#1
|
|||
|
|||
พี่กรครับ
อยากทราบว่าช่วงที่พี่อยู่ ม.4 เนี่ยพี่แบ่งเวลา เรียนหนังสือ และเล่นกีฬา ตอนไหนบ้างครับ แล้วพี่เรียนกวดวิชาไหมครับ แล้วที่เวลาเราสรุปเนื้อหาเนี่ย อ่านไปสรุปรึอ่านรวดเดียวจบแล้วสรุปครับ แล้วตอนนี้พี่แต่งหนังสืออะไรมาบ้างแล้วครับ แล้วพี่คิดว่า หนังสือคู่มือวิชาฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ คมีเนี่ย พี่คิดว่าอาจารย์คนไหนแต่งดีบ้างครับ ขอบคุณคับ
__________________
เด็ก T.P. |
#2
|
||||
|
||||
จริง ๆ ในบทความเรื่องเรียนอย่างไร ... พี่ก็เขียนไว้ค่อนข้างยาวและครับ.
เอาเป็นว่าจะตอบให้อีกทีล่ะกัน อาจจะยังไม่เข้าใจกระบวนการทั้งหมด ประเด็นสำคัญของความคิดพี่อยู่บนสมมติฐานที่ว่า คือ " น่าจะมีวิธีการเรียนที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา " พี่เริ่มค้นหาแนวทางดังกล่าวตั้งแต่ อยู่ ม.2 ครับ. คือเริ่มมีการวางแผนจัดตารางต่าง ๆ ก็มีการผิดพลาดและขัดเกลาจนเริ่มเข้าที่ก็ตอน ม. 4 เทอม 2 ครับ. คือ ตอน ม.2 พี่รู้สึกตัวเองว่า สมองพี่เริ่มมีการเชื่อมต่อประานกันเป็นโครงข่ายครบถ้วน คือ สามารถคิดด้วยตนเอง ก่อนหน้านั้นเวลาพี่ทำอะไร หรือไปเรียนหนังสือ พี่ไม่เคยคิดครับว่า. เราทำไปทำไม ที่ทำไปส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะความอยากพื้นฐาน เช่น หิว, ง่วง, ร้อน สุดท้ายสรุปได้ว่า "การเรียนหนังสือ เป็นศาสตร์หนึ่งในการดำเนินชีวิต" นั่นเอง จริง ๆ รายละเอียดมันมีมากมาย เพราะพี่เป็นคนชอบคิดและทดลองด้วยตนเอง สรุปคร่าว ๆ คือ จะทำอะไรให้สำเร็จ ย่อมประกอบด้วย 2 ส่วน คือ กาย และ จิต ขั้นตอนวิธีการอ่านกนังสือทั้งหมดดังที่พี่เขียนไปแล้วนั้น ก็อยู่ใน 2 ส่วนนี้นั่นเอง คือ ขั้นที่ 1. ควบคุมภาวะการหลับนอนและตื่น หลักการ นอนให้เต็มอิ่ม(ของพี่ 8 ชม.) ตื่นนอน หลับเป็นเวลาทุกวัน จะบรรลุเมื่อไร เมื่อน้องสามารถนอนแล้วตื่นโดยไม่ต้องนาฬิกาปลุก +- ไม่เกิน 5 นาที และ ก็ไม่ง่วง ตรงนี้เป้นส่วนของกายนั่นเอง ถ้าน้องทำติดต่อกันยาวนานขึ้น น้องจะมีความรู้สึกว่า สมองมันจะแข็งกล้าครับ. คำว่าแข็งกล้าในที่นี้ ให้ดูที่ความสามารถในการคิดและรับรู้ได้อย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพ อย่างเดิมที่ เราเรียนติดต่อกัน 1 วัน 6 - 8 คาบ ให้น้องสังเกตดูว่า ตอนคาบสุดท้ายหรือ หลังคาบอากัปกิริยา เพื่อน ๆ ในห้อง เป้นอย่างไร คำถามคือถ้าไม่มีการพักเลยจะสามารถเรียนคาบต่อไปได้ทันทีใหม ? แน่นอนเราคงอาศัยจากการดูภายนอไม่ได้ ให้น้องดูที่ตัวล่ะกันว่า ก่อนและหลังการปฎิบัติ ความสามารถในการรับรู้ของน้องเพิ่มขึ้นหรือไม่อย่างไร ขั้นที่ 2. ออกกำลังกายทุกวัน ตรงนี้ก็ยังกาย หลังเลิกเรียนกลับมาบ้านพี่จะไม่ทำอะไรทั้งสิ้นครับ. ส่วนใหญ่จะเล่นกับแมวที่บ้าน จน 5 โมงเย็นก็จะไปวิ่งขึ้นภูเขาแถวบ้านครับ. กลับมาราว ๆ 6 โมงกว่า ๆ ก็โหนบาร์ ยึดพื้น ซิทอัพ ฯลฯ เสร็จก็อาบน้ำ ราว ๆ 1 ทุ่ม จากนั้นก็จะขึ้นชั้นบนไปสะสางการบ้านที่มีหรืองานที่มีอย่างรวดเร็ว ไม่พิถีพิถัน จากนั้นพอแม่เรียกลงมากินข้าวประมาณ 1 ทุ่มกว่า ๆ ก็จะกินข้าวไปพร้อมๆ กับดูข่าว ครับ. ขั้นที่ 3. อ่านหนังสือทุกวัน ๆ ละ 2 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด. กินข้าวเสร็จประมาณ 2 ทุ่ม พี่ก็จะขึ้นชั้นบนต่อไปอ่านหนังสือ อ่านในเรื่องที่ตัวเองอยากอ่าน วิชาอะไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเมื่ออ่านจบ ต้องถามตัวเองว่า ที่อ่านไปทั้งหมดนั้น อะไรคือหลัก อะไรคือสิ่งที่ควรจำ อะไรไม่ควรจำ อะไรที่ต้องจำ ถ้าเป็นวิชาที่ไม่สามารถพิสูจน์ที่มาได้ก็ต้อง สร้างหลักการจำขึ้นมา ด้วยตัวเอง เมื่อถามตัวเองได้แล้วก็ เริ้มบันทึก ในสมุดยาว ๆ มีเส้น วันที่ xxx ... การสรุปอ่านมาได้ 10 อย่างมากพี่ก็เขียนไปแค่ ไม่เกิน 15 บรรทัด เขียนให้ตัวเองเข้าใจเท่านั้น ไม่ต้องยืดยาว คำ ๆ เดียว ๆ ก็อาจจะพอ คือ พูดง่าย ๆ ว่า ทุกตัวที่เขียนลงไปเหมือนเป็น key word นั่นเอง ตรงนี้เป็นเรื่อง ของจิต ถ้าน้องทำได้ นั้นก็หมายความว่าน้องสามารถควบคุมจิตตัวเองอย่างหยาบ ๆ ได้แล้ว ขั้นที่ 4. นอนตรงเวลา และ ทำสมาธิก่อนนอน ตรงนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของจิต เป็นขั้นที่สำคัญที่สุด ถ้าตรงนี้ไม่เยี่ยม 3 ขั้นที่ทำไปทั้งหมด จะได้ผลลัพธ์ ไม่เกิน 50% เสียเวลาไปเปล่า ๆ ให้น้องนั่งสมาธิแบบใดก็ได้ จนใจเริ่มนิ่งและสงบ คำว่านิ่งและสงบเป็นเช่นไร คือน้องจะรู้ว่าตัวเองนั้น หมดความคิด ไม่ใช่ความคิดมันหายไปไหน แต่มันถูกหยุดด้วยการเอาจิต ไปจดจ่อกับกาย ตามแบบสมาธิ (พี่ใช้อาณาปานสติ เอาจิตไปรวมที่ท้องยุบกับพอง) ตรงนี้น้องต้องเข้าใจว่า สมองเรานั้นทำ 2 อย่าง คือ คิด กับ นึก การนึก คือ การที่เรามองเห็นเป็นภาพ การคิด คือ คือเหมือนกับมีเสียงพูดในสมอง ปกติคนเราทั่วไปมักจะทำสับกันไป ปนกันมา ไม่ได้ค่อยจะสังเกตตัวเองเท่าไร จากนั้นให้เริ่มนึกในสิ่งที่ตัวเองสรุปไปเมื่อกี๊นี้ น้องจะเห็นเป็นภาพไป ตามตัวหนังสือบนบรรทัดในสมุดของตัวเอง ใหม่ ๆ อาจทำไม่ได้หรือไม่คล่อง ไม่ต้องตกใจ ถ้านึกไม่ออกให้ เปิดไฟ ไปเปิดดูสมุดที่จดไว้ และนั่นก็หมายความว่า ขณะที่น้องอ่านหนังสือนั้น น้องสมาธิไม่ดีด้วย. การอ่านห้าม เปิดเพลงฟัง และ เมื่ออ่านจบห้ามทำอย่างอื่น นอกจากนอน(ทำไม?) นี่เป็นช่วงขณะเปิดเทอม ขณะปิดเทอม คือ ข่วงแห่งการพัฒนา ขั้นตอนยังคงเหมือนเดิม เพัยงแต่เวลาในการอ่านหนังสือจะมีมากขึ้น เพราะกลางวันไม่ต้องเรียน เป็นพี่ ๆ จะอ่านเฉพาะเลขไปล่วงหน้า เพราะชอบ อย่างที่เคยว่าไว้ เนื้อหาเลขคร่าว ทั้งหมดถึง ม. 6 พี่อ่านจบแต่ ม.4 แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการอ่านก็คือ " จงอย่ามุ่งเน้นอ่าน เพื่อที่จะจำ แต่ให้มุ่งเน้นว่าจะเข้าใจได้อย่างไร " ถ้าเป็นการดูตัวอย่างโจทย์ ก็ต้องตอบคำถามในแต่ละบรรทัดได้ว่า ตรงนี้มาจากไหน ทำไมต้องทำอย่างนี้ และ คิดต่อไปว่า จะทำอย่างอื่นนอกจากวิธีนี้ได้อย่างไร รายละเอียดในการอ่านก็มีมากเขียนคงไม่ไหว ถ้าเป็นสิ่งที่ต้องจำก็ต้องดูให้เข้าใจก่อนว่า มันมาอย่างไร !!! ลอยมาจากท้องฟ้าหรือเปล่า ไม่เอา. ปืดเทอมคือเวลาแห่งการฝึกตนอย่างแท้จริง ห้ามคิดที่จะเรียนตามครูให้ห้องเรียน ถ้าทำเช่นนั้นก็คงยากที่จะถีบตัวเองให้แตกต่างจากเพื่อนอย่างมากได้ -------------------------------------------------------------------------------------------------- การเรียนกวดวิชา ตามความคิดพี่ คือ เรียนในสิ่งที่ตัวเองยังไม่รู้และยาก ๆ ๆ ขึ้นไป มิใช่การเรียนและสอน แบบตามโรงเรียน เช่น อันนี้ไม่เอา เกินหลักสูตร อันนี้หนูไม่จำ ครูไม่ออกสอบ เป็นต้น. นั่นคือ โดยการหลักการของพี่ แต่ในความเป็นจริงปรากฎว่า แค่เรียนตามหลักสูตรให้รู้เรื่อง ส่วนใหญ่ก็แย่แล้ว ทำไมมันเยอะอย่างนี้ รับไม่ไหวบ้าง (เพราะสมองไม่แข็งกล้าไง) นั่นคือ พี่ไม่สามารถที่จะเรียนพิเศษอย่างนั้นได้ ตอนนั้นพี่อยากให้ใครเปิดสอนหลักสูตร คณิตโอลิมปิกบ้าง หาไม่เจอ ตำราคณิตศาสตร์ดี ๆ ยังแทบงมเข็ม สำหรับเด็กต่างจังหวัด สรุป พี่ไม่เคยเรียนกวดวิชาเลย แม้แต่วิชาเดียว ------------------------------------------------------------------------------------------------- การสรุปบทใด ในวิชาใด จะทำได้เมื่อน้องรู้สึกว่าบรรลุในเรื่องนั้น ๆ แล้ว สรุปง่าย ๆ ว่าอย่างน้อยน้องต้องทำโจทย์อย่างต่ำ 300 ข้อ จึงจะสรุปได้ ------------------------------------------------------------------------------------------------ หนังสือพี่กำลังแต่ง เรื่อย ๆ ยังไม่เสร็จซักเล่ม เพราะพี่เป็นคนค่อนข้างหลายใจ หมายความว่า คิดไว้เยอะ กำลังทำเรื่อย ๆ เสร็จเมื่อไรจะบอก --------------------------------------------------------------------------------------------- หนังสือคณิตศาสตร์ สมัยพี่เรียนพี่จะไปอ่านแบบเรียนก่อน จากนั้นตามด้วยหนังสือของวารสารแม็ค สมัครไว้ 1 ปี พอ สุดท้ายหาข้อสอบทำเรื่อย ๆ ทันที หนังสือเลข ถ้าของ ม.6 เทอม 2 พี่แนะนำ ของ สุเทพ เรื่องอื่นไม่เคยอ่าน เพราะมันง่าย หนังสือ ฟิสิกส์ กลศาสตร์ แนะนำ อดิชาติ บ้วนกียาพันธุ์ เรื่องไฟฟ้ากขาก็เขียนแต่พี่ว่าไม่ดี เคมี ถ้าจำไม่ผิดเป็นของ วินัย รู้สึกว่าจะดี ทุกบท สรุปว่าพี่จะหาหนังสืออ่านในเรื่องที่พี่คิดว่ามีปัญหาเท่านั้น |
#3
|
|||
|
|||
ผมดีใจมากครับที่พี่กรตอบกระทู้ของผม เพราะมานั่งเปิดทุกวันว่ามีคนมาตอบรึยัง และขอบคุณสำหรับแนวทางที่พี่บอกครับ ผมจะพยายามปฏิบัติให้ได้ทุกอย่างครับ
__________________
เด็ก T.P. |
#4
|
|||
|
|||
อ่านของคุณ gon แล้วทึ่งดีครับ
ผมเคยคิดจะอ่านหนังสือทุกวันครับ แต่ไม่เคยทำได้เลย ผมเชื่อว่าแต่ละคนจะมีทางเรียนแบบต่าง ๆ เป็นของตัวเองครับ สำหรับผม ผมจะอ่านเรื่องที่อยากอ่าน ไม่เร่งรีบ ไม่มีตาราง ทำเรื่องที่อยากรู้ตอนนั้น ให้รู้กระจ่างไปเลย ผมอ่านหนังสือได้เฉพาะตอนดึก ๆ เพราะฉะนั้นจะนอน ตี 2 ขึ้นไปครับ (แต่วันธรรมดาก็นอนเร็วอะครับ) ผมยังเสียดายชีวิตวัยเด็กอยู่ ใช้ให้คุ้มหน่อยนะครับ |
#5
|
|||
|
|||
ผมนอน 4 ทุ่มก็หลับแล้วครับ ตื่นก็สายอีกต่างหาก ฮิ ฮิ
__________________
เด็ก T.P. |
#6
|
|||
|
|||
ข้อเดียวพอ สำหรับผู้ที่จะประสพความสำเร็จ
มีวินัย |
|
|