Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์มัธยมศึกษา > ปัญหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #1  
Old 07 กันยายน 2008, 09:27
lanlaa lanlaa ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 07 กันยายน 2008
ข้อความ: 2
lanlaa is on a distinguished road
Default proof, prime number

รบกวนถามหน่อยนะคะ


พิสูจน์ว่า จำนวนเต็ม m,n ใดๆ แล้ว จำนวนเฉพาะ p,
ถ้า p|mn แล้ว p|m หรือ p|n


ช่วยพิสูจน์หน่อยค่ะ
ขอบคุนมากๆค่ะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #2  
Old 07 กันยายน 2008, 10:31
MirRor's Avatar
MirRor MirRor ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 03 มีนาคม 2008
ข้อความ: 394
MirRor is on a distinguished road
Default

แทน m , n และ p = 2
$2\mid(2)(2)$

จะได้ $2\mid2$ & $2\mid2$
__________________

07 กันยายน 2008 10:32 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ MirRor
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #3  
Old 07 กันยายน 2008, 10:56
lanlaa lanlaa ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 07 กันยายน 2008
ข้อความ: 2
lanlaa is on a distinguished road
Default

ถ้าพิสูจน์แบบเอา ทบ มาอ้าง
เขียนเป็นขั้นตอน

จะทำไงอะคะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #4  
Old 07 กันยายน 2008, 15:11
MirRor's Avatar
MirRor MirRor ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 03 มีนาคม 2008
ข้อความ: 394
MirRor is on a distinguished road
Default

ใช้ ทบ. ของยูคริก

ตัวตั้ง = (ตัวหาร)(ผลหาร) + เศษ

แต่ที่เค้าบอกมานั้น แทน p เป็นจำนวนเฉพาะอะไรก็ได้ใช่ไหมครับ ส่วน m,n นั่นเป็นจำนวนนับใดๆ และยังบอกอีกว่าเป็นการหารลงตัว
ดังนั้น เศษ = 0

เช่น
แทน m เป็น 4 แทน n เป็น 6 และแทน p เป็น 2

mn = p(ผลหาร) + 0
(4)(6) = 2(12) + 0


m = p(ผลหาร) + 0
4 = 2(2) + 0

n = p(ผลหาร) + 0
6 = 2(3) + 0



พอจะเข้าใจบ้างไหมครับ ถ้าผิดพลาดประการใดคงต้องรอให้เทพๆมาเฉลยนะครับ T-T
__________________

07 กันยายน 2008 15:11 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ MirRor
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #5  
Old 07 กันยายน 2008, 18:38
square1zoa's Avatar
square1zoa square1zoa ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 17 สิงหาคม 2008
ข้อความ: 413
square1zoa is on a distinguished road
Default

ใช้ความสมมูลของประพจน์ที่ว่า $$p\rightarrow (q\vee r)\equiv (p\wedge \sim q)\rightarrow r$$

นั่นคือ ถ้า $p\mid mn$และ $p\nmid m$ แล้ว $p\mid n$

07 กันยายน 2008 18:39 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ square1zoa
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #6  
Old 11 กันยายน 2008, 06:35
RoSe-JoKer's Avatar
RoSe-JoKer RoSe-JoKer ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤศจิกายน 2007
ข้อความ: 390
RoSe-JoKer is on a distinguished road
Default

เราสามารถเขียนได้ว่า
m=px+a
n=py+b
โดยที่ x,y,a,b เป็นจำนวนนับ
เพราะว่า
$p$ หาร $(px+a)(py+b)$ ลงตัวเราจะได้ว่า
$p$ หาร $p^2xy+pay+pxb+ab$ ลงตัวด้วย
เนื่องจาก p หาร $p^2xy+pay+pxb$ ลงตัวอยู่แล้วเราจึงได้ว่า
$p$ ต้องหาร $ab$ ลงตัว และเนื่องจาก $p$ เป็นจำนวนเฉพาะจึงไม่สามารถแยกตัวประกอบได้จึงได้ว่า
$a,b$ ต้องมีซักตัวที่ $({a,b},p)=p$
WLOG
ให้ $a=pn$
เห็นได้ว่า
$m=px+pn=p(x+n) $นั้นคือ p หาร m ลงตัวนั้นเอง
__________________
Rose_joker @Thailand
Serendipity
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #7  
Old 11 กันยายน 2008, 22:39
[SIL]'s Avatar
[SIL] [SIL] ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 กรกฎาคม 2008
ข้อความ: 1,520
[SIL] is on a distinguished road
Default

เอ่อ การแทนค่าเค้าไม่ยอมรับในคณิตศาสตร์ใช่ป่ะครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #8  
Old 16 พฤศจิกายน 2008, 18:16
warut warut ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 พฤศจิกายน 2001
ข้อความ: 1,627
warut is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ RoSe-JoKer View Post
เราสามารถเขียนได้ว่า
m=px+a
n=py+b
โดยที่ x,y,a,b เป็นจำนวนนับ
เพราะว่า
$p$ หาร $(px+a)(py+b)$ ลงตัวเราจะได้ว่า
$p$ หาร $p^2xy+pay+pxb+ab$ ลงตัวด้วย
เนื่องจาก p หาร $p^2xy+pay+pxb$ ลงตัวอยู่แล้วเราจึงได้ว่า
$p$ ต้องหาร $ab$ ลงตัว และเนื่องจาก $p$ เป็นจำนวนเฉพาะจึงไม่สามารถแยกตัวประกอบได้จึงได้ว่า
$a,b$ ต้องมีซักตัวที่ $({a,b},p)=p$
WLOG
ให้ $a=pn$
เห็นได้ว่า
$m=px+pn=p(x+n) $นั้นคือ p หาร m ลงตัวนั้นเอง
ผมว่าการพิสูจน์อันนี้มันเป็นการให้เหตุผลแบบงูกินหางนะครับ

ถ้าหากเราอ้างได้ว่า

"$p$ ต้องหาร $ab$ ลงตัว และเนื่องจาก $p$ เป็นจำนวนเฉพาะจึงไม่สามารถแยกตัวประกอบได้จึงได้ว่า $a,b$ ต้องมีซักตัวที่ $(\{a,b\},p)=p$"

เราก็อ้างแบบนี้ได้ตั้งแต่แรกเลย โดยแทน $a$ ด้วย $m$ และแทน $b$ ด้วย $n$ ไม่ต้องไปแปลงต่อให้ยุ่งยาก
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #9  
Old 19 พฤศจิกายน 2008, 15:07
RoSe-JoKer's Avatar
RoSe-JoKer RoSe-JoKer ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 พฤศจิกายน 2007
ข้อความ: 390
RoSe-JoKer is on a distinguished road
Default

ครับ รับทราบแล้วครับ
__________________
Rose_joker @Thailand
Serendipity
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #10  
Old 05 ธันวาคม 2008, 03:45
toota toota ไม่อยู่ในระบบ
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 28 กุมภาพันธ์ 2007
ข้อความ: 4
toota is on a distinguished road
Default

พิสูจน์ตามความเห็นที่ 5 ครับ
ให้ $p|mn$ และ $p\not | m$ แล้ว
$mn = pq \exists q \in \mathbb{Z}$ และ $m = pq_1+r_1 \exists q_1 \in \mathbb{Z}$ และ $\exists r_1 \in \mathbb{N}$ โดยที่ $0<r_1<p$
ดังนั้น $mn = npq_1 + nr_1$ แต่เนื่องจาก $mn = pq$
เพราะฉะนั้น $nr_1 = pq_2 \exists q_2 \in \mathbb{Z}$
แต่เนื่องจาก $0<r_1<p$ ดังนั้น $p|n$

05 ธันวาคม 2008 03:47 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ toota
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #11  
Old 05 ธันวาคม 2008, 21:25
คusักคณิm's Avatar
คusักคณิm คusักคณิm ไม่อยู่ในระบบ
เทพยุทธ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 28 มีนาคม 2008
ข้อความ: 4,888
คusักคณิm is on a distinguished road
Talking

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ [SIL] View Post
เอ่อ การแทนค่าเค้าไม่ยอมรับในคณิตศาสตร์ใช่ป่ะครับ
การแทนค่าแบบคณิตศาสตร์ก็มี
เขาเรียกว่า trial and error หรือการลองผิดลองถูก
ดูเพิ่มtrial and error
link: http://en.wikipedia.org/wiki/Trial_and_error
อ้างอิง:
สามารถเขียนได้สองแบบ คือ Trial and error หรือ Trial by error ถ้าใช้ในทางคณิตศาสตร์ (algebra) นั่นก็คือ guess and check ถ้าใช้ในทางคอมพิวเตอร์ นั่นก็คือ generate and test.

ที่มาของคำนี้ โดยส่วนใหญ่ใช้ในทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง ตามทฤษฏีที่ได้ตั้งไว้เป็นสูตร มีอะไรบ้างที่สอดคล้องเป็นไปตามหลักนั้น ๆ ซึ่งข้อมูลที่ได้มานั้นมีที่มาก็จากกรากฐานเบื้องต้นของความเป็นคนช่างสงสัยของมนุษย์ แล้วถูกนำมาเป็นการตั้งสมมติฐานให้ได้ทดลองปฏิบัติ เมื่อลองนำมาปฏิบัติ ถ้าเป็นไปตามหลักการ นั่นก็คือ ถูก ถ้าไม่เป็นไปตามหลัก นั่นก็คือ ผิด แต่จะถูกหรือผิดนั้นไม่ใช่คำตอบของทางวิทยาศาสตร์ มันอาจเป็นเรื่องของตัวแปรต่าง ๆ ที่เข้ามาเป็นส่วนประกอบ เช่น ทฤษฎีชื่อดังของไอสไตน์ อี พลังงาน เท่ากับ มวลสาร คูณ ความเร็วแสง ซึ่งได้ถูกนำมาทดลองในเรื่องต่าง ๆ มากมาย

ปล. คนมันเทพ(ล้อเล้นนะ)
__________________
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #12  
Old 05 ธันวาคม 2008, 22:27
POSN_Psychoror's Avatar
POSN_Psychoror POSN_Psychoror ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าใหม่
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 ตุลาคม 2008
ข้อความ: 84
POSN_Psychoror is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ lanlaa View Post
รบกวนถามหน่อยนะคะ


พิสูจน์ว่า จำนวนเต็ม m,n ใดๆ แล้ว จำนวนเฉพาะ p,
ถ้า p|mn แล้ว p|m หรือ p|n


ช่วยพิสูจน์หน่อยค่ะ
ขอบคุนมากๆค่ะ
สิ่งที่เราต้องพิสูจน์จะสมมูลกับ "ถ้า $p\mid mn$ และ $p\nmid n$ แล้ว $p\mid m$
จาก $p\mid mn$ ได้ว่า จะมี $k$ ที่ทำให้ $mn=kp$
นั่นคือ $m=\frac{kp}{n}$
แต่จาก $m\in \mathbf{I} $ และ $n\nmid p$
แสดงว่า $n\mid k$
นั่นคือ $ p\mid m$ ตามต้องการ
__________________
I'm POSN_Psychoror...

05 ธันวาคม 2008 22:28 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ POSN_Psychoror
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #13  
Old 07 ธันวาคม 2008, 07:30
ปลากะพง ณ บาดาล's Avatar
ปลากะพง ณ บาดาล ปลากะพง ณ บาดาล ไม่อยู่ในระบบ
เริ่มฝึกวรยุทธ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 30 กันยายน 2007
ข้อความ: 21
ปลากะพง ณ บาดาล is on a distinguished road
Send a message via MSN to ปลากะพง ณ บาดาล Send a message via Skype™ to ปลากะพง ณ บาดาล
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ toota View Post
พิสูจน์ตามความเห็นที่ 5 ครับ
ให้ $p|mn$ และ $p\not | m$ แล้ว
$mn = pq \exists q \in \mathbb{Z}$ และ $m = pq_1+r_1 \exists q_1 \in \mathbb{Z}$ และ $\exists r_1 \in \mathbb{N}$ โดยที่ $0<r_1<p$
ดังนั้น $mn = npq_1 + nr_1$ แต่เนื่องจาก $mn = pq$
เพราะฉะนั้น $nr_1 = pq_2 \exists q_2 \in \mathbb{Z}$
แต่เนื่องจาก $0<r_1<p$ ดังนั้น $p|n$
ผมยังงงบรรทัดสุดท้ายครับ จาก $nr_1 = pq_2$ กับ $0<r_1<p$ แล้วทำไม $p\mid n$ ครับ?

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ POSN_Psychoror View Post
สิ่งที่เราต้องพิสูจน์จะสมมูลกับ "ถ้า $p\mid mn$ และ $p\nmid n$ แล้ว $p\mid m$
จาก $p\mid mn$ ได้ว่า จะมี $k$ ที่ทำให้ $mn=kp$
นั่นคือ $m=\frac{kp}{n}$
แต่จาก $m\in \mathbf{I} $ และ $n\nmid p$
แสดงว่า $n\mid k$
นั่นคือ $ p\mid m$ ตามต้องการ
ตรง $m=\frac{kp}{n}$ กับ $n\nmid p$ แล้วสรุปว่า $n\mid k$ ผมว่ามันแปลกๆ อยู่นะ
อืม.. ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่ต้องทำข้างบนยาวๆ ก็ได้ ผมแค่บอกว่า
จาก $\frac{mn}{p}$ เป็นจำนวนเต็ม และ $p\nmid m$ แสดงว่า $p\mid n$
ซึ่งใช้วิธีการอ้างเหตุผลเหมือนข้างบน

สิ่งที่อ้างคือความจริงสิ่งที่ต้องการพิสูจน์ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นการพิสูจน์แบบงูกินหางครับผม

วิธีการพิสูจน์ที่เจอในหนังสือของท่าน Euclid ลองอ่านที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Euclid%27s_lemma
__________________
<^)))>< ... <ปลากะพง ณ บาดาล> ... ><(((^>
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply


หัวข้อคล้ายคลึงกัน
หัวข้อ ผู้ตั้งหัวข้อ ห้อง คำตอบ ข้อความล่าสุด
Nice Ramanujan Infinite Product of Prime number Anonymous314 Calculus and Analysis 4 19 กุมภาพันธ์ 2009 05:17
ช่วย proof หน่อย natto คณิตศาสตร์อุดมศึกษา 1 06 สิงหาคม 2006 22:42
ปัญหาชิงรางวัลข้อที่ 16: Prime of the form 2^n-777149? warut คณิตศาสตร์อุดมศึกษา 6 26 กรกฎาคม 2006 17:30
ช่วย proof หน่อย natto ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป 3 26 กันยายน 2005 23:55
Proof ทฤษฎีจำนวน ให้หน่อย บาคุระ จัง ทฤษฎีจำนวน 4 24 สิงหาคม 2005 10:37


กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 16:18


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha