Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์โอลิมปิก และอุดมศึกษา > ข้อสอบโอลิมปิก
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #16  
Old 10 ธันวาคม 2004, 21:03
sck's Avatar
sck sck ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 มกราคม 2003
ข้อความ: 256
sck is on a distinguished road
Send a message via MSN to sck
Post

มาต่อแล้วครับ หน้า 3 กว่าจะมีเวลาเปิด net เล่นเฉลยเสร็จแล้ว 13 ข้อ
งั้นก็ลุยเฉลยต่อกันเลยนะครับ
__________________
เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป เมื่อไหร่จะได้ลงมือทำ

10 ธันวาคม 2004 21:29 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ sck
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #17  
Old 10 ธันวาคม 2004, 21:07
sck's Avatar
sck sck ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 มกราคม 2003
ข้อความ: 256
sck is on a distinguished road
Send a message via MSN to sck
Post

หน้า 4 ครับ
__________________
เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป เมื่อไหร่จะได้ลงมือทำ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #18  
Old 10 ธันวาคม 2004, 21:08
sck's Avatar
sck sck ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 มกราคม 2003
ข้อความ: 256
sck is on a distinguished road
Send a message via MSN to sck
Post

หน้า 5 ต่อ
__________________
เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป เมื่อไหร่จะได้ลงมือทำ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #19  
Old 10 ธันวาคม 2004, 21:20
sck's Avatar
sck sck ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 มกราคม 2003
ข้อความ: 256
sck is on a distinguished road
Send a message via MSN to sck
Talking

หน้าสุดท้ายแล้วครับ ครบซะที
__________________
เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป เมื่อไหร่จะได้ลงมือทำ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #20  
Old 10 ธันวาคม 2004, 21:37
sck's Avatar
sck sck ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 มกราคม 2003
ข้อความ: 256
sck is on a distinguished road
Send a message via MSN to sck
Post

ข้อ 4 ใช้วิธี star and bar ก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องนั่งนับ
เป็น การแบ่งของเหมือนกัน 6 ชิ้น(ค่า 1) ให้คน 3 คนโดย
ต้องแบ่งให้หมดและบางคนอาจจะไม่ได้รับก็ได้
จะได้ star 6 bar 2
= C8,2 = 8!/2!6! = 28 แบบครับ
__________________
เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป เมื่อไหร่จะได้ลงมือทำ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #21  
Old 11 ธันวาคม 2004, 00:51
nooonuii nooonuii ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤษภาคม 2001
ข้อความ: 6,408
nooonuii is on a distinguished road
Post

ขอทำข้อง่ายก่อนนะครับ

ข้อ 19 จัดรูปสมการใหม่เป็น

(1/ab + 1/bc +1/ca) x - (a2+b2+c2)/abc = 2(ab+bc+ca)/abc

คูณทั้งสองข้างด้วย abc และย้ายข้างจะได้

(a+b+c) x = a2+b2+c2 + 2(ab+bc+ca) = (a+b+c)2

แต่ a+b+c0 เราจึงได้ x = a+b+c
__________________
site:mathcenter.net คำค้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #22  
Old 11 ธันวาคม 2004, 08:23
warut warut ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 พฤศจิกายน 2001
ข้อความ: 1,627
warut is on a distinguished road
Smile

ข้อ 30. ให้ x3 + 6x2 + 11x + a = (x - p)(x - q)(x - r) = 0
และ x3 + 7x2 + 14x + b = (x - p)(x - q)(x - s) = 0
จับ 2 สมการลบกันจะได้
x2 + 3x + b - a = (x - p)(x - q)(r - s) = 0
จะเห็นว่า r - s = 1 นั่นคือ (x - p)(x - q) = x2 + 3x + b - a
แสดงว่า x2 + 3x + b - a ต้องหาร x3 + 6x2 + 11x + a ได้ลงตัว
หารกันออกมาจริงๆได้เศษของการหารคือ (2 - b + a)x + a - 3(b - a)
ดังนั้น 2 - b +a = 0 และ a - 3(b - a) = 0
นั่นคือ a = 6 และ b = 8 หรือ ab = 48 นั่นเอง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #23  
Old 11 ธันวาคม 2004, 14:36
gools's Avatar
gools gools ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 26 เมษายน 2004
ข้อความ: 390
gools is on a distinguished road
Talking

มาแล้วครับ
ข้อ22.
จะเห็นว่า x3-3x-2=(x+1)(x2-x-2)
=(x+1)2(x-2)

และ x3-3x+2=(x-1)(x2+x-2)
=(x-1)2(x+2)
\(n2-1)n2-4=(n2-1)2(n2-4)
=(x+1)2(x-2)(x-1)2(x+2)
=(x3-3x-2)(x3-3x+2)
ให้ x3-3x-2=a และ x3-3x+2=b
จะได้ว่า (a+ab)/(b+ab)=2/5
[a(a+b)]/[b(b+a)]=2/5
a/b=2/5
a/b=4/5
5x3-15x-10=4x3-12x+8
x3-3x-18=0
x3-3x2+3x2-3x-18=0
x2(x-3)+3(x-3)(x+2)=0
(x2+3x+6)(x-3)=0
เนื่องจาก x2+3x+6 ไม่มีคำตอบที่เป็นระบบจำนวนจริง เพราะฉะนั้น x=3

ข้อ23
6x4-25x3+12x2+25x+6
=6(x4-2x2+1)-25x3+24x2+25x
=6(x2-1)2-25x(x2-1)+24x2
=[2(x2-1)-3x][3(x2-1)-8x]
=(2x+1)(x-2)(3x+1)(x-3)=0
ดังนั้นaและbคือ-1/2และ-1/3
a+b-ab=(-1/2)+(-1/3)-(-1/2)(-1/3) =-1

ข้อ17
จะได้ว่า ด้าน bc=52-42+82-42=3+43
ใช้สูตร รัศมีวงกลมที่ล้อมรอบสามเหลี่ยมเท่ากับ (abc)/(4พท.สามเหลี่ยมabc)
=[85(3+43)]/[4(1/2)(3+43)4]
=5นิ้ว

11 ธันวาคม 2004 14:56 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 3 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gools
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #24  
Old 12 ธันวาคม 2004, 20:46
Char Aznable Char Aznable ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 02 ธันวาคม 2004
ข้อความ: 66
Char Aznable is on a distinguished road
Post

ผมเพิ่งเข้าสอวนมานะครับ อยากถามข้อนี้หน่อยนะครับ
จงพิสูจน์ว่าจำนวนเฉพาะในรูป 8k+5 มีเป็นอนันต์
__________________
The Inequalitinophillic
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #25  
Old 13 ธันวาคม 2004, 00:52
<aaaa>
 
ข้อความ: n/a
Post

So easy. Suppose there are only finitely many such primes. Let n_1,...,n_r be all distinct primes greater than 1 and n_r be the maximum prime of the from 8k+5. It can be checked easily that N=(n_1...n_r)^2+1 is also a prime. Further, N=5 mod 8, a contradiction.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #26  
Old 13 ธันวาคม 2004, 01:00
nooonuii nooonuii ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤษภาคม 2001
ข้อความ: 6,408
nooonuii is on a distinguished road
Post

no. 18 is very easy if we use the Legendre formula. The solution is 24. Anyway, we can use elementary counting:

the number of zeros in this product depends on the number of 5 in the product because each 2 and 5 in the product produces one 0 but the number of 2 in the product is always more than the number of 5. So, it suffices to count the number of power of 5 in this product. Observe that there are 20 numbers in the sequence of number from 5 to 100 which is divisible by 5
so we have 20 5's, but 25, 50, 75, and 100 have another remaining 5 to count. Therefore, there are 24 5's in this product.
__________________
site:mathcenter.net คำค้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #27  
Old 13 ธันวาคม 2004, 12:37
gon's Avatar
gon gon ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎขั้นสูง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 29 มีนาคม 2001
ข้อความ: 4,608
gon is on a distinguished road
Smile

ขอบคุณ คุณ sck อีกครั้ง สำหรับข้อสอบและเรื่องปล่อยไก่

วิธีทำข้อ 30 คุณ warut เด็ดมากเลยครับ. ผมทำโดยใช้ประสบการณ์คือ นั่งมองก็รู้ว่า ต้องเป็น (x + 1)(x + 2)(x + 3) กับ (x + 1)(x + 2)(x + 4) แต่แบบนี้ถือว่าไม่มีเหตุผล

ข้อ 23 ของน้อง Gools ก็เจ๋งครับ. ไปแบบตรง ๆ ไม่ได้ใช้แนวคิดเรื่องสมมาตรเลย ว่าแต่รู้ได้อย่างไงต้องไปทางนั้น ?

งั้นผมต่อข้อ 14 :
เมื่อวาดรูปและแก้ระบบสมการ \((x - 8)^2 + (y - 1)^2 = 4^2 , x^2 + (y - 1)^2 = 48\)
จะได้ว่าจุดสัมผัสคือ \((x, y) = (6, \pm 2\sqrt{3} + 1)\)
ดังนั้น สมการเส้นสัมผัส คือ \(y = \pm \frac{\sqrt{3}}{3}x + 1\)

13 ธันวาคม 2004 12:38 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gon
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #28  
Old 13 ธันวาคม 2004, 18:00
gools's Avatar
gools gools ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 26 เมษายน 2004
ข้อความ: 390
gools is on a distinguished road
Post

คิดแบบไม่มีเหตุผลเหมือนกันครับ ทำไปเรื่อยๆแล้วมันก็แยกตัวประกอบได้เอง เย้!
วิธีแบบสมมาตรเป็นยังไงหรือครับ ช่วยสอนหน่อย

ข้อ 17 อีกวิธีหนึ่ง
จากโจทย์ ให้มุม ACB=q จะได้ว่า Sin q=1/2
\ q=30
สร้างวงกลมล้อมอบสามเหลี่ยม ให้จุดศูนย์กลางคือ O
ลากเส้นตรง AO และ BO จะได้ว่า AOB=60
\ ABO=BAO=60
จะได้ว่า สามเหลี่ยม AOB เป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า
\ AO=BO=รัศมีของวงกลม=5 หน่วย

13 ธันวาคม 2004 18:04 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gools
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #29  
Old 13 ธันวาคม 2004, 18:37
M@gpie's Avatar
M@gpie M@gpie ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 09 ตุลาคม 2003
ข้อความ: 1,227
M@gpie is on a distinguished road
Post

อืมมม ข้อ 23 มองได้เหนือจิงๆ แต่วิธีสมมาตรดังนี้ คับ
6x4 - 25x3 + 12x2 + 25x + 6 = 0
ดังนั้นหารตลอดด้วย x2
จะได้ 6x2 - 25x + 12 + 25/x + 6/x2 = 0
จัดรูปใหม่นิดนึง
6(x2 + 1/x2) - 25(x - 1/x) + 12 = 0
เนื่องจาก (x - 1/x)2 = x2 - 2 + 1/x2 ดังนั้น x2 + 1/x2 = (x - 1/x)2 + 2
ได้สมการใหม่เป็น
6(x - 1/x)2 - 25(x - 1/x) + 24 = 0
ให้ t = x + 1/x จะได้สมการในรูปที่ง่ายขึ้นคือ
6t2 - 25t + 24 = 0 (6t - 1)(t - 4) = 0 นั่นคือ t = 1/6, 4 แล้วก็แทนค่า t กลับไป เพื่อหาค่า x มา คำตอบก็คงเท่ากันแหละคับ

Edit (warut): correct vB code
__________________
PaTa PatA pAtA Pon!

06 เมษายน 2007 16:35 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ warut
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #30  
Old 13 ธันวาคม 2004, 19:54
gools's Avatar
gools gools ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 26 เมษายน 2004
ข้อความ: 390
gools is on a distinguished road
Post

อีกข้อนะครับ
ให้ r1 และ r2 เป็นรัศมีของวงกลมใหญ่และวงกลมเล็กตามลำดับ
จากรูป จงหา r1+r2 ในพจน์ของ d
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply


หัวข้อคล้ายคลึงกัน
หัวข้อ ผู้ตั้งหัวข้อ ห้อง คำตอบ ข้อความล่าสุด
ข้อสอบ โครงการอัจฉริยภาพ 2547 (สสวท. รอบที่ 1) gon ข้อสอบในโรงเรียน ประถมปลาย 7 01 เมษายน 2006 17:26
ทำไมโจทย์ TMO#2547 ยากจังคับ modulo ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป 3 15 เมษายน 2005 20:38
เพชรยอดมงกุฎ ม.ต้น-ม.ปลาย'2547 R-Tummykung de Lamar ข้อสอบในโรงเรียน ม.ปลาย 57 25 มีนาคม 2005 22:14


กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 13:27


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha