3rd TMO ณ ม.นเรศวร
มาแล้วครับ ค่ายสอวน. วันที่ 8 - 12 พฤษภาคม พ.ศ.2549 ณ ม.นเรศวร
หรือที่เรียกกันว่า การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิก ครั้งที่ 3 ข้อ 1,2,3 (solutions) link คิดผ่านพื้นที่ law of cosine,สมบัติของเส้นมัธยฐาน,steward ลองไล่มุมดูครับ หา $f(x)$ ออกมาก่อน โคชี ให้ $t=\sqrt{ab}+\sqrt{ac}+\sqrt{bc}$ แล้วหาความสัมพันธ์ s กับ t ดูครับ A.M-G.M Wilson ออยเลอร์ ฟี ฟังก์ชัน $9x+1=10^{1862}$ ออยเลอร์ ฟี ฟังก์ชัน เขียน x ในรูป n มอง A,B,C เป็นกล่อง |
เห็นข้ออสมการแล้วรู้สึกอยากทำยังไงก็ไม่รู้ :D
\[1+\frac{3}{ab+bc+ca} \geq 1+\frac{9}{(a+b+c)^2}\] \[1+\frac{9}{(a+b+c)^2} \geq \frac{6}{a+b+c} \iff (\frac{3}{a+b+c}-1)^2 \geq 0\] |
ข้อ 3 วันที่ 2 ครับ
ให้ $\omega^3=1$ แทน $x$ ด้วย $\omega$ และ $\omega^2$ ในสมการ จะได้ว่า \[\begin{array}{rcl} 2\omega P(1)+Q(1) &=& 0 \ \ \ldots(1) \\ 2\omega^2 P(1)+Q(1) &=& 0 \ \ \ldots(2) \end{array} \] $(1)+(2)$ จะได้ $Q(1)-P(1)=0$ ดังนั้น $x-1$ เป็นตัวประกอบของ $Q(x)-P(x)$ |
30 นาทีผ่านไป คุณ gools เกือบจะได้หรียญเงินแล้ว (หรือได้แล้วหว่า)
อิอิ :D |
เกณฑ์การให้รางวัลเป็นยังไงอ่ะครับ
|
อ้างอิง:
แบ่งผู้เข้าสอบเป็น 12 ส่วน ส่วนแรกได้เหรียญทอง (ดีเยี่ยม) 2 ส่วนถัดมาได้เหรียญเงิน (ดีมาก) 3 ส่วนถัดมาได้เหรียญทองแดง (ดี) อีก 6 ส่วน ได้รับเกียรติบัตรเข้าร่วมการแข่งขัน แล้วก็ 40 คนแรก ได้ผ่านไปสอบ สสวท. รอบสองโดยไม่ต้องสอบรอบแรก เหรียญทองจะตัดที่ 28 ครับ ส่วนเหรียญเงินผมไม่แน่ใจ และเหรีญทองแดง รู้สึกจะตัดที่ 7 :yum: |
ยังไม่ได้ดูทั้งหมด แต่แว้บมาปั่นกระทู้ก่อน :P
สามข้อแรกเสร็จผมกับคุณ Passer-by ไปแล้ว ขอเติมตอบอีกสามข้อก่อนละกัน 5. เมื่อแทน m=1,n=0 จะได้ว่า f(1)-f(0)=1 เพราะ $17|2006$ แต่ $17\not\vert1997$ ดังนั้น f(0)=2006/17=118 15. เพราะ 49x50<2549<50x51 ดังนั้นมี n ที่สอดคล้อง 49 ตัว |
ข้อ 8 ของพี่ nongtum ยังไม่ถูกครับ
$s^2=a+b+c+2\sum_{cyc}\sqrt{ab}=9+22=31$ ตรงนี้คับ $\sum_{cyc}\sqrt{ab}\not=\sum_{cyc}{ab}=11$ |
อ้าว ไม่ใช่ทั้ง 44 คนที่ได้เหรียญจะติดไปหมดเรยเหรอ
ผมนึกว่าเค้าเอา ทั้ง 44 แต่ tummykung บอกว่า 40 |
เหรียญทองตัดที่ 27 คับ เพราะเพื่อนผมที่ได้ อันดับสุดท้ายของเหรียญทองได้ 27 คะแนน ท็อปได้ 43 คะแนน และถ้าจำไม่ผิดเหรียญทองแดงตัดที่ 6 คะแนน และเหรียญเงินตัดที่ 15 คะแนน ครับ
|
14. $2549|n^{2545}-2541\ \Rightarrow\ 2549|n^3(n^{2545}-2541)$ เนื่องจาก 2549 เป็นจำนวนเฉพาะ โดย Fermat จะได้
$n^{2548}-2541n^3\equiv1+8n^3\pmod{2549}$ เนื่องจาก $8n^3+1=(2n+1)(4n^2-2n+1)$ และ $4n^2-2n+1=2549$ ไม่มีคำตอบเป็นจำนวนเต็ม ดังนั้นค่า n ที่น้อยที่สุดคือ (2549-1)/2=1274 |
ยังไม่ได้แก้ข้อ 8 แต่มาแปะเพิ่มอีกสี่ข้อครับ :p
4. ลาก PO, AB และให้ AQ=2x จะได้ AP=PB=3x, BQ=4x ให้ r เป็นรัศมีวงกลม ดังนั้น $(4x-r)^2=4x^2+r^2$ หรือ r=3x/2 เนื่องจาก ะQAC=ะCBA=ะOPB ในที่สุดจะได้ $\sin\hat{CAQ}=1/\sqrt5$ 6. แทน (0,0) ได้ $f(1)=f(1)+2(f(0))^2$ ดังนั้น $f(0)=0$ แทน (x,0) ได้ $f(\cos x)=\cos x\; f(1)$ แทน cos x ด้วย z จะได้ $f(z)=f(1)z$ แทน $(\pi,0)$ ได้ $f(-1)=-f(1)$ แทน $(\pi/2,\pi/2)$ จะได้ $2(f(1))^2=f(-1)$ ในที่สุดจะได้ว่า f(1)=-1/2 และ $f(\frac{2006}{2549})=-\frac{1003}{2549}$ 10. โดย Wilson จะได้ $(29-1)!\equiv28\cdot27!\equiv28\pmod{29}$ ซึ่งหมายถึง $27!\equiv1\pmod{29}$ $27\cdot26!\equiv-2\cdot26\equiv1\pmod{29}$ ดังนั้น $26!\equiv14\pmod{29}$ $2^5\equiv3(29),\ 2^{25}\equiv243\equiv11(29)\ \Rightarrow\ 2^{26}\equiv-7\pmod{29}$ $7^3\equiv343\equiv-5(29),\ 7^6\equiv25\equiv-4(29),\ 7^{24}\equiv256\equiv-5\pmod{29}$ ดังนั้น $7^{26}\equiv(-9)(-5)=45\equiv16\pmod{29}$ $\Rightarrow\ (26!)^{26}\equiv14^{26}\equiv16\cdot(-7)\equiv4\pmod{29}$ ดังนั้นเศษจากการหารที่ต้องการคือ 4+1=5 12. |
ข้อ 12
$a_1=210$ ไม่ใช่ $710$ คับ ข้อนี้ผมก็ตอบ 2 ไป (เพราะคิดไม่ออก T_T) แต่ไปถามเพื่อนเค้าตอบ 14 อะครับ ไม่ทราบว่า ทำอย่างไรครับ (ผมไม่กล้ากระจาย $a_2,a_3$ อะคับ กลัวเลขเยอะ) |
เอ้า แก้กันอีกรอบ
12. $a_1=210,\ 3\not\vert{a_2},\ 5\not\vert{a_2},\ 2|a_n\ \forall n$ เราจะแสดงว่า $7|a_n\ \forall n$ $2^3\equiv1\pmod7\ \Rightarrow\ 2^{3n}\equiv1\pmod7\ \Rightarrow\ 4\cdot2^{3n}=2^{3n+2}\equiv2^{3n-1}\equiv4\pmod7$ $3^6\equiv1\pmod7\ \Rightarrow\ 3^{6n}\equiv1\pmod7\ \Rightarrow\ 81\cdot3^{6n}\equiv3^{6n-2}\equiv81\equiv-3\pmod7$ $5^6\equiv1\pmod7\ \Rightarrow\ 5^{6n}\equiv1\pmod7\ \Rightarrow\ 5^{6n-3}\equiv125\equiv-1\pmod7$ รวมเศษที่ได้เป็นอันเสร็จพิธี |
ตอนที่ 1
7. By Cauchy schwarz's inequality $ 1=\frac{x}{2}+\frac{x}{2}+\frac{y}{3}+ \frac{y}{3}+ \frac{y}{3}+ \frac{z}{4}+\frac{z}{4}+ \frac{z}{4}+ \frac{z}{4} \leq \sqrt{2x^2+3y^2+4z^2}\sqrt{2(\frac{1}{4})+3(\frac{1}{9})+4(\frac{1}{16})} $ หรือ $ 2x^2+3y^2+4z^2 \geq \frac{12}{13} $ และ สมการเป็นจริง เมื่อ มี l>0 ซึ่ง x=l/2 y=l/3 z=l/4 แก้สมการ และแทนค่ากลับไป จะได้ x= 6/13 8. ให้ $ t=\sqrt{ab}+\sqrt{bc}+\sqrt{ca} $ จากโจทย์จะได้ $ s^2 = (a+b+c) + 2t = 9+2t $ ขณะเดียวกัน $ t^2= (ab+bc+ca)+ 2\sqrt{abc}(s) = 11 +2s $ กำจัด t ให้หมดไป จะได้ $ s^4-18s^2-8s = -37 $ 9. พิจารณา $ \frac{(n+1)^3}{n(n-1)} - \frac{(n-1)^3}{n(n+1)} = \frac{1}{n}\bigg (\frac{(n+1)^4-(n-1)^4}{n^2-1} \bigg ) = \frac{1}{n}\bigg (\frac{8n(n^2+1)}{n^2-1}\bigg )= 8(1+\frac{2}{n^2-1}) $ ถ้า n= 2548 เทอมในวงเล็บจะเข้าใกล้ 1 ดังนั้น คำตอบข้อนี้ คือ 8 13. ให้ x แทนจำนวนดังกล่าว ดังนั้น $ 10^{1862}-1 = 9x $ By Fermat's little theorem $ 10^{58}\equiv 1\pmod {59} $ และ $ 10^{16}\equiv 1\pmod {17} $ เพราะ $1856 = 2\cdot 58 \cdot 16 $ ดังนั้น $ 10^{1856}\equiv 1 \pmod {59} $ และ $ 10^{1856}\equiv 1 \pmod {17} $ และเพราะ (59,17)=1 ทำให้ $ 10^{1856} \equiv 1 \pmod {59\cdot 17} $ ดังนั้น $ 10^{1862}-1 \equiv 10^6-1 \pmod {59\cdot 17} $ หรือ $ 9x \equiv 10^6-1 \pmod {1003} \equiv (10^3+1)(10^3-1) \pmod {1003} \equiv 9(111)(1001) \pmod {1003} \equiv 9(111)(1003)- 9(111)(2) \pmod {1003} $ Simplify เป็น $ x \equiv -222 \pmod {1003} \equiv 781 \pmod {1003}$ ขณะเดียวกัน $ x \equiv 781 \pmod {2} $ ด้วย และเพราะ (1003,2)=1 ดังนั้น $ x \equiv 781 \pmod {2006} $ คำตอบ คือ 781 18. แปลงปัญหาเป็น มีวิธีเลือก เลข 10 ตัว จาก {1,2,...,31} กี่วิธีที่ ไม่มี 2 ตัวใดติดกัน สมมติมีเลข 1 10 ตัว และเลข 0 อีก 21 ตัว จำนวนวิธีเรียงเลข 0,1 ดังกล่าว โดย 1 แยกกันหมด หรือ $ {22 \choose 10}$จะเทียบเท่ากับคำตอบ ข้อนี้ (โดยให้หลักซ้ายสุดคือเลข 1 นับไปเรื่อยๆ จนถึงหลักขวาสุด คือ เลข 31) ตอนที่ 2 4. ข้อนี้เป็นคำถามยอดฮิตใน combinatorics เลยครับ คาดว่าคนตั้งโจทย์คงดัดแปลงมาจาก คำถามที่ว่า ถ้าระบายสี 2 สี บน lattice grid แล้วจะมีสี่เหลี่ยมมุมฉากอย่างน้อย 1 รูป ที่จุดมุม ทาสีเดียวกัน เนื่องจาก กลุ่มหนึ่งมี 7 คน โดยหลักรังนกพิราบ จะมีอย่างน้อย 4 คนที่เพศเดียวกัน สมมติเป็นชาย พิจารณาสมาชิกกลุ่มที่เหลืออีก 3 กลุ่มที่มีหมายเลข ตรงกับ 4 คนดังกล่าว (เท่ากับคิดเฉพาะ 12 คนนี้) แล้วแบ่งเป็น 2 กรณี (1) ถ้า มี 2 คนในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เหลือ มี เพศชาย , proof complete (2) สำหรับแต่ละกลุ่มที่เหลือ ถ้ามีสมาชิกอย่างมาก 1 คน เป็นชาย หรือเท่ากับว่า อย่างน้อย 3 คนเป็นหญิง ก็จะหาคุณสมบัติที่โจทย์ต้องการได้เช่นกัน สำหรับกรณีเพศหญิง ข้อนี้อธิบายยากจัง :dry: ถ้าใครไม่เข้าใจ ลองวาดรูปตามหรือดูจาก lattice grid จะง่ายที่สุดครับ ข้อ 16 ตอบ 72549 หรือเปล่าครับ p.s. น้อง tummykung check pm ด้วยครับ |
คุณ Passer-by แก้หา x ผิดหรือเปล่า เพราะจากเงื่อนไขด้านบน ผมได้ $\lambda(\frac12+\frac13+\frac14)=\frac{13}{12}\lambda=\frac{12}{13}$ ซึ่งจะได้ $\lambda=(\frac{12}{13})^2$ และ x=72/169
สุดยอดมากครับ ทั้งคุณ Passer-by น้อง Tummykun และน้อง Gools :great: |
จากโจทย์ x+y+z =1 นะคร้าบ
|
ตอนที่ 2 ข้อ 5 ยากจัง
คัยทำได้มั่งคับ แสดง ให้ดูหน่อยซิคับ |
เท่าที่ดูมา คำตอบของพี่ Passer-by ไม่มีปัญหาเลยครับ :great:
ตอนที่ 2 ข้อ 4 (Alternate) สร้างตารางขนาด $4\times 7$ โดยแต่ละแถวเป็นกลุ่ม แต่ละคอลัมน์เป็นเลขที่ ผมตั้งสมมติฐานครับ ว่า ไม่มีอย่างที่โจทย์ต้องการ นั่นคือ มี อย่างมาก 1 คู่ จากสองแถว ที่อยู่ในคอลัมน์เดียวกัน และเป็นเพศเดียวกัน โดยหลักรังนกพิราบ ในแต่ละแถวจะต้องมีเพศเดียวกันอย่างน้อย 4 คน ซึ่งเป็นเพศที่มากกว่า (ผมเรียกเพศนี้ว่า "เพศเอก" ของแต่ละแถว) เนื่องจากเพศเอกมีได้ 2 เพศ (ช/ญ) ดังนั้น 4 แถว โดยหลักรังนกพิราบจะได้ว่า มีเพศเอกเป็นเพศเดียวกัน อย่างน้อย 2 แถว สมมติว่าเพศชาย เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับสมมติฐาน 2 แถวที่มีเพศเอกป็นเพศชายนั้น จะวางตรงกัน 1 คู่ อีก 3 คน จะต้องไม่ตรงกัน และคนที่เหลือในแถวนั้นต้องเป็นเพศหญิงหมด แถวที่เหลือ หากมีเพศชายเป็นเพศเอกอีก สมมติฐานจะขัดแย้ง ถ้าเป็นเพศหญิง สมมติฐานก็ขัดแย้งอยู่ดี เป็นอันจบการพิสูจน์ ท แหะๆ ดูจะยุ่งยากกว่าของพี่ Passer-by มากทีเดียว แต่ก็พอจะเป็นอีกแนวคิดละกันครับ |
ตอนที่ 2 ข้อ1 คับ
สมมติมีจำนวนนับที่เรียงถัดกัน 3 จำนวน ที่สอดคล้องเงื่อนไข ให้ A เป็นจำนวนที่ 2 (จำนวนตรงกลาง) จะได้จำนวนดังกล่าวคือ (A-1)(A)(A+1) = A(A2-1) เนื่องจาก (A,A2-1) = 1 ดังนั้น A=a2 ,A2-1 = b2 $a,bฮN ซึ่งจาก case A2-1 = b2 พบว่าเป็นไปไม่ได้ จึงเกิดข้อขัดแย้งขึ้น จบการพิสูจน์คับ |
ข้อ 16 ผมคิดแบบ กำปั้นทุบดินมากๆ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า
ถ้าพิจารณา แผนภาพ Venn-Euler ของ AศBศC พบว่ามี 7 บริเวณ และ เลข 1-2549 ต้องบรรจุในแผนภาพนี้ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ดังนั้นเลข 1 ตัว มีทางเลือก 7 แบบ สรุปว่ามีวิธีสร้างเซต A,B,C ได้ 72549 วิธี เท่าที่ดูมาทั้งหมด ผมว่า ข้อ 5 ตอนที่ 2 ยากที่สุดแล้วมั้งครับ (ยากพอๆกับ ข้อ composite function ของ TMO ปีที่แล้วเลย) รอเซียน Number theory มาตอบดีกว่า แล้วก็ขอถามน้องที่ไปแข่งมาน่ะครับ ว่า คะแนนเต็มแต่ละข้อ เท่าไหร่บ้าง ตอนนี้เหลือ ข้อ 11,17 (ตอนที่ 1) และข้อ 2,5 (ตอนที่ 2) เซียนๆทั้งหลาย รีบมา post กันนะครับ |
ข้อ 5. ตอนที่ 2 มาแนวเดียวกับ IMO 2005 ข้อ 4. (ดูได้ที่ ข้อ 7. Number Theory มาราธอน ครับ) แต่ยากกว่า!
ให้ $p=2549$ ดังนั้น $p$ เป็นจำนวนเฉพาะ ให้ $m=(p-3)/2$ และ $n=p-2$ จะเห็นว่า $(m,n)=1$ เพราะ $n-2m=1$ ให้สังเกตว่า $$(25\cdot 49)((25\cdot 49)^m +25^n- 2\cdot49^n) $$ $$ =(5\cdot7)^{p-1}+ 49\cdot 25^{p-1} -2\cdot25 \cdot49^{p-1}$$ $$ \equiv1+49-2\cdot25 \equiv 0 \pmod p$$ เราจึงได้ว่า $2549 \mid (25\cdot 49)^m +25^n- 2\cdot49^n$ ตามที่ต้องการครับ :) |
ตอนที่ 2 ข้อ 2
กำหนด ะBAQ=x=ะQPC, ะAQR=ะRQC=y, ะPAQ=z=ะACQ, ะAQB=w ดังนั้นจะได้ว่า $\displaystyle\frac{\sin y}{RC}=\frac{\sin z}{QR},\quad\frac{\sin y}{AR} =\frac{\sin z}{QR} \quad\Rightarrow\quad\frac{AR}{RC}=\frac{\sin z}{\sin x}=:k$ $\displaystyle\frac{\sin z}{PQ}=\frac{\sin (180-w)}{PA}=\frac{\sin w}{PA}, \quad\frac{\sin x}{PQ}=\frac{\sin (2y-w)}{PA} \quad\Rightarrow\quad\frac{\sin z}{\sin x}=\frac{\sin w}{\sin (2y-w)}$ $\displaystyle\frac{\sin w}{AB}=\frac{\sin x}{QB},\quad\frac{\sin (2y-w)}{BC} =\frac{\sin z}{QB} \quad\Rightarrow\quad\frac{AB}{BC}=\frac{\sin w}{\sin (2y-w)}\cdot\frac{\sin z}{\sin x}=k^2$ จบการพิสูจน์ :tired: |
ผมทำตอนที่ 1 ข้อ 17 แล้วกัน ตอบ 16 วิธี
ใครลองทำดูแล้วตรวจดูด้วยนะครับ.;) สมมติให้ A, B, C D, E, F เป็นสมาชิกที่แตกต่างกันของเซต {1, 2, 3, 4, 5, 6} เมื่อพิจารณาค่า A จะพบว่า A = 1 เท่านั้นที่เป็นไปได้ เมื่อพิจารณาค่า B จะพบว่า B = 2, 3, 4 เท่านั้นที่เป็นไปได้ เพราะถ้า B = 5 แล้วสมาชิกที่เหลือคือ 2, 3, 4, 6 จะต้องมีอย่างน้อย 2 จำนวน (D, E) ที่มีค่ามากกว่า 5 ซึ่งไม่มี ในทำนอง B = 6 ก็เช่นเดียวกัน จึงมีกรณีที่ต้องพิจารณาทั้งหมด 3 กรณีใหญ่ ๆ กรณีที่ 1 , B = 2 มีกรณีย่อยที่ต้องพิจารณาอีก 2 กรณีคือ C = 3 หรือ 4 ด้วยเหตุผลเดียวกับที่พิจารณาค่าของ B กรณีที่ 1.1 , C = 3 : D, E, F จะอยู่ใน {4, 5, 6} ซึ่งสามารถสลับที่ได้ทั้งหมด 3! วิธี กรณีที่ 1.2 , C = 4 เนื่องจาก 4 ต้องน้อยกว่าทั้ง E และ F ดังนั้น E กับ F จะต้องเป็น 5 หรือ 6 และ D = 3 เท่านั้น ดังนั้น คำตอบในกรณีนี้จะมี 2! วิธี กรณีที่ 2 , B = 3 มีกรณีย่อยที่ต้องพิจารณาอีก 2 กรณีคือ C = 2 หรือ 4 ด้วยเหตุผลเดียวกับที่พิจารณาค่าของ B กรณีที่ 2.1 , C = 2 จำนวนคำตอบจะเท่ากับกรณีที่ 1.1 คือ 3! วิธี กรณีที่ 2.2 , C = 4 จะพบว่ากรณีนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะ E กับ F จะต้องเป็น 5 หรือ 6 เท่านั้น ซึ่งทำให้ D = 2 กรณีที่ 3 , B = 4 มีกรณีย่อยที่ต้องพิจารณาอีก 2 กรณีคือ C = 2 หรือ 3 ด้วยเหตุผลเดียวกับที่พิจารณาค่าของ B กรณีที่ 3.1 , C = 2 จำนวนคำตอบจะเท่ากับกรณีที่ 1.2 คือ 2! วิธี กรณีที่ 3.2 , C = 3 จะพบว่ากรณีนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะ D กับ E จะต้องเป็น 5 หรือ 6 เท่านั้น ซึ่งทำให้ F = 2 ดังนั้นคำตอบทั้งหมดจึงเป็น 3! + 2! + 3! + 2! = 16 วิธี :mad: |
11. จาก $2006\equiv4\pmod{13},\ 4^{12}\equiv1\pmod{13}$ และ $2^{12}=4^6\equiv1\pmod{13}$ จะได้ว่า
$4^{(6k+1)^2-1}=(4^{12})^{3k^2+k}\equiv1\pmod{13}$ และ $4^{(6k+5)^2-1}=(4^6)^{6k^2+10k+4}\equiv1\pmod{13}$ ดังนั้น $\prod_{i=1}^{2549}\;2006^{{p_i}^2-1} \equiv4^{3+8}\prod_{i=3}^{2549}\;2006^{{p_i}^2-1}\equiv4^5\cdot1=10\pmod{13}$ edit: ตก 3 ไปได้ไงเนี่ย... :eek: |
ตอนที่ 2 ข้อ 2 (Alternative solution)
ให้ $ C \hat{A}Q= x \quad A\hat{C}Q= z \quad A\hat{P}Q= \theta_1 \quad Q\hat{P}C= \theta_2 $ จากที่คุณ nongtum ทำไว้ $ \frac{AR}{RC}= \frac{\sin z}{\sin x} $ จากนั้น ใช้ law of sine กับสามเหลี่ยม APQ และ PQC จะได้ $\frac{AQ}{\sin\theta_1}=\frac{PQ}{\sin (\pi-z)} \,\, \text{and} \,\, \frac{QC}{\sin \theta_2}=\frac{PQ}{\sin (\pi-x)} \rightarrow (\frac{\sin \theta_1}{\sin \theta_2})(\frac{QC}{AQ})=\frac{\sin z}{\sin x}=\frac{AR}{RC} \cdots (1) $ ประกอบกับการเทียบพื้นที่ในสามเหลี่ยมย่อยใน APC และ AQC จะได้ความสัมพันธ์ $ \frac{AR}{RC}=\frac{AQ}{QC} \cdots (2) $ $ \frac{AB}{BC}=\frac{\sin\theta_1}{\sin\theta_2} \cdots(3) $ จาก (2) ,(3) แทนใน (1) จะได้สิ่งที่โจทย์ต้องการ ส่วนข้อ 11 ตอนที่ 1 ผมว่าคุณ nongtum ลืมพิจารณาจำนวนเฉพาะ 3 ไปนะครับ เพราะ 6kฑ1 ไม่ cover เลข 3 และบรรทัดสุดท้าย น่าจะเป็น -1 ที่อยู่หน้าเครื่องหมาย product นะครับ ไม่น่าจะเป็นเลข 4 p.s. สำหรับน้องที่ผ่านรอบนี้แล้ว และอยากเพิ่มศักยภาพให้ตัวเอง ลองไปหาข้อสอบ training olympiad ของจีน มาลองทำดูก็ดีครับ ผมว่าโหดสุดๆแล้ว |
ขอบคุณสำหรับคำท้วงติงครับ แก้คราวนี้หวังว่าจะไม่มีที่ผิด แต่ถ้ายังเจอหรือมีวิธีทำที่ต่างจากนี้ก็บอกกันได้ครับ
1. ข้อสอบชุดนี้มีข้อที่ต้องใช้ Little Fermat ช่วยตั้งสี่ห้าข้อ ไม่อยากนึกเลยว่าหากต้องไปนั่งสอบด้วยจริงจะทำได้อย่างนี้ไหม อยากรู้เหมือนกันว่าแต่ละข้อมันกี่คะแนน :o 2. เพิ่มลิงค์ TMO 3rd ในหน้ารวมลิงค์ข้อสอบแล้วนะครับ |
ข้อ 17. ตอนที่ 1 ผม simplify วิธีคิดของคุณ gon ได้โดยแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้ครับ
กรณีที่ 1 แถวกลางเป็นเลข 2 กับ 3 ดังนั้นแถวกลางจึงเรียงได้ 2! วิธี: 2,3 กับ 3,2 ส่วนแถวล่างซึ่งประกอบด้วย 4, 5, 6 จะเรียงได้ 3! วิธี ดังนั้นในกรณีที่ 1 นี้จึงต่อตัวได้ทั้งหมด 2!3! วิธี กรณีที่ 2 แถวกลางเป็นเลข 2 กับ 4 ดังนั้นแถวกลางจึงเรียงได้ 2! วิธี: 2,4 กับ 4,2 ส่วนแถวล่างซึ่งประกอบด้วย 3, 5, 6 จะเรียงได้ 2! วิธี เพราะเราทำได้แค่สลับ 5 กับ 6 ใต้ 4 เท่านั้น ดังนั้นในกรณีที่ 2 นี้จึงต่อตัวได้ทั้งหมด 2!2! วิธี รวมต่อตัวได้ 2!3! + 2!2! = 16 วิธีครับ :) |
ตอนแรก (เติมคำตอบ) 18 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน รวม 18 คะแนน
ตอนที่สอง (แสดงวิธีทำ) 6 ข้อ ข้อละ 7 คะแนน รวม 42 คะแนน รวมสองวัน 60 คะแนน ปล.ข้อ 5 พี่ warut ทำยังไงถึงจะรู้ว่าให้ m,n เท่ากับตัวนั้นอะครับ :D |
ใช้การลองผิดลองถูก บวกกับประสบการณ์ที่ได้จากการทำโจทย์ IMO ข้อนั้นครับ
Edit: ลืมบอกไปว่า ค่าของ m, n ที่ผมใช้นั่น ถ้าสลับกันก็ยังใช้ได้ครับ |
ข้อสอบโอลิมปิกสอวน. ภาคอัตนัย(แสดงวิธีทำ)
กับข้อสอบคัดเลือกโอลิมปิกสสวท. รอบที่2 อันไหนยากกว่ากันหรือครับ? |
ผมคิดว่าข้อ 2 อาจจะทำได้มากกว่า 5 วิธีอีกนะครับ (รวมวิธีของคุณ passer-by กับคุณ nongtum ผมเห็นมา 4 วิธีแล้ว) ส่วนวิธีของผมตอนสอบผมทำดังนี้
ให้ ะQAC = x ะQCA = y จากสมบัติวงกลมจะได้ ะPCQ = ะQAC = x ะPAQ =ะQCA = y จาก law of sine กับ สามเหลี่ยม AQC จะได้ $\frac{AQ}{QC}$ = $\frac{siny}{sinx}$ \$\frac{AB}{BC}$ = $\frac{[PAQ]}{[PCQ]}$ = $\frac{AQsiny}{QCsinx}$ (โดยสูตรพท.สามเหลี่ยม)= $\frac{AQ^{ 2 }}{QC^{ 2 }}$ =$\frac{AR^{ 2 }}{RC^{ 2 }}$ ตามต้องการ ส่วนอีกวิธีนึงใช้สามเหลี่ยมคล้ายครับ |
ตอบคุณ zzz010307 ผมคิดว่ายากพอๆ กันครับ
|
อ้างอิง:
ผมคิดว่า $4n^2-2n+1$ ไม่จำเป็นต้องเป็น 2549 น่ะครับ เป็นพหุคูณของ 2549 ก็ได้ เพระผมทำได้ว่า $(2n-1)(4n^2-2n+1)\equiv 0\pmod{2549}$ ก็เลยแบ่งกรณีเป็น $2n-1\equiv 0\pmod{2549}$ หรือ $4n^2-2n+1\equiv 0\pmod{2549}$ กรณีแรกไม่มีปัญหา ผมเลยคิดว่าน่าจะพิสูจน์ให้ได้ว่า ไม่มีจำนวนนับใดตั้งแต่ $1-1273$ ที่ทำให้ $4n^2-2n+1\equiv 0\pmod{2549}$ ถึงจะได้ว่าค่าน้อยสุดคือ $1274$ อ่ะครับ หรือว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่...? :confused: |
ผมเห็นด้วยกับที่คุณ Mathophile พูดมาทั้งหมดครับ ข้อนี้อาจต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับ quadratic residue หรือ อาจต้องใช้ถึง quadratic reciprocity law ถ้าไม่มีใครมาตอบ ว่างๆผมจะลองคิดดูครับ
|
ผมว่าตรงนี้ยังไม่ต้องใช้ทฤษฏีอะไรสูงมากนักครับ :happy:
$\large \text{สมมติให้ } 4n^2-2n+1\equiv 0\pmod{2549}$ $\mathbb{\qquad...(1)}$ ได้ $8n^3+1\equiv 0\pmod{2549}$ นั่นคือ $ (2n)^3\equiv-1\pmod{2549}$ จาก $ (2n)^{\phi(2549)=2548}\equiv-1\pmod{2549}$ ได้ว่า $-1\equiv (2n)^{1699(3)}=(2n)^{2(2548)+1}\equiv 2n\pmod{2549}$ นั่นคือ $2n+1 \equiv 0\pmod{2549} \qquad\mathbb{...(2)}$ ซึ่ง $\gcd(2n+1,4n^2-2n+1)$ $=\gcd(2n+1,4n^2-2n+1-(2n-1)(2n+1))$ $=\gcd(2n+1,-2n+2)$ $=\gcd(2n+1,3)$ $\leq 3$ จาก $(1)$ และ $(2)$ ได้ $\gcd(2n+1,4n^2-2n+1) \geq 2549$ เกิดข้อขัดแย้ง ดังนั้น $2549\not|4n^2-2n+1 \qquad \forall n\in \mathbb{Z}$ |
สวยงามมากครับ คุณ R-Tummykung de Lamar กลับมาคราวนี้เก่งขึ้นเยอะเลย :great:
แต่ว่า $(2n)^{2548}\equiv1\pmod{2549}$ ครับ และควรจะบอกด้วยว่าเราได้ตรงนี้มา เพราะเรารู้ว่า $2549\!\not|\;n$ เนื่องจาก $$n\equiv0\pmod{2549} \quad \Rightarrow \quad 8n^3+1 \not\equiv 0\pmod{2549}$$ และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Euler's $\phi$ function ด้วย เพราะตรงนี้เราใช้แค่ Fermat's Little Theorem ก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้ Euler-Fermat Theorem ครับ ส่วนการพิสูจน์ว่า $$ 2n+1 \equiv0 \pmod{2549} \quad \Rightarrow \quad 4n^2-2n+1 \not\equiv0 \pmod{2549}$$ จะให้เหตุผลโดยใช้ความสัมพันธ์ $$ (4n^2-2n+1) - (2n-2)(2n+1) =3$$ ก็ได้ครับ |
ขอบคุณ คุณ R-Tummykung de Lamar และคุณ warut มากเลยครับ
|
อ้างอิง:
|
อยากได้ของศูนย์ มช มีบ้างมั้ยๆ
|
เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 00:06 |
Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha