Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คณิตศาสตร์มัธยมศึกษา > ปัญหาคณิตศาสตร์ ม.ปลาย
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ค้นหา ข้อความวันนี้ ทำเครื่องหมายอ่านทุกห้องแล้ว

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #16  
Old 30 กันยายน 2010, 22:23
poper's Avatar
poper poper ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2010
ข้อความ: 2,643
poper is on a distinguished road
Send a message via MSN to poper
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ banker View Post
น่าจะเป็น $16\pi \ \ $ (รัศมี = 4 ไม่ใช่ 2)

ดังนั้นจึงตอบว่า $80 + 16\pi \ \ $
(พลาดจนได้)
ทำไมเป็น 16 ละครับ ช่วยอธิบายทีครับ รัศมีไม่น่าจะใช่ 4 นะครับ
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล
คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม
คณิตศาสตร์ คือ ความจริง
ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM

30 กันยายน 2010 22:25 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ poper
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #17  
Old 30 กันยายน 2010, 22:49
MiNd169's Avatar
MiNd169 MiNd169 ไม่อยู่ในระบบ
บัณฑิตฟ้า
 
วันที่สมัครสมาชิก: 15 สิงหาคม 2009
ข้อความ: 444
MiNd169 is on a distinguished road
Default

มันไม่เกิน 4 แน่นอนครับเพราะเราเอาวงกลม รัศมี 2 กลิ้งไป
ดังนั้นจะแผ่ความกว้างก็คือ 4
__________________
แข่งคณิตฯ คิดได้ ง่ายดายเหลือ
แข่งทุกเมื่อ ร้อนแรง แจ้งประจักษ์
รับรางวัล หลากหลาย มากมายนัก
แต่แข่งรัก ยากแท้ แพ้ใจเธอ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #18  
Old 30 กันยายน 2010, 23:02
หยินหยาง's Avatar
หยินหยาง หยินหยาง ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่จักรวาล
 
วันที่สมัครสมาชิก: 06 มกราคม 2007
ข้อความ: 2,921
หยินหยาง is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ poper View Post
ทำไมเป็น 16 ละครับ ช่วยอธิบายทีครับ รัศมีไม่น่าจะใช่ 4 นะครับ
เอาปี๊บที่คลุมหัวออกก่อนมั้ยครับจะได้ยินชัด
รัศมีของวงกลมที่กลิ้งคือ 2 แต่ระยะของพื้นที่ที่ห่างจากด้านห้าเหลี่ยมต้องเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมที่กลิ้งทำให้ 5 ส่วนตรงมุมห้าเหลี่ยมจึงเป็นส่วนของวงกลมที่มีรัศมีเท่ากับ 4 ถ้ายังไม่ชัดก็คงมาจากสาเหตุปี๊บที่คลุมหัวอยู่แน่นอน หมอหยินหยางฟันๆ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #19  
Old 30 กันยายน 2010, 23:17
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

เฉลยโดยอาจารย์กูเกิล
The size of the area that is covered by the circle, is equal to five squares with side 4 and five circular sectors (wedges) which together form a circle with radius 4.

วงกลมที่เกิดจากห้าเสี้ยวเท่ากับ$16\pi $
คำตอบคือ $16(5+\pi )$ เท่ากับ $80+16\pi $
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)

30 กันยายน 2010 23:19 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กิตติ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #20  
Old 30 กันยายน 2010, 23:18
poper's Avatar
poper poper ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 12 พฤษภาคม 2010
ข้อความ: 2,643
poper is on a distinguished road
Send a message via MSN to poper
Default

เก็ทล่ะครับ
มัวแต่ไปดูวงกลมที่มันตั้งอยู่บนจุดยอดอย่างเดียวก็เลยงงครับ
คุณหยินหยางเล่นฟันซะยับขนาดนั้นผมก็แย่สิครับ อนาคตท่าจะรุ่ง(ริ่ง)ซะแล้ว
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล
คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม
คณิตศาสตร์ คือ ความจริง
ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #21  
Old 01 ตุลาคม 2010, 18:44
~ArT_Ty~'s Avatar
~ArT_Ty~ ~ArT_Ty~ ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณไร้สภาพ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 03 กรกฎาคม 2010
ข้อความ: 1,081
~ArT_Ty~ is on a distinguished road
Default

หมดกัน จะรอดมั้ยเนี่ยค่าย 1

แค่นี้ก็ทำผิด T_T
__________________
...สีชมพูจะไม่จางด้วยเหงื่อ แต่จะจางด้วยนํ้าลาย...
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #22  
Old 01 ตุลาคม 2010, 20:18
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

อย่าคิดมากครับน้องอาร์ท.....อ่านที่ลายเซ็นต์ผมสิ แล้วจะเข้าใจความดีของการรู้จักล้ม รู้จักพลาด
พลาดตอนนี้ดีกว่าพลาดตอนสอบในค่าย...จริงบ่
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #23  
Old 02 ตุลาคม 2010, 14:47
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
DMO 2001
1.Determine all pairs of positive integers $(x, y)$ satisfying the equation
$3xy-2x-y=8$
จงหาจำนวนเต็มบวก $x,y$ ที่เป็นคำตอบของสมการ $3xy-2x-y=8$
ไหนข้อสอบข้อนี้คล้ายกับกับข้อสอบรอบแรกของ Belarusian MO 2000
รูปภาพที่แนบมาด้วย
 
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #24  
Old 02 ตุลาคม 2010, 22:57
{([Son'car])}'s Avatar
{([Son'car])} {([Son'car])} ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไว
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 ธันวาคม 2008
ข้อความ: 211
{([Son'car])} is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ กิตติ View Post
ไหนข้อสอบข้อนี้คล้ายกับกับข้อสอบรอบแรกของ Belarusian MO 2000
จาก$3xy-2x-y=8$
$y(3x-1)=2x+8$
$y=\frac{2(x+4)}{3x-1}$
จะเห็นว่า$2(x+4)$เป็นเลขคู่ดังนั้น$3x-1$ต้องเป็นเลขคู่ด้วยถ้า$3x-1$เป็นเลขคู่จะได้ว่า$x$เป็นเลขคี่
แทน$x$เป็น$2m+1$จะได้$y=\frac{2(2m+1+4)}{3(2m+1)-1}=\frac{2m+5}{3m+1} $
$2m+5\geqslant 3m+1ดังนั้น0\leqslant m\leqslant 4$จึงแทนmด้วย$0,1,2,3,4$ในสมการ$\frac{2m+5}{3m+1}$จะได้$m=0,4$เท่านั้นที่เป็นจำนวนเต็ม
ดังนั้นแทนmกลับจะได้$(x,y)=(1,5),(9,1)$วิธีนี้จะใช้ได้ปะครับมั่วไปนิดนึง
__________________
They always say time changes things. But you actually have to change them yourself.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #25  
Old 03 ตุลาคม 2010, 15:24
Siren-Of-Step's Avatar
Siren-Of-Step Siren-Of-Step ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 กันยายน 2009
ข้อความ: 2,081
Siren-Of-Step is on a distinguished road
Default

มาลองทำโจทย์นี้กันดูเถอะ
1. จงหาผลบวก $100 $พจน์แรกของอนุกรม $2*1+4*6+6*11 + ....$
2. ถ้า$m$และ$n$ เป็นคำตอบของสมการ $5y^4 - 36y^3 - 52y^2 + 72y + 20 = 0$ โดยที่ $m > n > 1$
แล้ว$m$มีค่าเท่าใด
__________________
Fortune Lady
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #26  
Old 03 ตุลาคม 2010, 16:04
{([Son'car])}'s Avatar
{([Son'car])} {([Son'car])} ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไว
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 ธันวาคม 2008
ข้อความ: 211
{([Son'car])} is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Siren-Of-Step View Post
มาลองทำโจทย์นี้กันดูเถอะ
1. จงหาผลบวก $100 $พจน์แรกของอนุกรม $2*1+4*6+6*11 + ....$
2. ถ้า$m$และ$n$ เป็นคำตอบของสมการ $5y^4 - 36y^3 - 52y^2 + 72y + 20 = 0$ โดยที่ $m > n > 1$
แล้ว$m$มีค่าเท่าใด
ข้อ1$2*1+4*6+6*11 + ....+(2n)(5n-4)$
$\sum_{n = 1}^{100} (2n)(5n-4)$
$\sum_{n = 1}^{100} 10n^2-8n$
$=\frac{10n(n+1)(2n+1)}{6}-\frac{8n(n+1)}{2} $
$=\frac{1000(100+1)(200+1)}{6}-\frac{800(100+1)}{2} $
$=3343100$
__________________
They always say time changes things. But you actually have to change them yourself.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #27  
Old 03 ตุลาคม 2010, 20:17
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

คำตอบของน้อง {([Son'car])} ถูกต้องครับ
ที่เฉลยเขาพยายามแยกเป็นพจน์คูณกันแบบที่น้องSirenทำ โดยเขาทำแบบนี้คือ เอา3คูณเข้าไปจะได้
$9xy-6x-3y=24$
$9xy-6x-3y+2=26$
$(3x-1)(3y-2) = 26$
เนื่องจาก$\quad 26= 1\times 26,\quad 26= 2\times 13\quad $
$\quad 1\times 26 = (3-2)(27-1) \quad \rightarrow \quad (x,y) = (9,1)\quad$
$\quad 2\times 13 = (3-1)(15-2)\quad \rightarrow \quad (x,y) = (1,5)\quad$

วิธีที่น้อง{([Son'car])}ทำก็ถือว่าโอเคนะ ผมว่าใช้ได้เลย ขอชมว่าดีกว่าที่เขาเฉลยอีก เพราะของเขาเล่นสรุปเอาดื้อๆเลย
ของน้องอ่านแล้วเข้าใจตามได้หลักตรรกะ

ของBMO 2000 จะไม่ลองทำดูหน่อยหรือครับ
$3xy-x-2y=8$
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)

03 ตุลาคม 2010 20:19 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 3 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กิตติ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #28  
Old 03 ตุลาคม 2010, 20:28
Siren-Of-Step's Avatar
Siren-Of-Step Siren-Of-Step ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 25 กันยายน 2009
ข้อความ: 2,081
Siren-Of-Step is on a distinguished road
Default

ลองใช้ แนวคิดแบบข้างต้น
$(3x-2)(3y-1)=26$ โจทย์กำหนด $x,y \in \mathbb{Z} , (x,y) = (5,1) ,(1,9) , (-8,0) , (0,-4)$
__________________
Fortune Lady
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #29  
Old 03 ตุลาคม 2010, 20:36
กิตติ's Avatar
กิตติ กิตติ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ธรรมชาติ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 08 พฤศจิกายน 2009
ข้อความ: 2,723
กิตติ is on a distinguished road
Default

ผมไม่มีเฉลยของBMO 2000 แต่ลองทำตามแนวคิดที่เฉลยในDMO 2001 แล้วได้คำตอบตามที่น้องSirenเฉลย
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก
ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม
"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย
ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #30  
Old 03 ตุลาคม 2010, 23:00
{([Son'car])}'s Avatar
{([Son'car])} {([Son'car])} ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ไว
 
วันที่สมัครสมาชิก: 10 ธันวาคม 2008
ข้อความ: 211
{([Son'car])} is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ กิตติ View Post
คำตอบของน้อง {([Son'car])} ถูกต้องครับ
ที่เฉลยเขาพยายามแยกเป็นพจน์คูณกันแบบที่น้องSirenทำ โดยเขาทำแบบนี้คือ เอา3คูณเข้าไปจะได้
$9xy-6x-3y=24$
$9xy-6x-3y+2=26$
$(3x-1)(3y-2) = 26$
เนื่องจาก$\quad 26= 1\times 26,\quad 26= 2\times 13\quad $
$\quad 1\times 26 = (3-2)(27-1) \quad \rightarrow \quad (x,y) = (9,1)\quad$
$\quad 2\times 13 = (3-1)(15-2)\quad \rightarrow \quad (x,y) = (1,5)\quad$

วิธีที่น้อง{([Son'car])}ทำก็ถือว่าโอเคนะ ผมว่าใช้ได้เลย ขอชมว่าดีกว่าที่เขาเฉลยอีก เพราะของเขาเล่นสรุปเอาดื้อๆเลย
ของน้องอ่านแล้วเข้าใจตามได้หลักตรรกะ

ของBMO 2000 จะไม่ลองทำดูหน่อยหรือครับ
$3xy-x-2y=8$
ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับ
แล้วข้อนี้ของพี่sirenคิดไงอะครับ

2. ถ้า$m$และ$n$ เป็นคำตอบของสมการ $5y^4 - 36y^3 - 52y^2 + 72y + 20 = 0$ โดยที่ $m > n > 1$
แล้ว$m$มีค่าเท่าใด
__________________
They always say time changes things. But you actually have to change them yourself.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply


เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
ค้นหาในหัวข้อนี้:

ค้นหาขั้นสูง

กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 22:00


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha