![]() |
ขอถามพื้นฐานหน่อยครับว่าดิฟคืออะไรครับ
คือผมศึกษาเลขด้วยตัวเองแล้วไม่เข้าใจครับว่าจริงๆแล้วดิฟเนี่ยคืออะไรกันแน่
แบบว่าถ้าดิฟคือความเปลี่ยนแปลงมันก็น่าจะมีจุุดเริ่มต้นแล้วก็จุดสิ้นสุดเอามาเทียบกัน แต่ถ้าเราซอยเล็กลงไปเรื่อยๆจนเป็นจุดงั้นความเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเป็นมุมความชันของกราฟที่น่าจะมีหน่วยเป็นองศา คืออยากรู้ครับว่าถ้าอธิบายจากกราฟแล้วดิฟมันอยู่ตรงไหนครับติดตรงนี้มานานมีใครช่วยอธิบายให้หน่อยได้ไหมครับ |
ความชันของเส้นที่สัมผัสกราฟที่จุดใดจุดหนึ่งครับ
|
ถ้าเป็นความชันทำไมหน่วยมันถึงไม่ใช่พวกองศาครับ แบบดิฟความเร็วรถได้สูตรของอัตตราเร่งรถมา แทนค่าได้ตัวเลขมา ตัวเลขนี้มาจากไหนของกราฟความเร็วรถครับ
|
อ่อเก็ตแล้วครับว่า m/s มันเป็นเส้นตรงซึ่งมีมุมที่แน่นอน ถ้าเข้าใจถูกความเร็วและความเร่งถึงเป็นมุมใช่ไหมครับ
|
ผมว่ามุมมันได้มาจากการมองอีกแบบหนึ่งหรือเปล่าครับ
ความชันตามที่คุณ Pitchayut บอกก็คือ อัตราการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรหนึ่งที่ขึ้นกับตัวแปรหนึ่ง ซึ่งถ้าลองมาพิจารณาความเร็วและความเร่งดูแล้ว ความเร็วก็คือระยะทางที่เปลี่ยนไปในหนึ่งหน่วยเวลา ความเร่งก็คือความเร็วที่เปลี่ยนไปในหนึ่งหน่วยเวลา มันก็คืออัตราการเปลี่ยนแปลงของอะไรอย่างหนึ่งไม่ใช่หรอครับ? |
การมองให้มันเป็นมุมอาจจะได้จากการที่เรามาหาค่ามุมกันอีกที
ลองคิดดูแล้วจะวัดมุมจากกราฟเลยอาจจะยากนะครับ ถ้าไม่ใช้ตรีโกณฯเลย เราเลยได้ว่า $m=tan\theta$ มาช่วยในการหามุมครับ ส่วนตัวคิดว่าเป็นเช่นนี้นะครับ การดิฟมันเลยช่วยให้มอง "ผลต่าง" ที่เกิดขึ้น ที่ขึ้นกับหน่วยหนึ่งได้ ในที่นี้ (ความเร็ว/ความเร่ง) ก็คือเวลาไงครับ |
ผมกำลังคิดแบบว่าสมมุติ ถ้าเราเร่งเครืองรถให้เร็วขึ้น กราฟก็จะชันขึ้นใช่ไหมครับ งั้นขีดจำกัดความเร็วก็คือเราไม่สามารถทำกราฟให้เป็นมุมฉากได้คือถ้าดิฟออกมาแล้วมีความเร็วหรือความเร่งมากกว่าค่าค่าหนึ่งกราฟนั่นจะม ีจุดที่ขาดใช่ไหมครับ ถ้าเราจะยกตัวอย่างง่ายๆก็ข้อจำกัดนี้ ทำให้เกิดข้อจำกัดต่างๆทางกายภาพ ความเร็วสูงสุด(ความเร็วแสง) จำนวนแกนมากสุด(3มิติ เพราะว่าจำนวนแกนคือส่วนกลับของดิฟ) และอื่นๆอีก แต่ผมกำลังสงสัยว่าแล้วทางจิตนภาพเนี่ยมันมีข้อจำกัดแบบเดียวกันไหมครับแบบ ถ้าฟังชั่นนี้มีค่าดิฟเกินกว่านี้ฟั่งชั่นนี้จะมีจุดขาดหรืออะไรแปลกๆอะครับ
|
Q:งั้นขีดจำกัดความเร็วก็คือเราไม่สามารถทำกราฟให้เป็นมุมฉากได้คือถ้าดิฟออกมาแล้วมีความเร็วหรือความเร่งมากกว่าค่าค่าหนึ่งกราฟนั่นจ ะมีจุดที่ขาดใช่ไหมครับ
A:ขาดยังไงเหรอครับ แบบเป็นรูๆอะเหรอ? Q:ทำให้เกิดข้อจำกัดต่างๆทางกายภาพ ความเร็วสูงสุด(ความเร็วแสง) จำนวนแกนมากสุด(3มิติ เพราะว่าจำนวนแกนคือส่วนกลับของดิฟ) และอื่นๆอีก A:ทำไมจำนวนแกนถึงเป็นส่วนกลับของดิฟอะครับ? Q:แต่ผมกำลังสงสัยว่าแล้วทางจิตนภาพเนี่ยมันมีข้อจำกัดแบบเดียวกันไหมครับแบบ ถ้าฟังชั่นนี้มีค่าดิฟเกินกว่านี้ฟั่งชั่นนี้จะมีจุดขาดหรืออะไรแปลกๆอะครับ A: กำลังพูดถึงเรื่องไหนเหรอครับ Differentiable ของ Complex function หรือข้อจำกัดทางทฤษฏีอื่นๆ ? |
Q:งั้นขีดจำกัดความเร็วก็คือเราไม่สามารถทำกราฟให้เป็นมุมฉากได้คือถ้าดิฟออกมาแล้วมีความเร็วหรือความเร่งมากกว่าค่าค่าหนึ่งกราฟนั่นจ ะมีจุดที่ขาดใช่ไหมครับ
A:ขาดยังไงเหรอครับ แบบเป็นรูๆอะเหรอ? แบบถ้าเราคิดว่าดิฟเป็นมุมความชั่นของกราฟถ้ามุม 90 องศาก็คือกราฟตรงนั่นตั้งฉาก ถ้ามุมมากกว่านั่นเช่น 95 องศา ก็คล้ายๆกับว่ากราฟนั่นย้อนกลับแสดงว่าจุดที่ย้อนกลับนั่นมีคำตอบได้มากกว่า1 ทำให้สมการนั่นไม่ใช่ฟังชั่น ฉะนั่นจึงน่าจะมีขีดจำกัดว่าสมการที่ย้อนกลับได้จะมีการขยายตัวไม่เกินค่าๆนึง จำนวนแกนเพิ่มขึ้นเมื่ออินติเกตครับ |
จิตนภาพ หมายถึงตัวเลขบนกระดาษครับ ตรงกันข้ามกับ กายภาพหมายถึงโลกที่จับต้องได้
แบบมีขีดจำกัดตัวคูณที่ใหญ่ที่สุดที่เราจะคูณได้ในการคูณครั้งเดียวไหม ไม่ได้หมายถึงว่าการคูณเลขใหญ่ๆเป็นไปไม่ได้นะครับ แต่เราต้องแยกเป็นขั้นตอนเล็กๆ แบบมีขีดจำกัดต่ำสุดของความขั้นตอนที่เราจะคำนวนปัญหาๆนึงเมื่อเทียบกับขนาดตัวแปร ซึ่งถ้าเราพยายามทำด้วยขั้นตอนน้อยกว่านั่นระบบจะไม่เสถียร |
อ้างอิง:
แนวคิดตรงนี้เหมือนเป็นแนวคิดที่คุณเคยเอามาถกแล้วในนี้ คุณต้องเขียนออกมาเป็นภาษาของคณิตเท่านั้นครับ เพื่อให้สื่อสารกันรู้เรื่อง ไม่งั้นมันจะเป็นการสื่อสารทางเดียวเอานี่สิ นิยามความเสถียรให้ดูหน่อย ? ความเสถียรของอะไร ? อ้างอิง:
โชว์แบบ proof อะครับ มีภาษาคณิตศาสตร์ที่แน่นอน ตรงนี้ผมยังงงๆอยู่เลย เดี๋ยวมันจะเป็นการสื่อสารทางเดียว รักเราไม่เท่ากันไปนี่สิ |
งั้นขอตอบประเด็นแรกก่อนละกัน ขอยกตัวอย่าง ความเร็วรถ m/s ซึ่งเราอาจมอง ความเร็วนี้ที่ระยะเวลาหนึ่งๆเป็นกราฟเส้นตรงก็ได้ เรามาลองวัดมุมจากจุดเริ่มต้นเราจะพบว่าถ้าเราขับรถเร็วขึ้นกราฟจะชั่นขึ้น ในโลกกายภาพมีความเร็วสูงสุดคือความเร็วแสง ถ้ามองความเร็วแสงเป็นมุมก็คือมุมที่ทำให้ความเร็วตั้งฉาก บางคนบอกว่าถ้าเร็วกว่านั่นอีกเวลาจะย้อนกลับซึ่งเราจะไม่พูดตรงนี้เพราะมันไม่มีประโยชน์เพราะพิสูจน์ไม่ได้แต่ให้เราคิดว่าเราเร่งควา มเร็วแล้วองศาของกราฟมากขึ้นเรื่อยๆตามความเร็วที่มากขึ้นจนจุดหนึ่งองศามากกว่า90หรือมุมฉากกราฟจะย้อนกลับเมื่อกราฟย้อนกลับมาลองคิดด ูแบบกราฟมันมวนกลับมาถ้าเราลากเส้นตัดกราฟ ณ เวลาหนึ่งๆ เส้นนั่นจะตัดมากกว่าหนึ่งจุด ทำให้สมการที่จุดนั่นมีหลายคำตอบ ซึ่งถ้าเราไม่ไปเร่งความเร็วขนาดนั่นสมการเราจะมีคำตอบเดียว ซึ่งผมนิยามความคลุมเครือนี้ว่าความไม่เสถียรที่เกิดจากการขยายตัวที่เร็วเกินไป
ผมต้องขอโทษจริงๆครับที่ไม่สามารถนิยามเป็นาษาคณิตศาสตร์ได้เพราะไม่ได้เรียนมาแล้วถถ้าพยายามก็อาจใช้นิยามผิดซึ่งมันอาจจะแย่กว่านี้ค รับจริงผมก็พอมีเวลาแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนครับ |
ส่วนพื้นที่เป็นส่วนกลับของความเร็วนั่นอธิบายได้ดังนี้ ดิฟ มีหน่วยเป็น dy/dx อินติเกรต มีหน่วยเป็น dy*dx อะคูณตรงข้ามกับหาร ซึ่งที่จริงแล้วนิยามมันคือพื้นที่ใต้กราฟอะ ถ้าเป็นขับรถก็ ความเร็วรถเป็น m/s ทีนี้เวลาเราลองอินติเกรตดูเราจะได้ระยะทางว่ารถไปไกลเท่าไหรแล้วมีหน่วยเป็น m ซึ่งคือ x*yอะ ถ้าเราอินติเกรตต่อไปอีกก็จะเป็น m*s^2 คือระยะทางที่เคลื่อนที่ของจุดบนพื้นที่สองมิติ มีหน่วยเป็น m*s^2 อะ ถ้าไม่พอใจกับนิยามของแกนจะเปลี่ยนเป็น m^2*sก็ได้นะ
แต่ประเด็นคือถ้าเราจำกัดจำนวนแกนความเร็วก็จะถูกจำกัดไปด้วยอะแบบว่าด้วยพลังงานเท่ากันวัตถุจะเคลื่อนที่ในแนวโค้งได้เร็วกว่าเคลื่อน ที่เป็นเส้นตรงอะเดาเอานะ ถ้าผิดตรงไหนก็ช่วยแก้ด้วยนะครับไม่รู้จะไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมด้วยคียอะไรครับ |
อ้างอิง:
|
อ้างอิง:
|
ถ้าเรามองว่าเมื่อ ความเร็วที่มากกว่าค่าคงที่ของแสงไม่ได้เพิ่มส่วนที่เป็นจำนวนจริงให้มากขึ้นแต่เพิ่มส่วนที่เป็นจินตภาพแทนก็จะไม่ขัดแย้งใช่ไหมครับ
|
อ้างอิง:
|
บางทีผมอาจจะคิดไกลเกินไปถ้าต้องการศึกษาเรื่องพวกนี้ต่อจากพื้นฐานควรไปต่อวิชาไหนครับจะลองเรียนออนไลน์ดูครับ ที่จริงก็ไม่ได้อยากมีชื่อเสียงแต่แค่คิดว่าแนวคิดพวกนี้มันน่าสนใจทิ้งไม่ลงถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้อะไรที่มันซับซ้อนมากที่เอาโลกคว ามจริงมาปนเพราะคิดว่าถ้าเรานึกาพตามได้มันน่าจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับคนทั่วๆไปแต่บางทีผมอาจจะผิดก็ได้ครับ
|
กลับเข้าเรื่องคณิตศาสตร์แบบนี้แสดงว่า x/0 = x cos90 ใช่ไหมครับ
|
อ้างอิง:
|
ตอนแรกผมมองว่ามันคือcos ที่แต่ชันมากจนดูเหมือนเป็น tan เพราะถ้ามองเป็น tan มันน่าจะเป็นมุมตรงข้าม ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจทีเดียว ถ้าเราเล่นแนวคิดนี้ต่อไปอีกว่า จาก dy/dx ที่ชันขึ้นเรื่อยๆจะมีจุดนึงที่มุมจะเปี่ยนจาก cos ไปเป็น tan ผมอาจจะผิดนะครับแต่ผมมาเพื่อแลกเปลี่ยน ผมคิดว่าน่าจะสร้างอะไร สวยๆได้จากตรงนี้
|
อ้างอิง:
ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษบอกเราว่า.........$t=\frac{t_0}{\sqrt{1-(\frac{v}{c})^2 } } $ ลองนึกดูว่าถ้าวัตถุมีความเร็วเป็นสัก2เท่าของความเร็วแสง $v=2c$ จะได้ว่า $t=\frac{t_0}{\sqrt{1-(2)^2 } }=\frac{t_0}{\sqrt{3}i }=(\frac{-1}{\sqrt{3} }i )t_0 $ คือถ้าเวลาในกรอบความเร็วสัมพัทธ์หยุดนิ่งผ่านไป 1 วินาที......เวลาในกรอบความเร็วสัมพัทธ์2c จะเป็นจำนวนจินตภาพทันที...... ผมไม่แน่ใจนะครับสมการมันออกมาอย่างงั้น? |
ที่จริงแล้วผมคิดว่า i คือมุมที่ยกขึ้นมาแล้ว x/0= xi ซึ่งต้องลองเทียบกับนิยามเก่าก่อนว่าจะเข้ากันได้ไหม.....................ส่วนเรื่องเวลาจิตนาภาพผมคิดว่ามันคือการเคลื่อนที่ไปในแกนท ี่เพิ่มขึ้น ผมก็ไม่แน่ใจครับ
|
อ้างอิง:
|
ต่อไปนี้จะเป็นแค่ความเห็นของผมล้วนๆนะครับมาแลกเปลี่ยนกัน ถ้าเรามองว่าดิฟแล้วได้มุมความชันของกราฟออกมา ดิฟอีกทีได้ความโค้ง เรามองว่าฟังชั่นต่อเนื่องทุกๆฟั่งชันจะมีความชั่นไม่ถึง 90 องศา และความโค้งไม่เกินหน่วยๆนึง ถ้าเราซูมส่วนโค้งฟังชั่นนึงไปเรื่อยๆเราจะพบว่ามันแตกออกเพราะความโค้งคือความเร่งของความชันถ้าความชันถูกจำกัดความโค้งก็ถูกจำกัดด้ว ยที่เราไม่เห็นการแตกออกเพราะในการคำนวนเราค่อยๆซูมไปที่ละชั่นๆไม่ได้รวดเดียว ผมเดาเอาเองว่าถ้าเราลองใช้เครื่องวัดที่ค่อยๆขยายเราอาจจะเห็นอนุภาคเป็นคลื่นก็ได้ นี่ทึกทักเอาเองล้วนๆนะครับ
........................................... ผิดๆเปลี่ยนซูมเป็นย่อขนาด มองกลับกัน |
ความคิดเห็นนี้จะเป็น จินตนาการ(น้อยนิด)+ความรู้(ไม่มาก)+อคติ(ส่วนตัว) เกี่ยวกับการอธิบายค่าของความโค้งในการเคลื่อนที่โดยใช้แคลคูลัสเป็นเครื่องมือนะครับ
ในการเคลื่อนที่2มิติคือมีมิติของแกน xและแกนy..... ให้ $dl=ค่าความยาวส่วนโค้งของการเคลื่อนที่,dy=ค่าการกระจัดตามแนวแกนy,dx=ค่าการกระจัดตามแนวแกนx,R=รัศมีความโค้งของการเคลื่อนที่,$ $\rho =\frac{1}{R}=ค่าความโค้งของการเคลื่อนที่, \theta =มุมที่กราฟการเคลื่อนที่ทำกับแกนx,\frac{dy}{dx}=y'=อนุพันธ์อันดับ1ของyเทียบกับx,$ $\frac{d^2y}{dx^2} =y''=อนุพันธ์อันดับ2ของyเทียบกับx $ จะได้ความสัมพันธ์คือ $(dl)^2=(dx)^2+(dy)^2$ ทำต่อไปได้... $dl=(1+(\frac{dy}{dx}) ^2)^{\frac{1}{2}}dx $ $\frac{dl}{dx} =(1+(\frac{dy}{dx})^2)^{\frac{1}{2}} $ $\frac{Rd\theta }{dx}= (1+tan^2\theta )^{\frac{1}{2}}$.........(1) ในขณะที่ $\frac{d^2y}{dx^2} =\frac{d(tan\theta) }{dx}$ $ \frac{d^2y}{dx^2} =sec^2\theta \frac{d\theta }{dx} $ หรือ $\frac{d\theta }{dx} =(\frac{d^2y}{dx^2} )(cos^2\theta )$..........(2) แทน (2)ใน(1)..........$Rcos^2\theta (\frac{d^2y}{dx^2})=sec\theta $ $\frac{1}{R} =(cos^3\theta) (\frac{d^2y}{dx^2})$ $\rho =\frac{y''}{(1+y'^2)^{\frac{3}{2} }} $ หรือตีความได้ว่าค่าความโค้งในการเคลื่อนที่2มิติขึ้นอยู่กับค่า อนุพันธ์อันดับ1และ2 อย่างเช่นในการเคลื่อนที่แบบวิธีโค้งภายใต้ความโน้มถ่วงของโลกวัตถุจะมีค่าความโค้งมากที่สุดเมื่อ $y'=0$และจะได้ค่าความโค้ง$=y''$ หรือพูดได้ว่าวัตถุจะมีความโค้งมากที่สุดเมื่อวัตถุอยู่ในตำแหน่งสูงสุดนั่นเอง หรือถ้าตีความให้โอเวอร์อีกสักนิดก็คือ ที่ตำแน่งสูงสุดของการเคลื่อนที่วิถีโค้งภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก วัตถุจะมีค่าความโค้งมากที่สุดทำให้เกิดความเหวี่ยงซึ่งผมขอเรียกว่าความเร่งเทียมเพื่อเสมือนว่าวัตถุเป็นอิสระไม่ได้ตกภายใต้ความโน้ม ถ่วงของโลกแต่อย่างใด คราวนี้เราลองมาพิจารณาการเคลื่อนที่แบบ 1 มิติ เราก็น่าสามารถจะหาความโค้งของการเคลื่อนที่ได้เมื่อเทียบกับเวลา ผมขอเรียกว่าเป็นค่าความโค้ง $1มิติ space-time$ ซึ่งคาดว่า เมื่อผู้สังเกตอยู่ในกรอบความเร็วสัมพัทธ์หยุดนิ่ง(v=0)และสังเกตุวัตถุรอบข้างมีความเร็วสูงมากอย่างมีความเร่ง มิติของspace-timeน่าจะมีความโค้งเกิดขึ้น |
ความเร่งของวัตถุไม่สามารถมากกว่าความเร็วของวัตถุได้ใช่ไหมครับ จะเห็นได้ว่าความโค้งจะไม่สามารถมากกว่า1 ได้ และถ้าวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ตามความเร่ง ความเร็วของวัตถุจะเพิ่มขึ้น และความโค้งของวัตถุจะน้อยลง และถ้าวัตถุไม่มีความเร่ง ความโค้งของวัตถุก็จะเท่ากับ0
ที่ผมสงสัยคือสิ่งที่เคลื่อนที่ในวิถีโค้งจำเป็นไหมที่ต้องมีความเร่งที่ไม่ใช่ 0 |
อ้างอิง:
ขอตอบเป็นแคลคูลัสนิดหน่อยนะครับ เพื่อให้เกิดระดับความเชื่อถือเล็กๆคือ........ จากความคิดเห็นก่อนหน้าสมการค่าความโค้งของการเคลื่อนที่แบบ2มิติ.....$\rho =\frac{y''}{(1+y'^2)^{\frac{3}{2} }} $.... ถ้าเราเพิ่มมิติของเวลาเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น นั่นคือคำถามที่เราควรจะหาคำตอบในรูปของสมการอะไรบางอย่างให้ได้ก่อนซึ่งขอเรียกว่าเป็นสมการการเคลื่อนที่ 2มิติSpace-time ล่ะกันนะครับ......(สัญลักษณ์ต่างๆดูจากความคิดเห็นที่แล้วประกอบครับ....ขอไปเร็วๆเลยละกัน......$v_y=ความเร็วทางแกนy,v_x=ความเร็วทา งแกนx,a_y=ความเร่งทางแกนy,a_x=ความเร่งทางแกนx,v=ความเร็วของวัตถุ$ $a_T=ความเร่งตามแนวเส้นสัมผัส,a_r=ความเร่งตามแนวรัศมีความโค้ง,a_c=ความเร่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางความโค้ง$) ............................................................................ $\rho =\frac{y''}{(1+y'^2)^{\frac{3}{2} }} $ $\rho =\frac{d(tan\theta) /dx}{(1+(\frac{v_y}{v_x}) ^2)^{\frac{3}{2} }}......(y'=tan\theta =\frac{v_y}{v_x})$ $\rho =\frac{d(\frac{v_y}{v_x} ) /dx}{(1+(\frac{v_y}{v_x}) ^2)^{\frac{3}{2} }}$ $\rho =\frac{\frac{d(\frac{v_y}{v_x})/dt }{dx/dt} }{(\frac{v_x^2+v_y^2}{v_x^2})^ {\frac{3}{2} }} $ $\rho =(\frac{v_xa_y-v_ya_x}{v_x^3}) (\frac{v_x^3}{v^3}) ........(v^2=v_x^2+v_y^2)$ $\rho =\frac{v_xa_y-v_ya_x}{v^3}$ $\rho =\frac{vcos\theta (a_Tsin\theta -a_rcos\theta )-vsin\theta (a_Tcos\theta +a_rsin\theta )}{v^3}..........(a_y=a_Tsin\theta -a_rcos\theta,a_x=a_Tcos\theta +a_rsin\theta) $ $\rho =\frac{-va_r(cos^2\theta +sin^2\theta )}{v^3} $ $\rho =\frac{-a_r}{v^2} $ หรือ ...........$a_r=-v^2\rho $ ...ขอตีความเป็นสมการเวกเตอร์นะครับได้... $\overrightarrow{a_r} =-v^2\overrightarrow{\rho } $ โดย เวกเตอร์$ \rho$ มีทิศพุ่งออกจากจุดศูนย์กลางความโค้งตามแนวรัศมีความโค้ง หรือสรุปว่า $\overrightarrow{a_r}มีทิศตรงข้ามกับ\overrightarrow{\rho }ก็คือ\overrightarrow{a_r}มีทิศเข้าสู่จุดศูนย์กลางนั้นเอง(a_c)$ $a_c=v^2\rho $ จะได้สมการ $a_c=v^2\rho $ ตีความได้ว่าเมื่อวัตถุเคลื่อนที่แบบมีความเร็วและมีความโค้งทางกายภาพ วัตถุนั้นย่อมมีความเร่งทางกายภาพอย่างน้อยก็ความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลางครับ...... แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตว่าวัตถุที่เคลื่อนที่นั้นไม่จำเป็นต้องมีค่าความเร็ว,ความเร่ง,ความโค้งแบบกายภาพเสมอไปคืออาจจะมีความเร็ว,ความเ ร่งในส่วนของเชิงซ้อนอยู่ด้วย และเมื่อเราแทนค่าปริมาณเหล่านั้นลงในสมการที่ได้ ทำให้ผมคิดว่าการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากๆ ที่เรียกว่า"การวาร์ป" ในนิยายวิทยาศาสตร์นั้นอาจมีความเป็นไปได้ทางทฤษฎีก็เป็นได้.....เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังต่อละกันครับ..... |
น่าสนใจครับ ผมขอสอบถามประเด็นที่ผมยังสงสัยอยู่ดังนี้ 1 ความเร่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางความโค้งมีขีดจำกัดสูงสุดไหม 2 ค่าวีติดกำลังสองอยู่ แสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่เมื่อสลับค่าไปมาแล้ว จะได้ตัวแปร ที่เป็นจำนวนจิตนภาพ เงื่อนไขอะไรทำให้เกิดตัวแปรที่เป็นจิตนภาพ แล้วมีผลกระทบยังไงกับสมการเมื่อจำนวนกลายเป็นจิตนภาพ
|
ผมสังเกตุว่า ค่าวีในสมการ เราน่าจะสามารถเชื่อมมันกับทิศทางของแวกเตอร์ได้ว่าเป็นบวกหรือลบ แล้วเราค่อยยกกำลัง ถ้าเป็นทิศที่ค่าวีเป็นลบ เราก็จะสามารถบอกว่าสมการมีตัวแปรที่เป็นจิตนภาพเราก็น่าจะได้สมการการเกิดขึ้นของแกนจิตนภาพโดยไม่ต้องติดค่าไอ...................... .... ไม่100%นะครับแค่ข้อสังเกตุเฉยๆ
|
อ้างอิง:
อ้างอิง:
สำหรับคำถาม ยากอยู่นะครับ ขอเก็บไปคิดสูตรคำนวณ ถ้าได้จะเอามาตอบให้นะครับ ตอนนี้ยังมืด 8 ด้านอ่ะครับ |
กลับไปเรื่องดิฟที่จริงถ้าเรากำหนดจุดเริ่มต้นของกราฟและจุดสิ้นสุดของกราฟ เราสามารถที่จะลากเส้นตรง จากจุดเริ่มต้นไปถึงจุดสิ้นสุดได้ และเราสามารถ หมุนกราฟจากจุดกึ่งกลางให้จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดมีค่าที่เท่ากันได้ เมื่อค่าเริ่มต้นและสิ้นสุดเท่ากันเราสามารถมองมันเป็น periodic function ได้ ที่จุดๆหนึ่งของกราฟความชัน จะมีค่าเท่ากับค่าความชั่นเฉลี่ย ของ sine wave ที่บวกกันเป็นจุดๆนั่น แล้วเราก็ทำการหมุน กราฟกลับ เราก็จะได้ค่าดิฟของจุดๆนั่นได้ใช่ไหมครับ สงสัย
|
อ้างอิง:
แต่แนะนำว่าลองวาดรูปตามที่อธิบายมาให้ด้ายในเบื้องต้นก่อนอ่ะครับ เพราะเท่าที่อ่านดูก็ไม่รู้ว่าจะประเมินยังไง จะฟันธงว่าไม่ใช่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ จะบอกว่าเป็นไปได้เดี๋ยวก็จะเข้าใจกันไปคนละแบบ ลองเขียนรูปตามคำอธิบายอาจไม่ต้องถึงกับใส่สูตรอะไรมาก็ได้ ถ้ามันใช่ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ของดิฟหรืออนุพันธ์อ่ะครับ ก็นับว่าคุ้มค่ากับเวลาที่ทุ่มเทอยู่ครับ:great: |
https://www.facebook.com/photo.php?f...type=3&theater
https://www.facebook.com/photo.php?f...type=3&theater หน้าแรกกับหน้าที่สอง ลงในเฟส เพราะลงในนี้ไม่เป็น |
อ้างอิง:
อ้างอิง:
|
ผมพลาดไปเพราะว่าแม้ว่าวิธีนี้จะพอจะประมานพื้นที่ใต้กราฟได้แต่ว่าไม่สามารถประมานความชั่นของกราฟได้เพราะกราฟไม่เรียบทำให้มุมไม่คงท ี่ขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดต้องมีอะไรมาหาค่าเฉลี่ยอีกที
|
อ้างอิง:
keyword search:Newton Interpolation |
เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 22:43 |
Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha