#121
|
||||
|
||||
105. ผลรวม $$z=0.1+0.01+0.002+0.0003+0.00005+0.000008+0.0000013+\dots$$ เป็นจำนวนอตรรกยะ
106. ในจำนวนจริงเจ็ดตัว $y_1,\ y_2,\dots,y_7$ จะมีสองจำนวน $y_i,\ y_j$ ในนั้นที่ $$0\le\frac{y_i-y_j}{1+y_iy_j}\le\frac{1}{\sqrt3}$$ Dirichlet's box principle and one of angle addition theorem 107. มีจำนวนเฉพาะอนันต์ตัวในลำดับ 3,7,11,... ขอกั๊กคำถามที่เหลือไว้ปั่นกระทู้ครับ Edit: แก้ hint ข้อ 106 ครับ ผมก็เพิ่งรู้นะว่าตกไปหนึ่งคำ ความหมายจะเป็นคนละเรื่องได้แบบนั้น
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. 04 กุมภาพันธ์ 2007 09:34 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum |
#122
|
||||
|
||||
Dirichlet's principle คืออะไรเหรอครับ พี่ nongtum ผมหาแล้วมันเกี่ยวกับอินทิเกรตซะงั้น
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! |
#123
|
||||
|
||||
ขออภัยน้อง m@gpie ด้วยครับ Dirichlet's principle ในข้อ 106 ผมหมายถึง Dirichlet's box principle ครับ บอกว่ากฎรังนกน่าจะเข้าใจง่ายกว่า
ผมคงไม่ใจร้ายให้อินทิเกรตหรอกครับ เพราะอินทิเกรตแบบนั้นผมเองก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน แก้ไข: แถมอีกข้อครับ ข้อนี้ขอให้น้องๆลองค้นคำตอบก่อน แล้วพี่ๆค่อยเสริมนะครับ (แต่จะช่วยแก้ภาษาในคำถามตามที่เห็นสมควรผมก้ไม่ขัดนะ) 108. มีรูปทรงสามมิติที่มีปริมาตรเป็นศูนย์ มีด้านเดียว กำหนดทิศไม่ได้ และเมื่อแบ่งครึ่งก็ได้แถบสองแถบที่มีด้านเดียว (อ้อ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณ warut เคยพูดถึงเรื่องนี้ในบอร์ดนี้ด้วยนะ)
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. 04 กุมภาพันธ์ 2007 10:54 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum |
#124
|
||||
|
||||
อืมมม ตอนแรกก็เอะใจครับ เหมือนเคยเห็นแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน อิอิ นึกได้แล้ว
ข้อ 106. พิจารณา ช่วง $(-\frac{\pi}{2},\frac{\pi}{2})$ โดยการแบ่งออกเป็น 6 ช่วงเท่าๆกันคือ \[ (-\frac{\pi}{2},-\frac{\pi}{3}], [-\frac{\pi}{3},-\frac{\pi}{6}],[-\frac{\pi}{6},0], [0,\frac{\pi}{6}], [\frac{\pi}{6},\frac{\pi}{3}], [\frac{\pi}{3},\frac{\pi}{2}) \] และ ให้จำนวนจริงทั้ง 7 ตัว $\theta_i \in (-\frac{\pi}{2},\frac{\pi}{2}),\; \; i=1,2,...,7 $ โดย Pegionhole principle จะได้ว่า ย่อมต้องมี $\theta_i$ และ $\theta_j$ ที่อยู่ในช่วงเดียวกัน จะได้ว่า $0\leq \theta_i-\theta_j \leq \frac{\pi}{6}$ และเนื่องจาก $\tan$ เป็นฟังก์ชันเพิ่มในช่วง $(-\frac{\pi}{2},\frac{\pi}{2})$ จึงได้ว่า \[ 0\leq \tan(\theta_i-\theta_j) \leq \tan \frac{\pi}{6} \Rightarrow 0\leq \frac{\tan(\theta_i)-\tan(\theta_j)}{1+\tan \theta_i \tan \theta_j} \leq \frac{1}{\sqrt{3}} \] นั่นคือให้ $y_i =\tan\theta_i, \; y_j = \tan \theta_j$ ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! 04 กุมภาพันธ์ 2007 11:52 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ M@gpie |
#125
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
อ้างอิง:
|
#126
|
|||
|
|||
105. False
$ \frac{1}{10}+\frac{1}{10^2}+\frac{2}{10^3}+\frac{3}{10^4}+\frac{5}{10^5}+\cdots = z\cdots(1) $ $ \frac{1}{10^2}+\frac{1}{10^3}+\frac{2}{10^4}+\frac{3}{10^5}+\frac{5}{10^6}+\cdots = \frac{z}{10}\cdots(2) $ $ (1)-(2);$ $ \frac{1}{10}+\frac{1}{10^3}+\frac{1}{10^4}+\frac{2}{10^5}+\frac{3}{10^6}+\cdots = \frac{9z}{10}\cdots(3) $ $(3)$ สามารถเขียนใหม่เป็น $ \frac{1}{10}+\frac{1}{10^2}(\frac{1}{10}+\frac{1}{10^2}+\frac{2}{10^3}+\frac{3}{10^4}+\cdots ) = \frac{9z}{10} $ $ \frac{1}{10}+\frac{1}{10^2}\cdot z = \frac{9z}{10} \rightarrow z= \frac{10}{89} $
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว |
#127
|
|||
|
|||
107. TRUE
It's sufficient to show that there're infinitely many primes of the form $ 4k+3 $ Suppose for the contrary that there're only finite number of primes in that form,say, $ p_1,p_2,\cdots p_n $ Consider $ A= 4p_1p_2\cdots p_n -1 $ It's obvious that A is odd number. So prime divisor of A must be of the form $ 4m+1 $ or $4m+3$. But all prime divisors of A can't be of the form $ 4m+1 $, since $ (4l+1)(4n+1)=4j+1 \,\, \exists j\in N. $ When we multiply this form of divisors finitely many times, it's impossible to be $A$. So there exists at least one prime divisor of the form $ 4m+3 $ ,which isn't equal to $ p_1,p_2,\cdots p_n $ And it gives the contradiction.
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว |
#128
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ในส่วนของเมทริกซ์เอกฐาน ผมได้ว่าข้อความนี้ยังจริงอยู่สำหรับเมทริกซ์ที่ไม่ใช่ nilpotent matrix แต่ต้องให้สมาชิกเป็นจำนวนเชิงซ้อนซะแล้วล่ะครับเพราะผมเอา Jordan Form มาใช้ ให้ $A$ เป็นเมทริกซ์เอกฐานที่มีสมาชิกเป็นจำนวนเชิงซ้อน และไม่ใช่ nilpotent matrix เราจะได้ว่า $$A=P^{-1}JP$$ เมื่อ $J$ คือ Jordan Form ของ $A$ เนื่องจาก $A$ ไม่ใช่ nilpotent matrix เราจะได้ว่า $J$ เป็น triangular matrix ซึ่งสมาชิกตามแนวเส้นทแยงมุมหลักไม่เป็นศูนย์ทั้งหมด และต้องมีศูนย์อย่างน้อยหนึ่งตัวเนื่องจาก $A$ เป็นเมทริกซ์เอกฐาน(สมาชิกตามแนวเส้นทแยงมุมหลักของ $J$ คือ eigenvalue ของ $A$ และ $0$ ก็เป็น eigenvalue ของ $A$ ตัวหนึ่ง ) ให้ $B$ เป็น diagonal matrix ซึ่งสมาชิกตามแนวเส้นทแยงมุมหลักมีค่าดังนี้ $$b_{ii} = \cases{1 & , j_{ii}=0 \cr j_{ii} & , j_{ii}\neq 0}$$ เราจะได้ว่า $B$ เป็นเมทริกซ์ไม่เอกฐาน และ $J-B$ เป็นเมทริกซ์เอกฐาน ดังนั้น $A=P^{-1}BP + P^{-1}(J-B)P$ เป็นผลบวกของเมทริกซ์เอกฐานและเมทริกซ์ไม่เอกฐาน สำหรับกรณีนี้จะลองไปคิดอีกรอบครับว่าถ้าสมาชิกเป็นจำนวนจริงจะทำได้รึเปล่า ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าจะจริงครับ แต่คงจะยากขึ้นไปอีก งั้นผมขอต่อข้อต่อไปด้วยโจทย์ข้อนี้เลยละกัน 109. ทุก nilpotent matrix (ที่มีสมาชิกเป็นจำนวนเชิงซ้อน) สามารถเขียนเป็นผลบวกของเมทริกซ์เอกฐานและเมทริกซ์ไม่เอกฐาน
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#129
|
||||
|
||||
110. $$ \int_{-\pi/2}^{\pi/2} (1-\cos^2x)^{3/2}\,dx=0 $$
__________________
โลกนี้มีคนอยู่ 10 ประเภท คือ คนที่เข้าใจเลขฐานสอง และคนที่ไม่เข้าใจ |
#130
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ถ้า $A$ เป็นเมทริกซ์เอกฐานที่ไม่ใช่ nilpotent matrix $A$ จะมี eigenvalue $\lambda\in\mathbb C$ โดยที่ $\lambda\ne0$ ดังนั้นเราจึงเขียน $A$ ในรูปผลบวกของ เมทริกซ์เอกฐาน และ เมทริกซ์ไม่เอกฐาน ได้ดังนี้ครับ $$A=(A-\lambda I)+\lambda I$$ |
#131
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#132
|
|||
|
|||
แต่สิ่งที่คุณ nooonuii ทำมาไม่เสียเปล่าหรอกครับ เพราะผมก็ได้อาศัยใช้คลำทางพอทำข้อ 109. ไปได้ (มั้ง)
อ้างอิง:
ให้ $A\ne0$ เป็น nilpotent matrix ขนาด $n\times n$ และ $A=PJP^{-1}$ โดยที่ $J=\{a_{ij}\}$ คือ Jordan form ของ $A$ ให้ $B=\{b_{ij}\}$ เป็น $n\times n$ matrix ที่มี $$b_{ij}= \cases{ 1 & ,i=n,j=1 \\ 1 & , 2\le j=i+1\le n \\ 0 & ,\text{ otherwise}}$$ จะเห็นว่า $B$ เป็น non-singular matrix (เพราะ $\det B=(-1)^{n+1}$ ) เนื่องจาก $A\ne0$ ดังนั้น $J\ne0$ แสดงว่าจะต้องมี $i$ ที่ $1\le i\le n-1$ และ $a_{i,i+1}=1\ne0$ ดังนั้น $J-B$ จึงเป็น singular matrix (มีแถวที่เป็น $0$ หมด) แสดงว่าเราสามารถเขียน $A$ ในรูปผลบวกของ เมทริกซ์เอกฐาน และ เมทริกซ์ไม่เอกฐาน ได้ดังนี้ครับ $$A=P(J-B)P^{-1}+PBP^{-1}$$ 15 กุมภาพันธ์ 2007 16:29 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ warut |
#133
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
$\displaystyle{\int_{-\pi/2}^{\pi/2} (1-\cos^2x)^{3/2}dx=\int_{-\pi/2}^{\pi/2} (\sin^2x)^{3/2}dx=\int_{-\pi/2}^{\pi/2} \bigg|\sin^{3}x\bigg|dx>0}$ 111.ในลำดับ $1,4,9,...$ มีจำนวนพาลินโดรมอยู่เป็นอนันต์ 112.มีจำนวนเฉพาะที่เป็นพาลินโดรมอยู่อย่างจำกัด
__________________
$$\int_{0}^{\frac{\pi}{2}}\frac{a\cos x-b\sin x}{a\sin x+b\cos x}dx=\ln\left(\frac{a}{b}\right)$$ BUT $$\int_{0}^{\frac{\pi}{2}}\frac{a\cos x+b\sin x}{a\sin x+b\cos x}dx=\frac{\pi ab}{a^{2}+b^{2}}+\frac{a^{2}-b^{2}}{a^{2}+b^{2}}\ln\left(\frac{a}{b}\right)$$
|
#134
|
||||
|
||||
113.
"จำนวนเต็ม บวก จำนวนที่ลงท้ายด้วย 5 ย่อมหารด้วย 5 ลงตัวเสมอ"
__________________
โลกนี้มีคนอยู่ 10 ประเภท คือ คนที่เข้าใจเลขฐานสอง และคนที่ไม่เข้าใจ |
#135
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
|
หัวข้อคล้ายคลึงกัน | ||||
หัวข้อ | ผู้ตั้งหัวข้อ | ห้อง | คำตอบ | ข้อความล่าสุด |
Algebra Marathon | nooonuii | พีชคณิต | 199 | 20 กุมภาพันธ์ 2015 10:08 |
Trigonometric Marathon | Mastermander | พีชคณิต | 251 | 24 พฤศจิกายน 2013 21:21 |
Calculus Marathon (2) | nongtum | Calculus and Analysis | 134 | 03 ตุลาคม 2013 16:32 |
Marathon | Mastermander | ฟรีสไตล์ | 6 | 02 มีนาคม 2011 23:19 |
Calculus Marathon | nooonuii | Calculus and Analysis | 222 | 26 เมษายน 2008 03:52 |
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
|
|