|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
ขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับผม
__________________
คาราวะ 03 สิงหาคม 2007 17:17 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 6 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ expol เหตุผล: triple posts merged |
#2
|
||||
|
||||
ลองเข้าไปดูแล้ว ภาพเล็กมาก เลือกให้ขยายภาพไม่ได้ โหลดแล้วขยายแล้วตัวหนังสือก็แตก
ลองหาฟรีโฮสต์รูปอื่นๆดูแล้วลิงค์มาอาจช่วยได้ครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณสำหรับข้อสอบ
ผมลองเข้าไปดูแล้วเหมือนกัน มันเล็กมากจริง ๆ ครับ. |
#4
|
||||
|
||||
ขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับผม
__________________
คาราวะ 03 สิงหาคม 2007 17:21 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ expol |
#5
|
||||
|
||||
ขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับผม
__________________
คาราวะ 03 สิงหาคม 2007 17:23 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ expol |
#6
|
||||
|
||||
ทำเป็นแต่ข้อ 2. คับ
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! |
#7
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
SOLUTION: It's obvious that each number in that set can be expressed of the form $ 2^k \cdot m $ where $k$ is nonnegative integer and $ m $ is odd number. Moreover, there are at most 100 possible numbers of $m$. Hence, by pigeonhole principle , there exists at least 2 integers ,say, $ 2^{k_1}\cdot m$ and $ 2^{k_2}\cdot m$ such that one must be a multiple of the other. For question 2, we prove by contradiction and choose $ \epsilon = \frac{\mid a-b \mid}{2} $ For question 5, if such $ r$ exists, it must be integer. And use the fact that $r^2 \equiv 0,1 \pmod{4} $ to give the contradiction.
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว 03 พฤษภาคม 2007 02:13 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ passer-by |
#8
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
กรณีที่ 1: มีคนที่รู้จักกับนาเดีย (ไม่นับรวมตัวนาเดียเองนะครับ) อย่างน้อย 6 คน ดังนั้นจากทฤษฎีบทสุดฮิตเรารู้ว่า ในกลุ่มคนที่รู้จักนาเดียนี้ จะต้องมี 3 mutual strangers หรือไม่ก็ 3 mutual friends ถ้ามี 3 mutual strangers ก็โอเคละ แต่ถ้ามี 3 mutual friends พอนับรวมนาเดียเข้าไปด้วยก็จะได้ 4 mutual friends ทันที กรณีที่ 2: มีคนที่รู้จักกับนาเดียน้อยกว่า 6 คน แสดงว่าต้องมีคนที่ไม่รู้จักนาเดียอย่างน้อย 4 คน เลือกคนที่ไม่รู้จักกับนาเดียนี้มา 4 คน ถ้า 4 คนนี้รู้จักกันหมด เราก็จะได้ 4 mutual friends แต่ถ้าไม่ใช่ ก็แสดงว่าต้องมีอยู่อย่างน้อย 2 คนที่ไม่รู้จักกัน พอนับรวมนาเดียเข้าไปด้วย ก็จะได้ี 3 mutual strangers ครับ ป.ล. ผมทราบมาจากโฆษณาที่ วิชาการ.คอม ว่าคุณ expol ได้เกียรตินิยมด้วยนี่ครับ 03 พฤษภาคม 2007 14:45 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ warut |
#9
|
||||
|
||||
ข้อ 6. ครับ.
$f(n) = \cases{n-2 & , n \ge 1,000 \cr f(f(n+4)) & , n < 1,000} $ 6.1) f(999) = f(f(1003)) = f(1001) = 999 f(998) = f(f(1002)) = f(1000) = 998 f(997) = f(f(1001)) = f(999) = 999 f(996) = f(f(1000)) = f(998) = 998 (หาเผื่อไว้ใช้ต่อไป) 6.2) จะแสดงว่า $f(n) = \cases{999 & , n \in odd ,\ n \le 999 \cr 998 & , n \in even ,\ n \le 999} $ โดยอุปนัยคณิตศาสตร์ย้อนหลังอย่างเข้มดังนี้ ให้ P(n) แทนข้อความด้านบน ขั้นฐาน : P(999) แทน f(999) = 999 ซึ่งเป็นจริง ขั้นอุปนัย : สำหรับทุกจำนวนเต็ม k < 999 สมมติให้ P(k+1), P(k+2), P(k+3), P(k+4), ... , P(998), P(999) เป็นจริง จะแสดงว่า P(k) เป็นจริง ดังนี้ โดยสมมติฐานของอุปนัยที่บอกว่า P(k+4) เป็นจริง ดังนั้น $f(k+4) = \cases{999 & , k+4 \in odd ,\ k+4 \le 999 \cr 998 & , k+4 \in even ,\ k+4 \le 999} $ ดังนั้น $f(f(k+4)) = \cases{f(999) & , k \in odd ,\ k \le 995 \cr f(998) & , k \in even ,\ k \le 995} $ ดังนั้น (จากเงื่อนไขของโจทย์) และจาก 6.1) $f(k) = \cases{999 & , k \in odd ,\ k \le 995 \cr 998 & , k \in even ,\ k \le 995} $ แต่ f(999), f(998), f(997), f(996) เป็นจริงดังข้อ 6.1) ดังนั้น $f(k) = \cases{999 & , k \in odd ,\ k \le 999 \cr 998 & , k \in even ,\ k \le 999} $ นั่นคือ P(k) เป็นจริง โดยอุปนัยคณิตศาสตร์อย่างเข้มย้อนหลัง จึงสรุปได้ว่า P(n) เป็นจริงทุกจำนวนเต็ม $n \le 999$
__________________
The Lost Emic <<-- หนังสือเฉลยข้อสอบระดับประถมนานาชาติ EMIC ครั้งที่ 1 - ครั้งที่ 8 ชุดสุดท้าย หลงมา 03 พฤษภาคม 2007 07:27 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ gon |
#10
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
เพราะ $4n-1$ เป็นจำนวนเต็ม $r$ จะเป็นจำนวนเต็มด้วย (นั่นคือ $q\mid p$) แต่ $4\mid r^2+1$ ขัดแย้งกับ $k^2\equiv 0,1\pmod4,\ \forall k\in\mathbb{Z}$ แก้ไข: เพิ่งเห็นว่าคุณ Passer-by เก็บข้อห้าไปแบบหนึ่งบรรทัดแล้ว งั้นเพิ่มข้อสามละกัน It's easy to see that $[\frac1n,2-\frac1n]\subset[\frac1{n+1},2-\frac1{n+1}]$, the union will also be the 'limit' to infinity of the interval sequence $[\frac1n,2-\frac1n]$, also [0,2].
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. 03 พฤษภาคม 2007 08:44 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum |
#11
|
||||
|
||||
ข้อ 2. จะใช้บทตั้งนี้ในการพิสูจน์
บทตั้ง : สำหรับทุกจำนวนจริง $\epsilon >0$ มีจำนวนจริง $x$ ที่ทำให้ $0 \leq x < \epsilon$ แล้วจะได้ว่า $x=0$ พิสูจน์ : สมมติให้ $x \neq 0$ จะได้ว่าสำหรับทุกจำนวนจริง $\epsilon >0$ มีจำนวนจริง $x$ ที่ทำให้ $0<x<\epsilon $ เลือก $\epsilon = \frac{1}{2}x$ จะได้ $0<x<\frac{1}{2}x $ เกิดข้อขัดแย้ง ดังนั้น $x=0$ # ใช้บทตั้งนี้กับข้อความในข้อ 2. โดยให้ $x=\vert a-b\vert $ จะได้ว่า $\vert a-b\vert =0 \Rightarrow a=b$ จะได้ข้อสรุปที่ต้องการ #
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! |
#12
|
|||
|
|||
7.1 ทำตรงๆตามนิยาม
7.2 partition คือ {(1,1)}, {(1,2),(2,1)}, {(1,3),(2,2),(3,1)}, {(2,3),(3,2)}, {(3,3)} 8.1 $(\Rightarrow)$ Reflexive is clear. Let $(x,y),(y,z)\in R$. Then $(x,z)\in R$ by transitivity. Thus $(z,x)\in R$ by symmetry. $(\Leftarrow)$ Reflexive is given. Suppose $(x,y)\in R$. Since $(y,y)\in R$ , we have $(y,x)\in R$ by assumption. Thus $R$ is symmetric. Next, let $(x,y),(y,z)\in R$. Then $(z,x)\in R$ by assumption. Thus $(x,z)\in R$ by symmetry. Therefore, $R$ is transitive. 8.2 Define a relation on $\{1,2\}$ by $R=\{(1,2)\}$. Then $R$ is circular (Why?)
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#13
|
||||
|
||||
พระเจ้าช่วย ตอนสอบเข้านี้ข้อสอบยากมากไหมครับ กำลังคิดอยู่ว่าจะต่อจุฬา หรือ ธรรมศาสตร์ดี
__________________
###เส้นด้ายดุจสายเลือด เมื่อใดขาดชีพข้าพลี### |
#14
|
||||
|
||||
แนะนำในการสอบเรียนต่อนะครับ
ยากมากครับ และเยอะด้วย อย่าคิดว่าจะทำทุกข้อนะครับ เพราะ มันจะพลาดได้ พยายามอ่านเงื่อนไข ดีดี บางที มันเป้นเท็จ เพราะ เราลืมเล็กๆๆน้อยๆ เช่น เซตว่าง ศูนย์ เป้นต้น ตอนสอบอยากทำได้ แบบนี้จริง ผมสารภาพเลยนะครับ ว่าทำได้ ไม่ถึง ครึ่ง อาย จริงๆเวลามันก้ เดินเร้วด้วยคับ เขียนไปคิดไป เข้าห้องน้ำก้ไม่ได้ เสียดายเวลา ขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณครับผม
__________________
คาราวะ 03 สิงหาคม 2007 17:25 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ expol |
#15
|
|||
|
|||
อย่าคิดทำข้อสอบจุฬาให้ได้ทุกข้อ แต่ต้องเลือกทำข้อที่เรามั่นใจที่สุดให้เสร็จสมบูรณ์ที่สุดครับ
วิชานี้ใครสอนเหรอครับคุณ expol แค่วิชาปรับพื้นฐานก็ยากขนาดนี้กันแล้วหรือนี่ ตอนผมเรียนยังง่ายกว่านี้เยอะเลยครับ
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
|
|