Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์มัธยมศึกษา > ปัญหาคณิตศาสตร์ ม. ต้น > ข้อสอบในโรงเรียน ม.ต้น
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #61  
Old 01 ธันวาคม 2010, 09:52
James007's Avatar
James007 James007 ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าหยก
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 มีนาคม 2008
ข้อความ: 168
James007 is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ passer-by View Post
ตรงที่สรุปว่ามี k ค่าเดียว เมื่อ $16-3q^2=0 $ มันแปลกๆอยู่นะครับ เพราะเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ q เลย
$q$ คือตัวเลขที่หายไปในกระดาษ (ถ้ากระดาษไม่ขาด แสดงว่า มีค่าของ $q$ กำกับไว้อยู่)
ถ้า $q$ เป็นค่าอื่นนอกจาก $\pm\frac{4\sqrt{3}}{3}$
จะทำให้ $k$ มีสองค่า ซึ่งไม่ตรงกับที่โจทย์กำหนดว่า $k$ เป็นไปได้เพียงค่าเดียว
รึเปล่าครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #62  
Old 01 ธันวาคม 2010, 18:45
passer-by passer-by ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 11 เมษายน 2005
ข้อความ: 1,442
passer-by is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ James007 View Post
$q$ คือตัวเลขที่หายไปในกระดาษ (ถ้ากระดาษไม่ขาด แสดงว่า มีค่าของ $q$ กำกับไว้อยู่)
ถ้า $q$ เป็นค่าอื่นนอกจาก $\pm\frac{4\sqrt{3}}{3}$
จะทำให้ $k$ มีสองค่า ซึ่งไม่ตรงกับที่โจทย์กำหนดว่า $k$ เป็นไปได้เพียงค่าเดียว
รึเปล่าครับ
คือผมมองอย่างนี้ครับ ในเมื่อเราไม่รู้ว่า$ \frac{a-c}{b} $ คืออะไร ดังนั้น การเกิด $q=\pm\frac{4\sqrt{3}}{3}$ ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะเกิดจริง

ในกระดาษที่หายไป อาจเขียนว่า $a-c:b = 1:2$ ก็ได้ ซึ่งเท่ากับว่าที่ทดมาแต่แรก เหนื่อยฟรี

ดังนั้นผมจึงไม่ยุ่งกับสมการที่ 2 เลย และหาค่า k จากสมการแรกเท่านั้น ซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกับของคุณ xx Gamma xx
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #63  
Old 01 ธันวาคม 2010, 19:05
nuttida_Muangmoon's Avatar
nuttida_Muangmoon nuttida_Muangmoon ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 27 กันยายน 2010
ข้อความ: 2
nuttida_Muangmoon is on a distinguished road
Default

ใครมีเฉลยละเอียดบ้างเอ่ย???
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #64  
Old 02 ธันวาคม 2010, 17:47
Noviceboy's Avatar
Noviceboy Noviceboy ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 เมษายน 2010
ข้อความ: 63
Noviceboy is on a distinguished road
Default

ขอบคุณที่ช่วยแปลภาษาให้สวยนะครับ

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ passer-by View Post
ลองอ่านวิธีทำดูแล้ว มาสะดุดตรงบรรทัดที่ quote มาครับ



ทำไมถึงเลือก 2 ทั้งๆที่อาจจะเป็นจำนวนจริงอื่นก็ได้ในช่วงนั้น
ก็เพราะพอผมเห็นโจทย์ผมก็เกิดความคิดว่าถ้าa=b=cแล้วข้อความจะเป็นจริง และจะได้ว่าa+b:c=2:1 ผมก็เลยเลือกให้ a+b=2c ตามสมมุติฐานครับ
__________________
Because this world is similar to the imagine. So everything has a privilege possible.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #65  
Old 02 ธันวาคม 2010, 18:28
passer-by passer-by ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 11 เมษายน 2005
ข้อความ: 1,442
passer-by is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Noviceboy View Post
ก็เพราะพอผมเห็นโจทย์ผมก็เกิดความคิดว่าถ้าa=b=cแล้วข้อความจะเป็นจริง และจะได้ว่าa+b:c=2:1 ผมก็เลยเลือกให้ a+b=2c ตามสมมุติฐานครับ
ถ้า a,b,c ไม่เท่ากัน ข้อความอาจเป็นจริงก็ได้ครับ

อย่าลืมว่าสมการเดียว แต่มีตั้ง 3 ตัวแปร กำหนด a,b ได้มากมายมหาศาล แล้วก็แก้สมการหา c ได้ ไม่จำเป็นที่ a=b=c แล้วสมการจะเป็นจริง
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #66  
Old 02 ธันวาคม 2010, 18:55
BLACK-Dragon's Avatar
BLACK-Dragon BLACK-Dragon ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 04 พฤศจิกายน 2010
ข้อความ: 719
BLACK-Dragon is on a distinguished road
Default

เอ่อข้อนี้ผมลองคิดดูว่าถ้า $\frac{a+c}{a+b}=\frac{b+c}{a+c}$ มันเท่ากันทั้งเหมือนกับ
$\frac{2}{3}=\frac{2}{3}$-----* แต่ถ้าสมมุติมันเป็นสมการแบบ
$\frac{2}{3}=\frac{4}{6}$-----**(ผมคิด $a,b,c$ ไม่น่าจะเท่ากัน)
ถ้ามันเป็นแบบ * $a=b=c$ ผมก็อธิบายไม่ถูกว่าจะต้องอธิบายยังไง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #67  
Old 02 ธันวาคม 2010, 19:02
Noviceboy's Avatar
Noviceboy Noviceboy ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 เมษายน 2010
ข้อความ: 63
Noviceboy is on a distinguished road
Default

ไม่ใช่คับ ผมแค่ลองหาค่าที่มันน่าจะเป็นไปได้ แค่รู้ว่ามันมีจริงก็เพียงพอแล้ว เพราะว่า โจทย์นั้นกำหนดเองครับว่ามันมีคำตอบเดียว

แค่หาว่ามันน่าจะเป็น2 และพอคิดสมการก็ได้a=b=cไงคับและพอแทนก็เป็นจริงและเป็นค่าเดียวตามโจทย์ไงคับ ผมอธิบายงงป่าว
__________________
Because this world is similar to the imagine. So everything has a privilege possible.

02 ธันวาคม 2010 22:19 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #68  
Old 02 ธันวาคม 2010, 19:53
Scylla_Shadow's Avatar
Scylla_Shadow Scylla_Shadow ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 กุมภาพันธ์ 2009
ข้อความ: 1,151
Scylla_Shadow is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ passer-by View Post
คือผมมองอย่างนี้ครับ ในเมื่อเราไม่รู้ว่า$ \frac{a-c}{b} $ คืออะไร ดังนั้น การเกิด $q=\pm\frac{4\sqrt{3}}{3}$ ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะเกิดจริง

ในกระดาษที่หายไป อาจเขียนว่า $a-c:b = 1:2$ ก็ได้ ซึ่งเท่ากับว่าที่ทดมาแต่แรก เหนื่อยฟรี

ดังนั้นผมจึงไม่ยุ่งกับสมการที่ 2 เลย และหาค่า k จากสมการแรกเท่านั้น ซึ่งก็เป็นวิธีเดียวกับของคุณ xx Gamma xx
มามั่วครับ (อย่าดูมาก เค้าอาย)
ถ้าเป็นจริงตามที่พี่ passer-by ว่าคือในกระดาษเขียนว่า $a-c:b=1:2$
จากเหตุไปสู่ผล ถ้า$\frac{a-c}{b}=\frac{1}{2}$ แล้ว $\frac{a+c}{b}=\frac{4\pm \sqrt{61}}{6}$
จากผลไปสู่เหตุ ถ้า$\frac{a+c}{b}=\frac{4\pm \sqrt{61}}{6}$ แล้ว $\frac{a-c}{b}=\pm \frac{1}{2}$

แต่ผมว่าอาจจะหมายถึงอย่างงี้ก็ได้ $a+c:b=1:2$
จากเหตุไปสู่ผล ถ้า$\frac{a+c}{b}=\frac{1}{2}$ แล้ว $\frac{a-c}{b}=\frac{\pm \sqrt{21}}{2}$
จากผลไปสู่เหตุ ถ้า$\frac{a-c}{b}=\frac{\pm \sqrt{21}}{2}$ แล้ว $\frac{a+c}{b}=\pm \frac{1}{2}$

เพราะฉะนั้น คำตอบ $1:2$ จึงเป็นไปไม่ได้ (เพราะถ้าสมมุติคุณแทน a-c/b ที่ได้ตอนแรก ไปยังโจทย์แล้วหา a+c/b อีกรอบ มันไม่ได้มีค่าเดียวตามที่โจทย์บอก (ไม่ได้ระแวงนะ ตรวจคำตอบเฉ๊ยเฉย))

ต่อมาถ้า $a+c:b=2:1$ เป็นจริง
จากเหตุไปสู่ผล ถ้า$\frac{a+c}{b}=2$ แล้ว $\frac{a-c}{b}=0$
จากผลไปสู่เหตุ ถ้า$\frac{a-c}{b}=0$ แล้ว $\frac{a+c}{b}= 2,\frac{-2}{3}$

ก็ไม่จริงอีกเพราะ a+c:b ไม่ได้มีค่าเดียว

ต่อมากรณีน้องเจมส์ คำตอบ a+c:b=2:3
จากเหตุไปสู่ผล ถ้า$\frac{a+c}{b}=\frac{2}{3}$ แล้ว $\frac{a-c}{b}=\frac{\pm 4}{\sqrt{3}}$
จากผลไปสู่เหตุ ถ้า$\frac{a-c}{b}=\frac{\pm 4}{\sqrt{3}}$ แล้ว $\frac{a+c}{b}=\frac{2}{3}$

อันนี้ใช้ได้ เพราะมันมีค่าเดียวจริงๆ และตัวที่หายไปในกระดาษคือ $\frac{4}{\sqrt{3}}$ ไม่ก็ $-\frac{4}{\sqrt{3}}$

และแล้วการมั่วของผมก็มาอีกว่า ถ้าผมเดาว่า $a-c:b=2$ ไม่ก็ $a-c:b=-2$
ผมจะได้ $a+c:b=4:3$ ค่าเดียวอีกเช่นกัน
เฮ้ออออ!! มั่วมานานล่ะ ขี้เกียจทำต่อ ตอบสองคำตอบพอล่ะครับ 2:3 กับ 4:3

ปล. ไม่ได้มีเจตนาเสียดสีหรือประชดประชันใคร
ปล.2 นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคับ อย่าทำร้ายยผม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #69  
Old 02 ธันวาคม 2010, 20:10
Noviceboy's Avatar
Noviceboy Noviceboy ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 เมษายน 2010
ข้อความ: 63
Noviceboy is on a distinguished road
Default

แปปครับ รู้ได้ไงว่า a−c:b=1:2 มานไม่เหนบอกเลย
__________________
Because this world is similar to the imagine. So everything has a privilege possible.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #70  
Old 02 ธันวาคม 2010, 20:12
Scylla_Shadow's Avatar
Scylla_Shadow Scylla_Shadow ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 กุมภาพันธ์ 2009
ข้อความ: 1,151
Scylla_Shadow is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Noviceboy View Post
แปปครับ รู้ได้ไงว่า a−c:b=1:2 มานไม่เหนบอกเลย
ไม่รู้ครับ ผมเห็นพี่ passer-by โพสมา ก็เลยลองดูแค่นั้นอ่ะครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #71  
Old 03 ธันวาคม 2010, 00:05
passer-by passer-by ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 11 เมษายน 2005
ข้อความ: 1,442
passer-by is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Scylla_Shadow View Post
ต่อมากรณีน้องเจมส์ คำตอบ a+c:b=2:3
จากเหตุไปสู่ผล ถ้า$\frac{a+c}{b}=\frac{2}{3}$ แล้ว $\frac{a-c}{b}=\frac{\pm 4}{\sqrt{3}}$
จากผลไปสู่เหตุ ถ้า$\frac{a-c}{b}=\frac{\pm 4}{\sqrt{3}}$ แล้ว $\frac{a+c}{b}=\frac{2}{3}$

อันนี้ใช้ได้ เพราะมันมีค่าเดียวจริงๆ และตัวที่หายไปในกระดาษคือ $\frac{4}{\sqrt{3}}$ ไม่ก็ $-\frac{4}{\sqrt{3}}$
โอเคครับ ผมพอจะเข้าใจ ประเด็นของข้อนี้แล้วล่ะ

(1) วิธีที่คุณ xx Gamma xx (รวมทั้งที่ผมคิดไว้ตอนแรก) ยังมีข้อผิดพลาดอยู่ตรงที่ว่า เราไม่สามารถสรุปให้ค่า discriminant ของสมการ =0 เพื่อให้ได้คำตอบเดียวได้ เพราะการให้คำตอบเดียวของข้อนี้ อาจหมายถึง การได้ 2คำตอบแต่มีคำตอบนึงใช้ไม่ได้ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับ $\frac{a-c}{b}$ ที่หายไป

ถ้า follow ตามวิธีของคุณ xx Gamma xx และหาค่า $\frac{a-c}{b}$ ออกมา จะได้ $\pm \frac{\sqrt{21}}{2}$ ซึ่งถึงแม้ ส่วนที่หายไปจะเป็น $ \frac{a-c}{b} = \pm \frac{\sqrt{21}}{2}$ จริง ก็ยังขัดแย้งกับ การมี k ค่าเดียว ตามสมการที่น้อง James 007 เขียนไว้


ดังนั้น สรุปว่า พระเอกของข้อนี้คือสมการ $ (3k-2)^2= 16-3q^2$ ที่น้อง James 007 เขียนไว้

(2) ผมคิดว่า เจตนาของคนตั้งโจทย์ข้อนี้อยู่ตรง อยากให้คนคิด สร้างสมการนี้ให้ได้ เลยให้ $a-c:b=...$ ทิ้งไว้เป็น guide และพอได้สมการนี้แล้ว ก็จะรู้ว่า ถ้าต้องการ k ค่าเดียว ต้องเลือก q เป็นเท่าไหร่ และถ้าโจทย์ กำหนด q เป็นตัวอื่นที่ไม่ใช่ค่านี้ ก็จะขัดแย้งกันเองกับที่บอกว่า มี k ค่าเดียว

เท่ากับว่า ที่ผม comment น้อง James 007 ไป ตอนนี้เข้าใจประเด็นแล้วว่า การกำหนดค่า q ก็ทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ด้วย เพราะจะขัดแย้งกันเอง

ข้อนี้ ก็ถือว่าน้อง James 007 ได้เครดิตไปเต็มๆ และผมก็หมดข้อคาใจทั้งปวงแล้วครับ
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #72  
Old 03 ธันวาคม 2010, 09:50
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

ข้อ 40 ดูวิธีของน้องJames007แล้วสมการพระเอกอย่างที่คุณpasser-byบอกคือ$(3k-2)^2=16-3q^2$
ผมว่าน่าจะกระจายออกมาเป็น $9k^2-12k+(3q^2-12)=0$
ค่า$k$เหลือเพียงค่าเดียวเมื่อ $144-4(9)(3q^2-12)=0$
$576-108q^2=0 \rightarrow 16-3q^2=0 \rightarrow q=\pm \frac{4}{\sqrt{3} } $
ได้ค่า$k=\frac{12}{18} =\frac{2}{3} $

ตอนแรกผมก็ทำเหมือนน้องGAMMA แต่พอกลับมาตรวจสอบแล้วขั้นตอนที่ผิดน่าจะเป็นที่มาร์คไว้ครับ
อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Xx GAMMA xX View Post
ผมทำอะไรผิดครับเนี่ย
จาก$\frac{a+c}{a+b}=\frac{b+c}{a+c} $
$(a+c)^2=b(a+c)+(b^2+ac)$
$(\frac{(a+c)}{b})^2=\frac{a+c}{b}+(1+\frac{ac}{b^2}) $
ให้$\frac{a+c}{b}= x$
$x^2-x-(1+\frac{ac}{b^2} )=0$ ........ตรงนี้ที่มีปัญหาครับ
$x=\frac{1\pm \sqrt{.......} }{2} $
จากxมีค่าเดียว
$\sqrt{......}=0 $
$x=1/2$
$a+c:b=1:2$
ตรงที่มาร์คไว้นั้นถ้าจะใช้เงื่อนไข $\frac{a+c}{b}= x$ ก็ต้องแปลง $\frac{ac}{b^2} $ ให้อยู่ในรูปตัวแปรของ$x$ ก่อนจะไปเข้าสูตร ผมก็หลงไปทางนี้เหมือนกัน
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)

03 ธันวาคม 2010 11:05 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กิตติ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #73  
Old 03 ธันวาคม 2010, 13:19
RT OSK RT OSK ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 กันยายน 2008
ข้อความ: 258
RT OSK is on a distinguished road
Default ข้อ 40.

ใช้วิธีของสองคนมารวมกัน

ให้ $a + c = mb$
$a - c = nb$
จะได้ $ac = \frac{m^2b^2}{4} - \frac{n^2b^2}{4}$

จาก $\frac{a + c}{a + b} = \frac{b + c}{a + c}$
$(a + c)^2 = b(a + c) + b^2 + ac$
$m^2b^2 = mb^2 + b^2 + \frac{m^2b^2}{4} - \frac{n^2b^2}{4}$
ได้ $3m^2 - 4m + (n^2 - 4) = 0$
$m$ มีคำตอบเดียว $m = - \frac{-4}{2\times 3} = \frac{2}{3}$

และจะได้ $n = \pm \frac{4}{\sqrt{3}}$
ย้อนไปตรวจคำตอบโดยหลักเดียวกัน
จะได้ $9m^2 - 12m + 4 =0$
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #74  
Old 03 ธันวาคม 2010, 13:35
RT OSK RT OSK ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณคุ้มครองร่าง
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 กันยายน 2008
ข้อความ: 258
RT OSK is on a distinguished road
Default ข้อ 39.

ให้ท่อนบนที่แหว่งไป มีความยาวต่างๆ เป็น 1 ส่วน
ท่อนกลาง และ ล่าง มีความยาวต่างๆ เป็น m เท่าของท่อนบน

จะได้สมการปริมาตร คือ
$\frac{(2m + 1)^3 - (m + 1)^3}{(m + 1)^3 - 1} = 3$
ได้ $m = \frac{\sqrt{6} }{2}$

เอาไปแทนค่าในสมการพื้นที่ คือ
$\frac{(2m + 1)^2 - (m + 1)^2}{(m + 1)^2 - 1} = -\frac{1}{5} + \sqrt{\frac{96}{25}}$
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #75  
Old 03 ธันวาคม 2010, 20:03
passer-by passer-by ไม่อยู่ในระบบ
ผู้พิทักษ์กฎทั่วไป
 
วันที่สมัครสมาชิก: 11 เมษายน 2005
ข้อความ: 1,442
passer-by is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ RT OSK View Post
ให้ท่อนบนที่แหว่งไป มีความยาวต่างๆ เป็น 1 ส่วน
ท่อนกลาง และ ล่าง มีความยาวต่างๆ เป็น m เท่าของท่อนบน

จะได้สมการปริมาตร คือ
$\frac{(2m + 1)^3 - (m + 1)^3}{(m + 1)^3 - 1} = 3$
ได้ $m = \frac{\sqrt{6} }{2}$

เอาไปแทนค่าในสมการพื้นที่ คือ
$\frac{(2m + 1)^2 - (m + 1)^2}{(m + 1)^2 - 1} = -\frac{1}{5} + \sqrt{\frac{96}{25}}$
เป็นวิธีที่ฉลาดมากครับ ใช้กรณีทั่วไปของความคล้ายใน 3 และ 2 มิติมาช่วย
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply


หัวข้อคล้ายคลึงกัน
หัวข้อ ผู้ตั้งหัวข้อ ห้อง คำตอบ ข้อความล่าสุด
(แสกนดิบๆ) ข้อสอบ สอวน. ปี 2553 (สวนกุหลาบ) Eng_gim ข้อสอบโอลิมปิก 131 26 สิงหาคม 2011 20:41
ข้อสอบสมาคมคณิตศาตร์ ม.ปลาย ปี 2553 Influenza_Mathematics ข้อสอบในโรงเรียน ม.ปลาย 2 21 ธันวาคม 2010 16:21
ประกาศผลสอบสอวน.ศูนย์หาดใหญ่ ปี 2553 Ne[S]zA ข่าวคราวแวดวง ม.ปลาย 12 24 พฤศจิกายน 2010 21:58
ข้อสอบ สอวน. ศูนย์ มก. (บางเขน) ปี 2553 -Math-Sci- ข้อสอบโอลิมปิก 66 27 กันยายน 2010 17:51
ข้อสอบสอวน. ศูนย์ มช. ปี 2553 SolitudE ข้อสอบโอลิมปิก 159 22 กันยายน 2010 20:30


กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 15:53


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha