#1
|
||||
|
||||
เอาโจทย์มาฝาก
1.กำหนด $x,y,z$ เป็นจำนวนเต็มบวก โดยที่ $x>y>z$ และ $\dfrac{1}{x^2}+\dfrac{1}{y^2} = \dfrac{1}{z^2} $ แล้ว $x^2+y^2+z^2$ น้อยที่สุดเป็นเท่าไร
2. ถ้า $x,y$ เป็นจำนวนจริง $x \star y = Ax+By+C , C=A-B$ $2\star4 = 10$ $3\star1 =2$ แล้ว $2\star1 = ?$ 3. จำนวนที่อยู่ระหว่าง $1-10000$ และมีผลบวกเลขโดดในหลักต่าง ๆ เท่ากับ $10$ มีทั้งหมดกี่จำนวน 4. กำหนดให้ $A,B,C$ เป็นเลขโดด ซึ่ง $A>B>C$ และัเมื่อนำ $ABC$ มาเรียงกันเป็นจำนวน จะได้ว่า $ABC - CBA =CAB$ จงหา่ว่า $BCA = ?$ 5. ให้ $x=\dfrac{\sqrt{a+2b}+\sqrt{a-2b} }{\sqrt{a+2b} -\sqrt{a-2b} } $ จงหาค่าของ $bx^2-ax+b$ 6. ให้$g(x)=x^5+x^4+x^3+x^2+x+1$ จงหาเศษของการหาร $g(x^{12})$ ด้วย $g(x)$
__________________
Fortune Lady
04 กรกฎาคม 2010 19:15 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ Siren-Of-Step เหตุผล: เพิ่มโจทย์ บลาบลาบลา |
#2
|
||||
|
||||
ข้อ 2. เมื่อลองแทนแล้วจะได้ว่า $x\star y =\frac{1}{2} x+\frac{17}{6}y-\frac{14}{6} $
$\therefore 2\star 1=\frac{3}{2} $ ข้อ 3. ถ้า 1 หลัก ไม่มี 2 หลัก มี $9$ จำนวน 3 หลัก 1. มีศูนย์ 1 ตัว มี $18$ จำนวน 2. ไม่มีศูนย์มี $\binom{10+3-1}{3}=220$ วิธี 4 หลัก 1. มีศูนย์ 1 ตัว มี $3\binom{10+3-1}{3}=660$ วิธี 2. มีศูนย์ 2 ตัว มี $108$ วิธี 3. ไม่มีศูนย์ มี $\binom{10+4-1}{3}=286 $วิธี $\therefore $ มีทั้งหมด $9+18+220+660+108+286=1301$ จำนวน
__________________
...สีชมพูจะไม่จางด้วยเหงื่อ แต่จะจางด้วยนํ้าลาย... |
#3
|
||||
|
||||
ยังไม่ถูกครับ ข้อ 3
__________________
Fortune Lady
|
#4
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
จะได้ generating function คือ $(1+x+x^2+...+x^9)^4 = (1-x^{10})^4(1-x)^{-4}$ $=(1-4x^{10}+6x^{20}-4x^{30}+x^{40})\sum_{r = 0}^{\infty}\binom{r+3}{3}x^r $ ซึ่งมีสัมประสิทธิ์ของ $x^{10}$ คือ $1\binom{13}{3} - 4\binom{3}{3} = 286-4 = 282$ 04 กรกฎาคม 2010 15:55 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ ★★★☆☆ |
#5
|
||||
|
||||
ขอเฉลยหรือ Hint ข้อ 1 ด้วยครับ
ยังไปไม่ถูกจริงๆ
__________________
...สีชมพูจะไม่จางด้วยเหงื่อ แต่จะจางด้วยนํ้าลาย... |
#6
|
|||
|
|||
รบกวนข้อ hint ข้อ 1 5 ด้วยครับ
|
#7
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ดังนั้น $x = mp, y = np$ โดยที่ $m > n$ จะได้ $\frac{1}{x^2}+\frac{1}{y^2} =\frac{1}{m^2p^2}+\frac{1}{n^2p^2} = \frac{1}{p^2}\cdot \frac{m^2+n^2}{m^2n^2} = \frac{1}{(mn)^2} $ เมื่อ $m^2+n^2=p^2$ เนื่่องจาก $p$ น้อยสุดที่ทำให้สมการ $m^2+n^2=p^2$ เป็นจริงคือ $p = 5$ และ $4^2+3^2=5^2$ ดังนั้น $(x, y, z) = (mp, np, mn) = ((4)(5), (3)(5),(4)(3)) = (20, 15, 12)$ ดังนั้น $x^2+y^2+z^2 \ge 400 + 225 + 144 = 769$ ยังให้เหตุผลไม่สมบูรณ์นะครับ อาจจะผิดพลาดได้ แต่ถ้าแสดงได้ว่า ถ้า $p = 1$ แล้ว $gcd(x^2+y^2, x^2y^2) = 1$ ก็จะถูกต้องและสมบูรณ์ |
#8
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
$x = \dfrac{(a+2b)+(a-2b)+2\sqrt{(a-2b)(a+2b)} }{2a}$ $x = \dfrac{2a+2\sqrt{a^2-4b^2} }{2a}$ $x = \dfrac{a+\sqrt{a^2-4b^2} }{a}$ $\frac{x}{2} = \dfrac{a+\sqrt{a^2-4b^2} }{2a}$ ....(*) เทียบจากสูตร $ ax^2 +bx+c$ จะได้ $x = \dfrac{-b+\sqrt{b^2-4ac} }{2a}$ จะได้ $\frac{x}{2} = \dfrac{a+\sqrt{a^2-4b^2} }{2a}$ $\frac{x}{2} = bx^2-ax+b$ ตอบ ค่าของ $bx^2-ax+b$ เท่ากับ $\frac{1}{2}x$ สะเพร่าครับ โปรดดู reply แก้ไขข้างล่าง
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) 05 กรกฎาคม 2010 18:35 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ banker |
#9
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
__________________
Fortune Lady
|
#10
|
|||
|
|||
ลุงแก่แล้ว เอาใหม่ๆๆ $x=\dfrac{\sqrt{a+2b}+\sqrt{a-2b} }{\sqrt{a+2b} -\sqrt{a-2b} } \times \dfrac{\sqrt{a+2b}+\sqrt{a-2b}}{\sqrt{a+2b}+\sqrt{a-2b}} $ $x = \dfrac{(a+2b)+(a-2b)+2\sqrt{(a-2b)(a+2b)} }{4b}$ $x = \dfrac{2a+2\sqrt{a^2-4b^2} }{4b}$ $x = \dfrac{a+\sqrt{a^2-4b^2} }{2b}$ เทียบจากสูตร $ ax^2 +bx+c$ จะได้ $x = \dfrac{-b+\sqrt{b^2-4ac} }{2a}$ จาก $x = \dfrac{a+\sqrt{a^2-4b^2} }{2b}$ จะได้ $x= bx^2-ax+b$ ตอบ ค่าของ $bx^2-ax+b$ เท่ากับ $x$
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#11
|
||||
|
||||
ผมสนใจแนวคิดการแก้โจทย์ของคุณ★★★☆☆ ในข้อ3 มากเลยครับ เพราะมันทุ่นเวลาในการตอบโจทย์ได้ดีมากเทียบกับการใช้แนวคิดเรื่องของการจัดเรียงแล้วมีโอกาสคิดตกหล่นมากเลย และได้คำตอบเท่ากัน อยากจะถามว่าวิธีนี้เขาเรียกว่าอะไรครับ อยากรู้มากครับ รบกวนหน่อยครับ
ลองมาดูวิธีการแก้โจทย์แบบการจัดเรียงก่อนซึ่งใช้พื้นที่เยอะ 1.เลข2หลัก มีได้ 9 จำนวน(1-9,2-8,3-7,4-6,5-5) 2.เลข3หลัก มี2กรณี 1.มีศูนย์1ตัว+เลขสองหลักยกมาทั้งหมด มีได้ 18 จำนวน 2.ไม่มีศูนย์ 2.1เลขแต่ละหลักไม่ซ้ำกัน มี1-2-7,1-3-6,1-4-5,2-3-5........ได้ 24 จำนวน 2.2เลขซ้ำกัน2ตัว มี1-1-8,2-2-6,3-3-4,4-4-2.....มีได้ 12 จำนวน รวมมีเลขสามหลัก 54 ตัว 3.เลข4หลัก มี3กรณี 3.1มีศูนย์ 1 ตัว ดึงเลข3หลักใน2.1กับ2.2มาใส่ 3.1.1ไม่มีเลขซ้ำ....ได้ 72จำนวน 3.1.2 มีเลขซ้ำ....ได้ 36 จำนวน 3.2มีศูนย์ 2 ตัว ดึงเลข2หลักในเลข2หลักมาใส่...ได้ 27 จำนวน 3.3ไม่มีเลขศูนย์ แบ่งเป็น 3.3.1เลขไม่ซ้ำกันเลย มีตัวเดียวคือ 1-2-3-4 เกิด24 จำนวน 3.3.2เลขซ้ำกัน2ตัว 1 คู่ คือ1-1-2-6,1-1-3-5,2-2-1-5 ได้ 36 จำนวน 3.3.3เลขซ้ำกัน2ตัว 2 คู่ มี2 ชุดคือ 2-2-3-3,1-1-4-4 เกิด 12จำนวน 3.3.4 เลขซ้ำกัน 3 ตัว มี3ชุดคือ 1-1-1-7,2-2-2-4,3-3-3-1 เกิดได้ 12 จำนวน รวมเลข4หลักมีได้ 72+36+27+24+36+12+12 = 219 จำนวน รวมเลข1-10,000 มีจำนวนเลขที่แต่ละหลักรวมกันได้เท่ากับ 10 มี 9+54+219 =282 จำนวน
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน) |
#12
|
||||
|
||||
ตอบ 6 หรือเปล่าครับ
__________________
...สีชมพูจะไม่จางด้วยเหงื่อ แต่จะจางด้วยนํ้าลาย... |
#13
|
||||
|
||||
__________________
Fortune Lady
|
#14
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
จะได้ $g(x^{12})=x^{60}+x^{48}+x^{36}+x^{24}+x^{12}+1$ ....(*) $\because \ \ (x-1)g(x) = (x-1)(x^5+x^4+x^3+x^2+x+1)$ =$x^6-1$ จาก (*) จะได้ $g(x^{12})=(x^{60}-1)+(x^{48}-1)+(x^{36}-1)+(x^{24}-1)+(x^{12}-1)+6$ และเพราะว่า $(x^6-1)|(x^{60}-1), \ (x^6-1)|(x^{48}-1), \ (x^6-1)|(x^{24}-1), \ (x^6-1)|(x^{12}-1)$ ดังนั้น $(x-1)g(x) | [(x^{60}-1)+(x^{48}-1)+(x^{36}-1)+(x^{24}-1)+(x^{12}-1)]$ ทำให้เกิดพหุนามก้อนหนึ่งที่เป็นผลลัพธ์ สมมุติว่าเรียก $h(x)$ เราจะได้ $(x^{60}-1)+(x^{48}-1)+(x^{36}-1)+(x^{24}-1)+(x^{12}-1) =(x-1)g(x)h(x)$ ทำให้ $g(x^{12}) = (x-1)g(x)h(x)+6 = g(x)[(x-1)h(x)] +6 \ \ \ \ $ (ตัวตั้ง =ตัวหารคูณผลลัพธ์ +เศษ) นั่นคือ เศษ $= 6$
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#15
|
||||
|
||||
ผมก็ทำอย่างคุณลุง Banker แหละครับ
__________________
...สีชมพูจะไม่จางด้วยเหงื่อ แต่จะจางด้วยนํ้าลาย... |
|
|