต่ถ้าอัดอั้นมาก จะเหน็บ จะเสียดสี ประชดประชันเพื่อให้เกิดสีสรร ไม่ว่ากันครับ
และถ้าวิจารณ์ เสนอความคิดเห็นและสิ่งที่ควรจะเป็นได้ด้วยละก็ สุโค้ย ครับ |
#2
|
||||
|
||||
o-net มีสอบวิชาคณิตศาสตร์หรือเปล่าครับ มันสอบอะไรบ้าง ที่เห็นในทีวี คล้ายจะเป็นวิชาสังคม การงานพื้นฐานอาชีพ ภาษาไทย (การอ่าน) อะไรทำนองนั้น ใครรู้ช่วยตอบทีครับ
เพิ่มเติมครับ ถ้าข้อสอบ 0-net มีแต่ข้อสอบตามแนวที่ออกทีวี ถือว่าการออกข้อสอบคัดคนเข้ามหาวิทยาลัยค่อนข้างไร้สาระมาก ๆ ๆ ๆ เลยครับ แต่ถ้ามีหลายนวิชาผมมองว่าปกติครับ ตอนผมสอบเอ็นทรานซ์ยังมีคนเอนติดวิศวะเพราะวิชาภาษาไทยและสังคม กับวิชาภาษาอังกฤษ เลย 11 มีนาคม 2010 23:15 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ เอกสิทธิ์ |
#3
|
|||
|
|||
ผมจะไม่เน้น ประเด็นที่ถกเถียงตามรายการโทรทัศน์แล้วกันครับ เพราะพูดกันไปเยอะแล้ว
ขอเน้น 1-2 อย่างเกี่ยวกับข้อสอบบาง paper ที่ผมเห็นแล้วขัดใจมากคือ.... 1. ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องมีการสอบ GAT เชื่อมโยง ซึ่งผลที่ตามมา คือ ผมเห็นเด็กแห่ไปเรียนพิเศษ GAT เชื่อมโยงมากขึ้น แล้วมันจะแก้ปัญหาเด็กไปเรียนนอกระบบได้อย่างไร 2. หลังจากที่ผมเห็นข้อสอบ pack 5 : สุขศึกษา พลศึกษา การงาน ศิลปะ ดนตรี แล้วผมมี 2 ความรู้สึก คือ ใครมันจะไปทำทัน กับ ใครมันจะไปรู้หมดทุกอย่างที่เขาถาม (กล้ามเนื้อสีแดง สีขาวคืออะไร ผมก็เพิ่งเคยเห็นในข้อสอบครั้งนี้แหละ) คำถามบางอย่าง น่าจะเก็บไว้ให้พวก สอบเอกดนตรี เอกศิลปะ จะเหมาะกว่า แต่ถ้า สทศ. บอกว่า เป็นไปตามหลักสูตร ถ้าจะโทษ ต้องไปโทษคนเขียนหลักสูตร ผมก็จะถามต่อไปว่า - หลักสูตรต้องการจากเด็ก ม.ปลาย มากเกินไปมั้ย (ผมจำได้ว่า รุ่นผมศิลปะ ดนตรี พอถึง ม.ปลาย มันก็เป็นเหมือนวิชาเลือกเสรี ออกมาในรูปแบบชมรม ชุมนุมมากกว่า และอีกประเด็น คือรุ่นผมไม่มีสอบ ดาราศาสตร์ แต่รุ่นนี้มี) - เด็กที่จะเอนทรานซ์สายวิทย์ จำเป็นต้องรู้ ศิลปะ ดนตรี ในระดับที่เข้มข้นขนาดนี้เลยหรือ และสิ่งที่ตามมา จากการที่จำนวนวิชามากขึ้น ก็คืองานจะมากขึ้น สอบกลางภาค-ปลายภาคมีน้ำหนักคะแนนลดลง เกรดเฟ้อขึ้น เวลาอ่านหนังสือวิชาอื่นน้อยลง (มันดีแล้วหรือ....) - เราบังคับให้โรงเรียนทั่วประเทศ เรียนกีฬาแบบเดียวกันไม่ได้ มันขึ้นกับโรงเรียน ขึ้นกับท้องถิ่น ขึ้นกับจำนวนคนสอน เพราะฉะนั้น จะมาเลือกออกข้อสอบแต่กีฬาตามใจคนตั้งโจทย์ เหมือนใน onet ครั้งนี้ ก็ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ ผมว่า อะไร ลดได้ ตัดได้ ขยับได้ ทั้งในหลักสูตร และในข้อสอบ ก็ทำกันบ้างเถอะครับ ไม่งั้นยิ่งแก้หลักสูตร อาจจะยิ่งแย่ขึ้น p.s. ไม่แน่ใจว่า ผมทำผิดเจตนาคนตั้งกระทู้นี้หรือเปล่า เพราะคำว่า ด่า กับแสดงความเห็น ดูเหมือนจะแค่มีเส้นบางๆคั่นอยู่เท่านั้น
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว 12 มีนาคม 2010 07:19 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ passer-by |
#4
|
||||
|
||||
#3 ไม่ได้ผิดเจตนาเลยครับ และคำด่าก็ไม่มี แถมยังได้เนื้อหาสาระซะอีก
ที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะในส่วนตัวผมคิดว่าระบบการศึกษาของไทยยิ่งแก้ยิ่งยุ่งและมีปัญหามาก ผมจึงอยากสะท้อนความคิดเห็นต่างพร้อมเหตุผลเพื่อให้นักการศึกษาหรือใครที่มีส่วนผลักดันทางด้านการศึกษาไทยได้รับรู้และมีสติที่จะเปลี่ ยนแปลงและแก้ไข ผมเห็นปัญหาตั้งแต่พยายามใช้แนวคิดการสอนแบบบูรณการเข้ามาอยู่ในหลักสูตร ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีตามความเห็นผมแต่ปัญหาก็คือขาดบุคคลากรที่มีความรู้ และยังทำให้ความห่างทางด้านการศึกษายิ่งห่างไปอีกโดยเฉพาะโรงเรียนในต่างจังหวัด ผมขอแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องๆ เพื่อให้ง่ายในการเห็นปัญหา และอาจไม่ได้แสดงความเห็นทั้งหมดในวันเดียว ทั้งนี้เพื่อให้ท่านอื่นร่วมแสดงความเห็นด้วย 1. หนังสือยืมเรียน เจตนาดีเพื่อที่จะลดภาระให้กับคนยากจนที่ไม่มีกำลังทรัพย์ แต่ไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าระบบการศึกษาจะมีการวัดผลเป็นช่วงชั้น และการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องใช้ความรู้ทั้งช่วงชั้นในการสอบ เพราะหนังสือยืมเรียนพอขึ้นชั้นใหม่ต้องคืนเพื่อให้รุ่นต่อไปได้เรียน ผมก็ยังสงสัยว่าพอถึง ม.6 แล้วจะเอาหนังสือ ม.4-5 ที่ไหนมาทบทวน ทำไมไม่ให้ยืมเรียนเป็นช่วงชั้น คือให้ยืมเรียนเป็นช่วงชั้นคือ 3 ปีไปเลย เด็กจบ ป.6 ม.3 หรือ ม.6 จะได้ไม่มีปัญหา อีกอย่างการบันทึกหรือการจดย่อก็ถูกห้ามอีกในบางโรงเรียน ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกของการเรียนหนังสือ ผมก็เลยไม่เข้าใจว่าคนคิดใช้อะไรคิด หรือเค้าไม่มีลูกหลานที่จะต้องไปสอบเข้าที่อื่นหรือมีก็ใช้สิทธิพิเศษเข้าได้เลยมั้ง จึงไม่ได้คำนึงถึงข้อนี้ 2. จำเป็นด้วยหรือที่ต้องเรียน ม.6 การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั้นมีการคัดเลือกได้หลายทางหลายรูปแบบ ตั้งแต่รับตรง โควต้า แอดมิชชั่นกลาง ในกรณีรับตรงหรือโควต้าที่แต่ละมหาวิทยาลัยรับกันเอง จะเปิดให้สมัครช่วงเดือน กค.-สค. และประกาศผลประมาณเดือน พ.ย. เด็กจะต้องวิ่งรอกไปสมัครแต่ละมหาวิยาลัย และสอบแต่ละที่ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งเปลืองโดยสิ้นเชิง อีกอย่างก็ใ้ห้มีการสอบ แกะ-แพะ (GAT_PAT) ปีละ 3 ครั้ง ซึ่งเมื่อก่อนให้สอบตั้งแต่ ม.5 พึ่งมาคิดได้ว่าคงเดินผิดทางก็เลยเปลี่ยนใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษาหน้าให้สอบเฉพาะ ม.6 ลองคิดดูว่า ถ้าให้เด็ก ม.5 สอบได้ เด็กจะเอาความรู้ ม.6 จากที่ไหน สรุปก็คือผู้มีอันจะกินก็ไปเรียนพิเศษ ผมถึงบอกว่ายิ่งแก้ปัญหาการศึกษาโดยที่เคยบอกว่าเป็าหมายหนึ่งของการแก้ระบบการศึกษาก็คือจะทำให้พวกโรงเรียนกวดวิชาทั้งหลายหมดไป แต่ยิ่งทำยิ่งขยายสาขา และการให้มีการสอบหลายครั้งก็เป็นอีกเรื่องในระบบการแข่งขันที่ผมเห็นว่าไม่เกิดความเป็นธรรม เพราะเท่าที่เห็นมาตัวข้อสอบของแต่ละครั้งมีข้อผิดพลาดมาก อย่างเช่นถ้าจำไม่ผิดของการสอบเมื่อปีที่แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งในการ สอบ แพะ 4 กับแพะ 5 ให้คะแนนฟรีไปตั้ง 30 คะแนน มันจะวัดกันได้อย่างไร และยังไม่นับที่มีการออกข้อสอบผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งก็มีการวิจารณ์ในกระทู้ของ math center ก็มี นี่ยังไม่นับรวมระดับของความยากในการสอบแต่ละครั้ง ถ้าคนที่เคยสอบ แพะ-1 ครั้งแรกสุดจะรู้ว่าข้อสอบง่ายกว่าครั้งหลังๆมาก การจัดสอบลักษณะนี้ควรเป็นข้อสอบที่ได้มาตรฐานเหมือน ข้อสอบ toefl และคะแนนที่ได้ก็เป็นส่วนประกอบเท่านั้นไม่ใช่ชี้เป็นชี้ตาย กลับมาเข้าเรื่องที่ให้ตรงกับหัวข้อดีกว่า จะเห็นว่าเด็ก ม.5 หรือ ม.6 ทีสอบครั้งแรกคือเดือน กค. ต้องไปเรียนพิเศษเพื่อให้มีความรู้ ม.6 ยิ่งถ้าได้คะแนน แกะ-แพะ สูงด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงการเรียนที่โรงเรียนเลย และถ้ายื่นรับตรงผลออกมาว่าติด ก็จบกันไม่รู้จะเรียน ม.6 ไปทำไมเพราะหลายโรงเรียนก็สอนน่าเบื่อยู่แล้วไม่เชื่อก็ไปถามเด็กที่เรียนพิเศษดูครับ ขอพอแค่นี้ก่อน มีเวลาเดี๋ยวจะมาต่อให้ครับ |
#5
|
||||
|
||||
นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ความศรัทธาในระบบการศึกษาไทยหมดไป
__________________
เวลาที่เหลืออยู่มีวิธีการใช้สองแบบ คือ ทางที่เรียบง่ายไม่มีอะไร กับอีกทาง ที่ทุกอย่างล้วนมหัศจรรย์ |
#6
|
||||
|
||||
ปัญหาด้านการศึกษามันมีหลายตัวแปรเยอะจัดครับ ถ้าจำไม่ผิด ผมกับ Top เคยถกกันเรื่องนี้เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นกำลังไฟแรงครับ ได้ข้อสรุปว่าไม่สามารถแก้ได้ อีกเรื่องก็คือ ไม่ต้องคาดหวังว่า ผู้ใหญ่ที่เราเห็นหรือรู้จักตอนนี้จะสามารถแก้อะไรได้ ถ้าคิดจะแก้หรืออยากจะทำอะไร ต้องลงมือทำด้วยตัวเองเท่านั้นครับ สิ่งที่เรารู้หรือเข้าใจง่าย ๆ ว่าเรื่องใดควรไม่ควร คนที่มีอำนาจในเรื่องนี้กลับทำให้มันอิรุงตุงนังขึ้นไปอีก
ผมเห็นเรื่องแบบนี้จนชาชิน จึงไม่เขียนแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ที่ไหนอีก ไว้ถึงเวลาถ้าเรามีอำนาจเข้าไปจัดการตรงนั้นได้(สมมติ) เราก็จัดการโละเลยครับ การแสดงหรือระดมความคิดเห็นเป็นเรื่องที่ดี แต่ความคิดเห็นที่ดีต้องมีผู้นำไปปฏิบัติ ถ้าเรานั่งคิดเขียนพิมพ์ แล้วก็จบ ไม่มีคนทำ ความเปลี่ยนแปลงในสังคมก็จะไม่เป็นไปตามที่เราอยากให้เป็นครับ ซึ่งมันก็วนลูปไปเรื่อย ๆ จากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง ในทางปฏิบัติจริงก็อย่างเช่น บางคนอาจจะตั้งเป้าไว้ว่า ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการศึกษาในบ้านเรา แล้วมุ่งตรงไปทางนั้น เป็นต้นครับ. |
#7
|
|||
|
|||
ให้ $f(t)=$ มาตรฐานการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ณ เวลา $t$
Theorem : $\displaystyle{\lim_{t\to\infty}f(t)=0}$ Proof : .................
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#8
|
||||
|
||||
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ gon ครับ แต่ผมถือคติที่ว่าถ้าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แล้วแม้จะไม่สำเร็จก็ทำครับ
สำหรับท่าน nooonuii การที่จะพิสูจน์ทฤษฎีบทของ ท่าน nooonuii คงต้องรู้จัก lemma นี้ก่อนครับ $\displaystyle{\lim_{t\to x}f(x)=0} ,\forall x$ |
#9
|
|||
|
|||
จากการที่อ่านกระทู้เกี่ยวกับ Pat2 (รอบ4 ที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่ได้สอบ) + การฟังเพื่อนๆเล่า
รู้สึกข้อสอบเคมี จะออกถึง Organic Chem. กันเลยทีเดียว(ซึ่งบางบอร์ด บอกว่า คนออกข้อสอบ คือ อ.สอนคณะวิทยาศาสตร์ เคมี ของจุฬา) และข้อสอบ ปลายภาค ของปี 1 ก้เหมือนกับ Pat2 เป้ะ ๆ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่า ต่อไป การกวดเด็กไทยจะกวดวิชากันล่วงหน้าไปถึงมหาลัยกันเลย จะเป็นอย่างไรบ้าง 13 มีนาคม 2010 13:01 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ KizPer |
#10
|
|||
|
|||
จริงๆถ้าอันนี้เป็นจริงล่ะก็... $f(x)=0 \forall x$ แล้วล่ะครับ
|
#11
|
||||
|
||||
เท่าที่ดูข้อสอบ onet
ปีนี้ผมว่ามันตอบได้หลายคำตอบมากเลยนะครับเนี่ย ข้อสอบแนววิเคราะห์มันแนวนี้เหรอครับ? มันวัดเด็กได้จริงๆเหรอครับ ในความคิดของผม ENtrance ดีสุดครับ
__________________
สัมหรับคณิตศาสตร์ ผมไม่มีแม้ซึ่งพรสวรรค์ไม่มีแม้โอกาสด้วยอยุ่ต่างจังหวัด จะมีก็แต่ความรักที่ทุ่มเท.... |
#12
|
||||
|
||||
ระบบเก่าอะครับ ที่ไม่ต้องมี GAT PAT Onet อะไรเนี่ย
ผมอยากจะบอกอย่างนึงว่า " การศึกษามันผิดมาตั้งแต่ต้นแล้ว "
__________________
Fortune Lady
|
#13
|
||||
|
||||
รบกวนใครก็ได้ครับ ช่วย plot กราฟ ของฟังก์ชัน ที่คุณ nooonuii เขียนไว้ที่ครับ ^^
ผมว่าการศึกษามันมีหลายตัวแปรนะครับ ทั้ง สภาพสังคม เศรษฐกิจ และค่านิยมนะ เรื่องที่จะแก้ไขต้องแก้ตั้งแต่พื้นฐานชีวิตครับ ไม่ใช่ไปแค่ที่ ระบบ และ โรงเรียน
__________________
เหนือฟ้ายังมีฟ้าแต่เหนือข้าต้องไม่มีใคร ปีกขี้ผื้งของปลอมงั้นสินะ ...โลกนี้โหดร้ายจริงๆ มันให้ความสุขกับเรา แล้วสุดท้าย มันก็เอาคืนไป... |
#14
|
|||
|
|||
ผมไม่รู้ว่าวิชาอื่นเขามีปัญหาอะไรบ้าง
ขอพูดถึงเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ก็แล้วกัน มีปัญหาหนึ่งที่ผมคิดว่าควรแก้กันได้แล้วเพราะเรื้อรังมานานหลายปี นั่นคือข้อผิดพลาดของข้อสอบ ผมว่าแก้ได้ไม่ยากเลย แค่เพิ่มความระมัดระวัง และตรวจทานให้รอบคอบก่อนเอาข้อสอบไปพิมพ์แค่นั้นเอง ถ้าจะให้รอบคอบมากขึ้น ทีมออกข้อสอบจะต้องมีอย่างน้อยสองคน คนนึงออกข้อสอบ อีกคนจะเป็นคนเช็คความถูกต้องของข้อสอบ โดยการเอาข้อสอบมานั่งทำด้วยตัวเอง จะได้เห็นข้อผิดพลาดชัดเจนขึ้น ผมว่าใช้เวลาตรวจทานตรงส่วนนี้แค่วันเดียวก็เสร็จ แต่กระบวนการตรงส่วนนี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนั้นเลยเหรอถึงแก้กันไม่ได้ เสียงบ่นจากข้อผิดพลาดนี้มีทุกปี เสียงเหล่านี้ไม่สะท้อนเข้าหูผู้ที่เกี่ยวข้องเลยเหรอ หรือคิดกันแค่ว่าข้อสอบผิดก็แจกคะแนนให้เด็กฟรีๆแล้วก็จบกันไป แต่คุณจะรู้กันไหมหนอว่าข้อสอบผิดๆเหล่านี้มันวัดอะไรไม่ได้เลย แถมยังทำให้การวัดผลโดยรวมผิดพลาดด้วย เพราะเด็กต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ กับข้อสอบผิดๆเหล่านี้ ป.ล. กราฟของ $f(t)$ น่าจะวาดได้ไม่ยากครับ แต่ผมคงไม่กล้านำมาเสนอ เพราะเห็นแล้วมันสะเทือนใจ
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#15
|
||||
|
||||
ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นต่อ ขออนุญาตให้รู้ถึงความหมายของคำต่างๆ ที่มีในเว็บหรือกระทู้อื่นได้แสดงไว้เพื่อให้สะท้อนบางสิ่งบางอย่างครับ
entrance & admission http://writer.dek-d.com/yod_tong/sto....php?id=423166 http://entrance1.blogspot.com/2008/03/admission.html http://www.dek-d.com/board/view.php?id=830322 ความหมายของ สทศ. http://dek-d.com/board/view.php?id=1605203 ส่วนกราฟ f(t) ของท่าน nooonuii ที่บอกว่าวาดได้ไม่ยาก ก็คงจริงครับ แต่ผมดูทีไรไม่เห็นสะเทือนเลยนิครับ เพราะมันก็คือ แกน x ดีๆนี่เอง ขอต่อเลยนะครับ 3. O-NET(โอ้ ลา ล้า การศึกษาของไทย) มีไว้ทำอะไรเมื่ออ่านความคิดเห็นต่อไปนี้แล้วอาจจะรู้ว่ามีไว้ทำอะไรก็ได้นะครับ ทั้งคุณ nooonuii และคุณ passer-by ได้แสดงความคิดเห็นถึงคุณภาพของข้อสอบไว้แล้วว่ามันแย่อย่างไร ผมคงไม่ต้องไปพูดอีก แต่ขอพูดนิดเดียวครับในกรณี o-net เลขปีนี้ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ดูทั้งหมดผมดูแค่ข้อเดียว ก็บอกได้เลยเซ็งมากๆๆๆๆๆๆ พาลไม่ดูต่อเพราะไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรอีก ที่เป็นข้อ $(-1)^{0.2} ,(-1)^{0.4},(-1)^{0.8},(-1)^0$ แล้วถามว่าค่าใดที่มีค่าแตกต่าง อยากจะบอกว่าใครเป็นคนออกข้อนี้ออกได้อย่างไร ที่ผ่านมาข้อสอบถ้าผิดพลาดคือโจทย์ทำแล้วไม่มีคำตอบในตัวเลือก แต่ข้อนี้ไม่ใช่มันผิดหลักคิดแบบรับไม่ได้จริงๆ ผมได้วิจารณ์ข้อนี้ในกระทู้หนึ่งแล้ว ผมเคยเห็นงานวิจัยของ สทศ. วิเคราะห์ตัวข้อสอบแต่ละข้อว่ามีคนทำได้ทั้งหมดกี่คนซึ่งโดยปกติของการออกข้อสอบผู้ออกข้อสอบที่ดีต้องบอกได้ว่าข้อนี้ออกเพื่อต้องการว ัดอะไรหรือต้องการทดสอบว่าเด็กเข้าใจเรื่องอะไร ดังนั้นงานวิจัยนี้น่าจะช่วยได้มากว่าเด็กยังไม่เข้าใจตรงไหน แต่ทุกปีก็มีงานวิจัยออกมาแต่ไม่เห็นว่ามีอะไรดีขึ้นแถมยังออกมาแก้ตัวแบบ...ถ้าใครได้ดูรายการวู๊ดดี้ ก็จะเห็นได้ จริงๆเรื่องนี้ไม่ใช่บอกว่าแค่มีหลักสูตรแล้ว เป็นหน้าที่ของครูผู้สอนต้องสอนให้ตรงหลักสูตร ผมว่าพูดง่ายไป ผมว่าน่าจะลองให้ครูที่สอนสอบข้อสอบชุดเดียวกันกับเด็กดูซิ ดูว่าครูจะเข้าใจหลักสูตรและเนื้อหาสาระของหลักสูตรมั้ย และที่ตลกไปกว่านั้นอ้่างว่าจะนำข้อมูลนี้ไปปรับปรุงโรงเรียนที่เด็กนักเรียนทำคะแนนโอเน็ตได้น้อย ซึ่งข้อมูลที่ได้รับสำหรับชั้น ม.ต้น นั้นบางโรงเรียนครูไม่ได้คุมเด็ก ปล่อยให้เด็กลอกกันก็มี หรือบางทีช่วยใบ้ให้ก็มี แล้วจะวัดไปทำไม ถ้ามาถึงตรงนี้ผมก็คงเข้าใจว่า โอเน็ตมีไว้ทำให้มันวุ่นไง หรือไม่ก็มีไว้ให้ทำใจ หรือแล้วแต่จะคิดก็ได้ครับ และเป็นเรื่องที่ตลกมากทาง สทศ.ออกสรุปสัมนาเชิงวิชาการรูปแบบข้อสอบ โอเน็ต ตามลิงค์ที่ให้ไว้ข้างล่าง ลองดูก็แล้วกัน ผมยังงอยู่ว่าเค้าไม่ได้ยินเสียงสะท้อนเลยหรือ ถึงได้สรุปออกมาเป็นอย่างนี้ มิน่าละ ถึงได้มีคำย่อของ สทศ. ตามที่ได้มีคนให้ไว้ http://img359.imageshack.us/img359/1697/123.pdf |
|
|