Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์มัธยมศึกษา > ปัญหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #1  
Old 30 มิถุนายน 2012, 22:49
godzilla godzilla ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 มิถุนายน 2012
ข้อความ: 6
godzilla is on a distinguished road
Default

1. กำหนดให้ A,B,C,D เป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์ U
ให้ A\subset (B\cup C) และ B\subset (A-D) จงแสดงว่า [(A\cup C)\cap D]\subset C (แสดงวิธีทำโดยไม่ใช้แผนภาพเวนน์ออยเลอร์)


2. กำหนดให้ A,B,C,D,E เป็นเซตใดๆ ซึ่ง D={E\left|\,\right. A\subset E\subset B} และ n(D)=32
ถ้า A\subset B\not\subset C ; n[P(B-A)\cap C]=4 ; n(A)=n(C) และ n(A\cup B\cup C)=10 แล้ว จงหาผลรวมของ n(A-C) ที่เป็นไปได้ทั้งหมด

3.n(U)=2555 ,n(A)=2x,n(B)=3x,n(C)=4x, n(A\cap B)=y ,n(A\cap C)=y , n(B\cap C)=2y , n(A\cap B\cap C)=x , n((A\cup B\cup C)')=2415 จงหาค่า y ที่มากที่สุดที่เป็นไปได้

ด่วนนมากคับขอภายในวันอาทิตย์ที่ 1/7 คือพรุ่งนี้อะคับ ขอบคุณมากๆคับ

ช่วยหน่อยคับข้อ 8-9-10 ด่วนมากคับขอภายในวันพรุ่งนี้คับ (1/7/55)


http://pic.free.in.th/id/b07d7db2f5f...fbbb7bee76377c
http://pic.free.in.th/id/c433b6ff842...29e1ad0247c9aa

ขอวิธีทำด้วยนะคับของคุณมากคับ

02 กรกฎาคม 2012 02:35 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gon
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #2  
Old 30 มิถุนายน 2012, 23:33
poper's Avatar
poper poper ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2010
ข้อความ: 2,643
poper is on a distinguished road
Send a message via MSN to poper
Default

ข้อ7. $[(A\cup B)-C]\cap[(A\cup C)-B]\cap[(B\cup C)-A]=\phi$
1) $A-B=A\cap B'$
2) $(A\cap B)\cap C=A\cap(B\cap C)$
3) $(A\cup B)\cap C=(A\cap C)\cup(B\cap C)$
4) $A\cap A'=\phi$
$$1)\ \ \ [(A\cup B)-C]\cap[(A\cup C)-B]\cap[(B\cup C)-A]=[(A\cup B)\cap C']\cap[(A\cup C)\cap B']\cap[(B\cup C)\cap A']$$ $$2)\ \ \ =[(A\cup B)\cap A']\cap[(A\cup C)\cap C']\cap[(B\cup C)\cap B']$$ $$3),4)\ \ \ =(B\cap A')\cap(A\cap C')\cap(C\cap B')$$ $$2),4)\ \ \ \ =(A\cap A')\cap(B\cap B')\cap(C\cap C')=\phi$$

ลืมดูว่าขอข้อ 8-9-10
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล
คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม
คณิตศาสตร์ คือ ความจริง
ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM

30 มิถุนายน 2012 23:38 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ poper
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #3  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 00:04
poper's Avatar
poper poper ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2010
ข้อความ: 2,643
poper is on a distinguished road
Send a message via MSN to poper
Default

ข้อ8. $A\subset (B\cup C)$ และ $B\subset (A-D)$ จงแสดงว่า $[(A\cup C)\cap D]\subset C$

จาก $B\subset(A-D)$ แสดงว่า $B\subset A$---(1)
จาก $A\subset(B\cup C)$ จะได้ว่า $A\subset B$ หรือ $A\subset C$
แต่จาก (1) $A\subset B$ ไม่ได้ ดังนั้น $A\subset C$---(2)
จาก (1) และ (2) $B\subset A\subset C$
ดังนั้น $[(A\cup C)\cap D]=(C\cap D)\subset C$
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล
คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม
คณิตศาสตร์ คือ ความจริง
ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #4  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 01:45
godzilla godzilla ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 มิถุนายน 2012
ข้อความ: 6
godzilla is on a distinguished road
Default

ขอบคุณคุณpoper มากๆคับ แต่ผมสงสัยตรงที่บอกว่า
จาก A⊂(B⋃C) จะได้ว่า A⊂B หรือ A⊂C อะคับ ถ้าสมมติ B ={1,2} , C={3,4} แล้ว A={1,2,3} อ่ามันก็ไม่จิงรึเปล่าอะคับ คือผมไม่ค่อยรู้อะคับหรือว่าผมเข้าใจผิดอะคับ ถ้าผมมั่วขอโทษด้วยนะคับ ขอบคุณคับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #5  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 07:11
powerboom powerboom ไม่อยู่ในระบบ
เริ่มฝึกวรยุทธ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 05 พฤษภาคม 2012
ข้อความ: 28
powerboom is on a distinguished road
Default

9.25
10.105

มั่วนะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #6  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 08:23
poper's Avatar
poper poper ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2010
ข้อความ: 2,643
poper is on a distinguished road
Send a message via MSN to poper
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ godzilla View Post
ขอบคุณคุณpoper มากๆคับ แต่ผมสงสัยตรงที่บอกว่า
จาก A⊂(B⋃C) จะได้ว่า A⊂B หรือ A⊂C อะคับ ถ้าสมมติ B ={1,2} , C={3,4} แล้ว A={1,2,3} อ่ามันก็ไม่จิงรึเปล่าอะคับ คือผมไม่ค่อยรู้อะคับหรือว่าผมเข้าใจผิดอะคับ ถ้าผมมั่วขอโทษด้วยนะคับ ขอบคุณคับ
สงสัยผมคงจะคิดผิดซะแล้วล่ะ
เดี๋ยวลองคิดใหม่ดู ขอโทษด้วยครับ
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล
คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม
คณิตศาสตร์ คือ ความจริง
ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #7  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 10:44
polsk133's Avatar
polsk133 polsk133 ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 สิงหาคม 2011
ข้อความ: 1,873
polsk133 is on a distinguished road
Default

ว้าวนี่มันsum
9.5
10.40
__________________
เพจรวมโจทย์คอมบินาทอริกที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/combilegends
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #8  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 10:57
polsk133's Avatar
polsk133 polsk133 ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 สิงหาคม 2011
ข้อความ: 1,873
polsk133 is on a distinguished road
Default

2.5
3.40
ครับ วิธีทำมันต้องวาดรูป ลำบากหน่อย- -"
__________________
เพจรวมโจทย์คอมบินาทอริกที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/combilegends
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #9  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 11:56
godzilla godzilla ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 มิถุนายน 2012
ข้อความ: 6
godzilla is on a distinguished road
Default

คุณ polsk133 คับ รบกวนขอวิธีทำข้อ 9 หน่อยได้มั้ยคับ ขอบคุณมากๆ คับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #10  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 13:46
polsk133's Avatar
polsk133 polsk133 ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 สิงหาคม 2011
ข้อความ: 1,873
polsk133 is on a distinguished road
Default

จากn(D)=32 แสดงว่า ถ้าn(A)=x แล้ว n(B)=x+5

ให้ $n(A\cap C)=k$ และจากโจทย์จะได้ $n((B-A)\cap C)=2$,n(C)=x

วิธีวาดรูปก็วาด A อยู่ใน B แล้ววาด Cมาตัดทั้งคู่

แล้วจากโจทย์ก็กระจาย. AuBuC ออกมาครับ แล้วจะได้สมการนึงออกมา พิจารณาอีกหน่อยนึงก็จะได้
__________________
เพจรวมโจทย์คอมบินาทอริกที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/combilegends
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #11  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 14:06
godzilla godzilla ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 มิถุนายน 2012
ข้อความ: 6
godzilla is on a distinguished road
Default

ขอโทษนะคับ ไม่ค่อยเข้าใจตรง n((B−A)⋂C)=2 อะคับ คืองงว่า n(P(B−A)⋂C)=4 มันเอามาทำไรต่ออะคับ ช่วยหน่อยนะคับขอบคุณมากคับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #12  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 14:37
nooonuii nooonuii ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤษภาคม 2001
ข้อความ: 6,408
nooonuii is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ godzilla View Post
$n(P(B-A)\cap C)=4$
มันเป็นอย่างที่เห็นหรือเป็นแบบนี้ครับ

$n(P[(B−A)\cap C])=4$
__________________
site:mathcenter.net คำค้น

01 กรกฎาคม 2012 14:38 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nooonuii
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #13  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 14:41
polsk133's Avatar
polsk133 polsk133 ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 14 สิงหาคม 2011
ข้อความ: 1,873
polsk133 is on a distinguished road
Default

ของเพื่อนผมแก้โจทย์เป็นแบบ#11อะครับ
__________________
เพจรวมโจทย์คอมบินาทอริกที่น่าสนใจ
https://www.facebook.com/combilegends
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #14  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 17:58
godzilla godzilla ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 มิถุนายน 2012
ข้อความ: 6
godzilla is on a distinguished road
Default

ขอบคุณมากคับ แต่ถามอีกนิดนึงว่าข้อ 10 อะคับ ผมคิดได้ 40 แต่ว่ามันยาวเหยียดมากเลยคับ เกินหน้าอะคับ ไม่รู้ว่ามีวิธีคิดสั้นๆหน่อยมั้ยคับ ขอบคุณคับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #15  
Old 01 กรกฎาคม 2012, 23:15
cardinopolynomial's Avatar
cardinopolynomial cardinopolynomial ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 มกราคม 2012
ข้อความ: 474
cardinopolynomial is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ godzilla View Post
ขอบคุณมากคับ แต่ถามอีกนิดนึงว่าข้อ 10 อะคับ ผมคิดได้ 40 แต่ว่ามันยาวเหยียดมากเลยคับ เกินหน้าอะคับ ไม่รู้ว่ามีวิธีคิดสั้นๆหน่อยมั้ยคับ ขอบคุณคับ
วาดเเผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ เเล้วจะได้ 5x-2y=70

จากการวาดเเผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ เเล้วสังเกตที่

A อย่างเดียว จะได้ 3x-2y ,

B อย่างเดียว จะได้ 4x-3y ,

C อย่างเดียว จะได้ 6x-3y เนื่องจาก จำนวนสมาชิกมีค่า $\geqslant 0$

$3x\geqslant 2y$,$4x\geqslant3y$,$6x\geqslant3y$

$x\geqslant \frac{2}{3}y$,$x\geqslant\frac{3}{4}y$,$x\geqslant\frac{1}{2}y$

$พบว่า x=\frac{2}{3}y ไม่เป็นจำนวนเต็ม $

$x=\frac{1}{2}y เกิดกรณีขัดเเย้ง$

$x=\frac{3}{4}y ได้ y=40$
__________________
"Végre nem butulok tovább" ("ในที่สุด ข้าพเจ้าก็ไม่เขลาลงอีกต่อไป")

01 กรกฎาคม 2012 23:16 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ cardinopolynomial
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply



กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 03:51


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha