|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ค้นหา | ข้อความวันนี้ | ทำเครื่องหมายอ่านทุกห้องแล้ว |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
เวลาเครียดจะทำยังไงกันครับ???
เออพอดีตอนนี้ก็ใกล้สอบมหิดลแล้ว
ผมก็รู้สึกว่าเริ่มเครียดมานิดๆๆ ผมเลยอยากรู้ว่าทุกคนมีวิธีคลายเครียดกันยังใงครับ^^ ปล.เผื่อผมจะนำไปลองทำดูบ้าง
__________________
*1434* 4EvER =>...1434......เลขนี้สวยกว่าแฮะ^^ |
#2
|
||||
|
||||
นั่งสมาธิ ผมมีทีเด็ดจะให้ด้วยครับ
ในชีวิตประจำวัน เราใช้จิตสำนึกเพียง 5-7% เพื่อการดำเนินชีวิต แต่อีกประมาณ 93% ของจิตใต้สำนึก กลับเป็นแรงผลักดันให้เราทำกิจกรรมต่างๆ โดยที่ไม่รู้ตัว ก่อเกิดพฤติกรรมทั้งบวกและลบ... จิตใจคนเราแบ่งได้ 3 ระดับ ตามการรับรู้ ได้แก่ จิตสำนึก (Consciousness) คือ จิตใจระดับเหตุผล ทำให้เกิดการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมต่างๆ โดยเลือกแล้วว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร จิตก่อนสำนึก (Preconscious) คือ ส่วนหนึ่งของจิตใจที่ไม่ได้นึกถึง แต่หากพยายามนึกขึ้นมา ก็สามารถนึกออกมาได้ เช่นการนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างในอดีต จิตใต้สำนึก (Subconsciousness) คือ จิตใจที่อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งรับข้อมูลจากประสบการณ์ และจดจำทั้งเรื่องดีและไม่ดีไว้ในใจ เกิดเป็นนิสัยและลักษณะของแต่ละคน ทำอะไรโดยอัตโนมัติไม่ต้องนึกคิด เนื่องจากจิตใต้สำนึกเป็นแรงผลักดันให้เกิดพฤติกรรมบางอย่างโดยที่ไม่รู้ตัว การแก้ปัญหาบางอย่างจึงต้องแก้จากจิตใต้สำนึก โดยแก้ไขด้วยการป้อนข้อมูลใหม่ให้จิตใต้สำนึก เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นๆ วิธีการหนึ่งคือ การสะกดจิต สะกดจิตบำบัด : ทางเลือกเพื่อแก้ไขพฤติกรรม http://women.sanook.com/story_picture/m/17813_002.jpg สะกดจิตบำบัด (Hypnotherapy) เป็นวิธีช่วยให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้น ด้วยการสะกดจิตให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ เหมาะกับผู้ที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ จึงใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา เพราะพฤติกรรมบางอย่างที่แก้ไขไม่หายอาจเกิดจากจิตใต้สำนึกสั่งให้ทำพฤติกรรมนั้น มีงานวิจัยพบว่า การสะกดจิตช่วยรักษาและบรรเทาโรคต่างๆ ได้มากมาย เช่น โรคผิวหนัง ไมเกรน แผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้ระคายเคือง ปัญหาทางจิต ความเครียด ช่วยสร้างความมั่นใจ ฯลฯ เมื่อสะกดจิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคนิคการสะกดจิตมีหลายวิธี เช่น พูดชักจูงโดยตรง เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและได้ผลดี โดยเสียงพูดต้องเป็นเสียงเรียบๆ เบาๆ ทิ้งจังหวะ ทำให้ผู้ถูกสะกดเคลิ้มและคล้อยตามง่าย โดยใช้คำพูดที่มีความหมาย ใช้ภาษาสุภาพแต่หนักแน่น แฝงด้วยอำนาจ สั่งซ้ำบ่อยๆ ในบรรยากาศเงียบสงบ และผู้สะกดต้องเป็นผู้ที่บุคลิกภาพดี อุปนิสัยน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจและสบายใจที่จะอยู่ด้วย ขั้นตอนการสะกดจิตเริ่มจากนักบำบัด (แพทย์หรือนักจิตวิทยา) จะพูดคุยกับคนไข้ (ผู้ถูกสะกด) ว่ามีความเหมาะสมที่จะรักษาด้วยนี้หรือไม่ เช่น ประวัติโดยละเอียด อาการเจ็บป่วย ความเข้าใจและความสามารถในการทำตามขั้นตอนการสะกดจิต ฯลฯ หากมีความเหมาะสมจึงเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา คือการสร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้รักษาและผู้บำบัด และนัดครั้งต่อไปจึงเริ่มขั้นตอนการสะกดจิต ด้วยการให้คุณนั่งหรือนอนในท่าที่สบาย แล้วสะกดให้เข้าสู่ภวังค์ด้วยความเงียบ และคำสั่งซ้ำๆ จนเข้าสู่ภวังค์เต็มที่ นักบำบัดจะแนะนำ (สะกดจิต) มีทั้งการสั่งจิตใต้สำนึกให้เลิกทำพฤติกรรมบางอย่าง เช่นให้รู้สึกนึกคิดเกลียดบุหรี่ (ใช้ประกอบกับการรักษาวิธีอื่น) สะกดจิตให้เกลียดอาหารเลี่ยน หวาน มัน (โดยออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย) สะกดจิตย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีตเพื่อหาสาเหตุของพฤติกรรม เช่น อาการติดอ่าง กัดเล็บ หรือไม่กล้าพูดต่อหน้าคนมากๆ ว่าเกิดจากอะไร แล้วจึงสั่งจิตให้ลืมเหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่ฝังใจในอดีตนั้นให้จางหายไป โดยขั้นตอนการสะกดจิตใช้เวลา 30 - 60 นาที ซึ่งคนไข้บางคนอาจสะกดจิตสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก แต่บางคนอาจต้องสะกดจิตซ้ำ 2-3 ครั้งจึงประสบความสำเร็จ ซึ่งแพทย์จะติดตามผลเป็นระยะว่าการสะกดจิตนั้นได้ผลมากน้อยเพียงใด และแพทย์อาจสอนวิธีสะกดจิตตนเองให้คนไข้ เพื่อให้การสะกดจิตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (ในกรณีที่รักษาโรค บรรเทาอาการเจ็บป่วย ติดสารเสพติด ต้องให้แพทย์ จิตแพทย์และนักจิตวิทยา เป็นผู้แนะนำวิธีการสะกดจิตตนเองให้ แต่การสะกดจิตเพื่อสร้างความมั่นใจหรือสร้างอารมณ์ดี สร้างสุขภาพดี สามารถทำได้ด้วยตนเอง) ประสิทธิภาพของการสะกดจิตจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย คือ ผู้สะกด ต้องเป็นจิตแพทย์ นักจิตวิทยา ผู้ผ่านการศึกษาและมีประสบการณ์ในการสะกดจิตเป็นอย่างดี ผู้ถูกสะกด ต้องให้ความร่วมมือในการรักษา ไม่ขัดขืน ต่อต้าน มีความสามารถรับและปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้สะกดได้ ปัญหาที่บำบัด ต้องรักษาอย่างถูกจุด เช่นติดบุหรี่เพราะความเครียด แต่รักษาด้วยการสะกดจิตเพื่อเลิกบุหรี่ ซึ่งอาจทำให้เลิกบุหรี่ได้แต่ไปติดสุราแทนเพราะยังมีความเครียดอยู่ ดังนั้นการรักษาจึงต้องวิเคราะห์ปัจจัยอย่างรอบด้านก่อนที่ทำการรักษาเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง สะกดจิตตนเอง สร้างสุขง่ายๆ การสะกดจิตตนเองให้มองด้านดี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้อารมณ์ดี มีสุขภาพจิตดี หรือแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งคุณอาจฝึกสะกดจิตตนเองให้นึกถึงเรื่องดีๆ ได้โดย เลือกสถานที่ที่สงบ ไม่มีเสียงรบกวน เตรียมความคิดหรือคำพูดดีๆ ที่ต้องการสะกดตนเอง หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ กลั้นไว้ 2-3 วินาที ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ บอกตนเอง "จงผ่อนคลาย" ทำซ้ำ 3-4 ครั้ง รวบรวมสมาธิดูจุดใดจุดหนึ่งบนผนัง หรือกำแพง บอกตนเองว่ากำลังหายใจแบบพิเศษ 3 ครั้ง ครั้งแรกเพื่อผ่อนคลาย ครั้งที่สองเพื่อเตรียมเข้าสู่ภาวะสะกดจิต ครั้งที่สามเพื่อเข้าสู่ภาวะสะกดจิต ปล่อยความเครียดออก พร้อมหายใจอย่างเป็นระบบ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ตั้งแต่ปลายกล้ามเนื้อแขน ขา ถึงศีรษะ ใช้จินตนาการถึงบันได 10 ขั้น ที่พาไปสู่ที่พิเศษ เช่นท้องฟ้า ภูเขา ทะเล นับ 10 -1 เหมือนกำลังเดินลงบันไดไปสู่สถานที่พิเศษนั้น มองสิ่งต่างๆ รอบตัว รับรู้เสียง กลิ่น และสัมผัสจากสิ่งรอบตัวในจินตนาการนั้น นึกถึงคำแนะนำด้านบวกและเป้าหมายที่กำหนดไว้ในใจ เช่น ฉันเด็กขึ้นอีกหนึ่งวัน ฉันมีความสุข ฉันอารมณ์ดี เมื่อทำเสร็จ ให้นับ 1-10 บอกตนเองว่ามีความสุขกับการผ่อนคลายนี้โดยคุณอาจสะกดจิตตนเองทุกเช้า หลังตื่นนอน แล้วค่อยทำกิจวัตรประจำวัน ซึ่งใช้เวลาไม่นานสัก 5-10 นาที ข้อควรระวังของการสะกดจิตตัวเองคือ จิตใต้สำนึกไม่สามารถเข้าใจคำว่า อย่าหรือไม่ ได้จึงไม่ควรสั่งจิตว่า ไม่ทำความผิด ไม่ชอบของมัน อย่ากินของเลี่ยน เป็นต้น นอกจากนี้การนั่งสมาธิก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้การสะกดจิต มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะสมาธิระดับต้น ทำให้มีสติดี จิตสำนึกสงบ เข้าถึงจิตใต้สำนึกได้ง่ายขึ้น |
#3
|
||||
|
||||
'ในชีวิตประจำวัน เราใช้จิตสำนึกเพียง 5-7% เพื่อการดำเนินชีวิต'
มิน่า ชีวิตถึงได้...- -
__________________
Do not worry about your difficulties in Mathematics. I assure you mine are still greater. อย่ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความยากของวิชาคณิตศาสตร์ จนถึงทุกวันนี้ ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าคณิตศาสตร์ยังคงเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับข้าพเจ้า : อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ |
#4
|
||||
|
||||
นั่งร้องไห้
แล้วถามแม่ว่าจะทำยังไงดีครับ
__________________
สัมหรับคณิตศาสตร์ ผมไม่มีแม้ซึ่งพรสวรรค์ไม่มีแม้โอกาสด้วยอยุ่ต่างจังหวัด จะมีก็แต่ความรักที่ทุ่มเท.... |
#5
|
||||
|
||||
ผมจะลองนำไปใช้นะครับ
ตัวผมเองก็ฟังเพลง+นอนครับ พอตื่นมาก็โล่งๆๆแต่ความรู้มันก็หายด้วยอะTT
__________________
*1434* 4EvER =>...1434......เลขนี้สวยกว่าแฮะ^^ |
#6
|
|||
|
|||
ทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์
|
#7
|
||||
|
||||
ทำใจให้สบาย ครับ คิดซะว่า
ทำดีที่สุดแล้ว ได้แค่ไหนก็แค่นั้นครับ แล้วก็ Que sera sera...Whatever will be will be |
#8
|
||||
|
||||
ถ้าเผ็นผม ผมจะ
นอน -_-
__________________
เหนือฟ้ายังมีฟ้าแต่เหนือข้าต้องไม่มีใคร ปีกขี้ผื้งของปลอมงั้นสินะ ...โลกนี้โหดร้ายจริงๆ มันให้ความสุขกับเรา แล้วสุดท้าย มันก็เอาคืนไป... |
#9
|
|||
|
|||
ถ้าเป็นผมผมจะเล่น GAME
|
#10
|
||||
|
||||
ส่วนกระผม เปิดเพลง Let it be สักสองรอบ ขณะนอนบนเตียง แล้วหลับไปเลย ...
__________________
|
#11
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
พอรู้สึกเครียดก็หางานอดิเรกทำ ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นดนตรี อะไรก็ได้ที่ทำแล้วสบายใจ ถ้าจะเอาแนวธรรมะก็ตรองสาเหตุที่ทำให้เราเครียดแล้วก็จัดการกับสิ่งนั้นซะ
__________________
ความอยากรู้หลายอย่างเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติของเยาวชน แต่โดยทั่วไปแล้วความใฝ่รู้นี้ถูกทำลายลง ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า เด็ก ๆ ถูกยัดเยี่ยดข้อมูลความรู้มากเกินกว่าที่เด็กต้องการ (เบอร์ทรินต์ รัสเซลล์) กรี๊ดดดด...โดนมากค่ะ |
#12
|
||||
|
||||
วิธีการก็คือ หลับตาแล้วหลับไปเลยครับ
__________________
ถ้าน้ำท่วมโลกคุณจะทำอะไร อาจารย์โรงเรียนผมบอกว่า อยู่กับครอบครัวให้ดี และอบยพครอบครัวไปอยู่ที่สูง |
#13
|
||||
|
||||
วีธีการก็คือ ไปดูละครที่น้ำเน่าอย่างเช่น...
ละครที่ตบตีกันชิงไหวชิงพริบ คุณจะได้ลุ้นว่าใคร(ยิ่งเครียดเข้าไปอีก)
__________________
อยากไปเรียนมหิดลแต่ยังไงก็ไปไม่ถึง |
#14
|
||||
|
||||
ตะโกนดังๆ ปลดปล่อยมันออกมาจากข้างใน!!!
|
#15
|
||||
|
||||
พูดเหมือนการปลดปล่อย อึอึ๊เลยอ่ะครับ 555
__________________
My stAtUs ทำไมยิ่งเรียน แล้วยิ่งโง่หว่าา 29 พฤศจิกายน 2009 20:26 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ ~king duk kong~ |
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
|
|