![]() |
|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
![]() ![]() |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
![]() 1. ทำไมถึงให้ต้องคิดการหาพื้นที่ใต้กราฟจากตารางค่า Z แบบครึ่งเดียว
ทำให้เวลาคิดเลขออกมาจะไปดูตารางตรงๆ ไม่ได้ ต้องบวกนั่นลบนี่ อธิบายกันไปอธิบายกันมา สุดท้ายก็เอามาออกข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ทุกปี ทำไมไม่ให้ตารางเต็มๆ แบบอ่านได้ทั้ง Zลบ Zบวก แล้วเอาเวลาที่ต้องเสียไปกับการอธิบายเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาเป็นการนำมาประยุกต์ใช้กับงานด้านต่างๆ จะดีกว่า 2. ขอบเขตของหนังสือคณิตศาสตร์พื้นฐาน กับ คณิตศาสตร์เพิ่มเติม ของ สสวท ในเนื้อหาบางเรื่องที่ซ้อนกัน อย่าง ฟังก์ชัน, อนุกรม, ความน่าจะเป็น, สถิติ มันมีกฏกติกาแค่ไหน เพราะข้อสอบ ONET ที่ควรเป็นพื้นฐาน ก็มักจะมีเนื้อหาของเพิ่มเติมมาด้วยตลอดเวลา สุดท้ายโรงเรียนมันก็ต้องสอนแบบพื้นฐานบวกเพิ่มเติม ![]() ยังมีพวก เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา สำหรับนักเรียนสายวิทย์, แบบไม่เน้นวิทย์ แล้วยังมีแบบพื้นฐานอีก เนื้อหามันกั๊กๆ กันตลอด แต่เห็นข้อสอบ ONET ที่เป็นพื้นฐาน ก็มีเนื้อหาของเพิ่มเติมมาอีกเหมือนกัน ทำไมต้องแบ่งให้วุ่นวาย ทุกวันนี้แค่เห็นหนังสือเรียนก็ปวดหัวแทนเด็กแล้ว 03 มีนาคม 2011 15:59 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ yellow |
#2
|
||||
|
||||
![]() 1.จะให้บวกหรือลบมันก็เหมือนกันอ่ะครับ เพราะ พท.ตั้งแต่ $z=0$ ถึง $z=a$ มันก็เท่ากับ $z=0$ ถึง $z=-a$
เพียงให้เด็กคิดสักหน่อยเอง แค่เอามาบวก ลบกัน
__________________
||!<<<<iNesZaii>>>>!||
|
#3
|
||||
|
||||
![]() #1
1. ก็เป็นเพราะว่าเขาทำไว้สอนคนเรียนคณิตศาสตร์ จึงคิดว่าน่าจะไม่เป็นปัญหาเมื่อเทียบกับการที่จะต้องเสียกระดาษพิมพ์เพิ่มขึ้นอีกเท่าหนึ่ง 2.ถ้าจะบอกว่าเรื่องเดียวกันบางเรื่องมีทั้งอยู่ในพื้นฐานและอยู่ในเพิ่มเติม เขามีหลักง่ายๆก็คือ พื้นฐานจะไม่เน้นการคำนวณที่สลับซับซ้อน เพิ่มเติมจะออกไปแนวการคิดวิเคราะห์และซับซ้อนกว่า จะเห็นว่าเรื่อง หรม. ครน. เราเรียนตั้งแต่ป.5-6 พอขึ้น ม.1 ก็เรียนอีก พอมาอยู่ ม.4 ก็เรียนอีก ถามว่าทำไมไม่เรียนซะทีเดียว เพราะแต่ละช่วงแต่ละตอนมีการนำไปใช้เพื่อให้เกิดพื้นฐานของการเรียนต่อจึงแยกเป็นช่วงชั้นของการเรียน ส่วนข้อสอบคณิต o-net ตั้งแค่ปี 49 -ปัจจุบัน เท่าที่ผมดูผมคิดว่าถ้าเรียนตามหลักสูตรก็น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะทำได้เต็มหรือเกือบเต็ม(ไม่คิดกรณีที่มีการสะเพร่าหรือคำนวณผิด) เพียงแต่ว่าถ้าได้ใช้ความรู้เพิ่มเติมเข้าไปด้วยก็ย่อมทำได้ง่ายกว่า อีกอย่างผู้เรียนที่เรียนทางพื้นฐานมักจะอ่อนคณิตศาสตร์เป็นทุนอยู่แล้ว ถ้าผู้สอนไม่มีทักษะหรือลูกเล่น การที่จะทำให้ผู้เรียนสนใจและเข้าใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน ดังนั้นจึงมักทำไม่ค่อยได้หรือทำได้ไม่ค่อยดี แต่ถ้าลองเอาข้อสอบเก่ามาเฉลยจะพบว่าสามารถใช้ความรู้ในหลักสูตรแก้ได้ ยิ่งโดยเฉพาะปีหลังๆ จะออกความเข้าใจมากกว่าคำนวณ ![]() ![]() |
#4
|
||||
|
||||
![]() อ้างอิง:
__________________
ขว้างมุขเสี่ยว ๆ ใส่กันน่าจะมันแฮะ
![]() 03 มีนาคม 2011 22:22 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ Influenza_Mathematics |
#5
|
||||
|
||||
![]() #4
ถ้าอ่านข้อที่ 2 ของผมเข้าใจน่าจะรู้ว่าทำไมต้องแยก.... เด็ก ม.3 ที่เรียนตรีโกณ สามารถทำหนังสือคณิตพื้นฐาน ม.4 ตรีโกณได้เป๋็นเรื่องปกติครับ เพราะเป็นการทบทวนไม่ได้มีเรื่องใหม่ แต่ถ้าไปดูตรีโกณตอน ม.3 จะมีจุดประสงค์อย่างหนึ่ง เพราะอยู่ในทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ส่วน ม.4 ที่เรียนก็เป็นอีกอย่างหนึ่งแต่เนื้อหาไม่แตกต่างครับ |
#6
|
||||
|
||||
![]() อ้างอิง:
ถ้าเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาทักษะและความคิดของเด็กแล้วละก็ ถูกต้องครับ ผมยกตัวอย่างง่ายๆ หนังสือสอนให้บวกลบคูณหาร ทั้งๆที่ก็มีเครื่องคิดเลขให้ใช้ อันนี้ตอบได้เลย ก็เป็นเพราะว่าเขาทำไว้สอนคนเรียนคณิตศาสตร์ และมันก็เป็นทักษะที่สำคัญในการคิดของมนุษย์ แต่ถ้าหนังสือสอนให้เด็กพิมพ์งานโดยใช้ Wordstar แล้วให้เด็กต้องมาลำบากกับวิธีการใช้โดยใช่เหตุ อันนี้ผมว่าไร้ประโยชน์ เสียเวลา แถมถ้าเด็กไม่เข้าใจใช้ผิดๆ ถูกๆ ยิ่งน่าเสียดายเข้าไปอีก พิมพ์ตารางเพิ่มอีกแผ่นหนึ่ง กับต้องเสียกระดาษอธิบายอีกหลายสิบแผ่น ผมว่า สสวท น่าจะมีการทบทวนแบบเรียนของตัวเองบ้างครับ |
![]() ![]() |
|
|