|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
|||
|
|||
Happy New Year Problem
สวัสดีปีใหม่ 2549 ครับทุกท่าน ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงคุ้มครองและดลบันดาลให้สมาชิกทุกท่านมีความสุขตลอดปีใหม่นี้และตลอดไป ขอให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจปราถนา สุขสมหวังกันถ้วนหน้าครับ ปีนี้มีโจทย์มาฝากอีกเช่นเคย ส่วนใหญ่คิดเองครับ
1.(อสมการ) ให้ a,b,c > 0 จงพิสูจน์ว่า \[ \frac{a}{\sqrt{7a^2 + b^2 + c^2 }} + \frac{b}{\sqrt{a^2 + 7b^2 + c^2 }} + \frac{c}{\sqrt{a^2 + b^2 + 7c^2 }} \leq 1 \] 2.(อสมการ) ให้ a,b,c > 0 โดยที่ a + b + c = 3 จงพิสูจน์ว่า \[ \frac{a^n}{b+1} + \frac{b^n}{c+1} + \frac{c^n}{a+1} \geq \frac{3}{2} \] ทุกจำนวนเต็ม n 3.(ทฤษฎีจำนวน) ให้ \( p_1 , p_2, ?, p_n \) เป็นลำดับของจำนวนเฉพาะที่แตกต่างกัน จงพิสูจน์ว่า \[ \frac{p_1}{p_2} + ... + \frac{p_{n-1}}{p_n} \] ไม่เป็นจำนวนเต็ม 4.(คอมบินาทอริก) จงหาค่าของผลบวกต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย \[ \sum_{i=1}^{n} \sum_{j=1}^{n} \frac{1}{i+j+1} {n \choose i} {n \choose j} \] 5.(ฟังก์ชัน) ให้ a,b,c,d เป็นจำนวนจริง และนิยาม \( f : R^2 \rightarrow R^2 \) โดย \[ f(x,y) = (ax+by,cx+dy) \] จงพิสูจน์ว่า f เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งก็ต่อเมื่อ f เป็นฟังก์ชันทั่วถึง 6.(Advanced Linear Algebra) ให้ A,B เป็น matrix ขนาด 3x3 โดยที่ \( A^4 = 0 \) และ ABA = BAB จงพิสูจน์ว่า I ? AB และ I ? BA เป็น invertible matrix 7.(พีชคณิตของพหุนาม) ให้ P(z) เป็นพหุนามในจำนวนเชิงซ้อนซึ่ง |Re(P(z))| = |Im(P(z))| ทุกค่า z จงพิสูจน์ว่า มีจำนวนจริง a ซึ่งทำให้ \[ [P(z)]^4 + 4a^4 = 0 \] ทุกค่า z 8.(เรขาคณิต) ให้ ABC เป็นสามเหลี่ยมใดๆ D เป็นจุดบน AB ซึ่งทำให้ส่วนของเส้นตรง CD แบ่งครึ่งมุม ACB จงพิสูจน์ว่า (AD)(BC) = (AC)(BD) 9.(Advanced Calculus) จงหาค่าของ \[ \int_{0}^{\infty} \int_{0}^{y} e^{-(x^2+y^2)} dxdy \] 10.(Basic Calculus) ให้ P(x) เป็นฟังก์ชันพหุนามกำลังสามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนจริงซึ่งมีรากเป็นจำนวนจริงที่แตกต่างกันมากกว่าหนึ่งราก จงพิสูจน์ว่า P(x) มีค่าต่ำสุดและสูงสุดสัมพัทธ์ สมาชิกท่านใดมีโจทย์มาร่วมด้วยก็ไม่ขัดข้องครับ Happy New Year 2006!! P.S. จะกลับมาเฉลยข้อที่ยังไม่มีคำตอบหลังวันที่ 11 นะครับ
__________________
site:mathcenter.net คำค้น 01 มกราคม 2006 23:04 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nooonuii |
#2
|
|||
|
|||
ขอข้อที่ง่ายสุดก่อนแล้วกัน
8. กำหนดให้ $ \Delta $ แทนพื้นที่สามเหลี่ยม เพราะ $ \frac{\Delta ADC}{\Delta DBC}=\frac{AD}{BD}......(1) $ และ $ \frac{\Delta ADC}{\Delta DBC}=\frac{\frac{1}{2}(AC)(CD)sin( A\hat{C}D)}{\frac{1}{2}(BC)(CD)sin( B\hat{C}D)}=\frac{AC}{BC}......(2) $ จาก (1)=(2) จะได้ (AD)(BC)=(BD)(AC)
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว |
#3
|
||||
|
||||
ข้อนี้ดูง่ายผิดปกติ ดังนั้นเจอผิดตรงไหนบอกด้วยนะครับ
7. WLOG ให้ $P(z)=\alpha\pm\alpha{i}$ เมื่อ $\alpha=\alpha{(z)}=Re(P(z))$ ดังนั้นจาก De Moivre's Theorem จะได้ว่าสมการ $$[P(z)]^4+4a^4=2\alpha^4{cis(\pm\pi)}+4a^4=-2\alpha^4+4a^4=0$$ มีคำตอบ a เป็นจำนวนจริงอย่างน้อยหนึ่งตัว ปล. สวัสดีปีใหม่ 2549 ชาว mathcenter ทุกคนครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. 01 มกราคม 2006 09:33 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum |
#4
|
||||
|
||||
พี่ noonuii ยังคงมี new year problem เช่นปีก่อนนะครับ อิอิ
งั้นขอ ข้อที่ทำได้ละกันคับอิอิ ข้อ 9 ลำดับของการอินทิเกรตต้องเป็น สลับกันรึเปล่าครับ อินทิเกรตเทียบ x ถึง x มัน งงๆ ทำการเปลี่ยนตัวแปรอินทิเกรตเป็นระบบพิกัดเชิงขั้วจะได้ \[ \begin{array}{rcl} \int _0 ^{\infty} \int _0 ^x e^{-(x^2+y^2)} dydx & = \int _0 ^{\infty} \int _0 ^{\frac{\pi}{4}} e^{-r^2} r d \theta dr = \frac{\pi}{8} \end{array} \]
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! 01 มกราคม 2006 11:00 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ M@gpie |
#5
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
จาก\[1-2(1+x)^n+(1+x)^{2n}=((1+x)^n-1)((1+x)^n-1)\]\[= \left(\sum_{i=1}^n{n\choose i}x^i\right)\left(\sum_{j=1}^n{n\choose j}x^j\right)\]\[= \sum_{i=1}^n\sum_{j=1}^n{n\choose i}{n\choose j}x^{i+j}\]ดังนั้น\[ \sum_{i=1}^n\sum_{j=1}^n\frac{1}{i+j+1}{n\choose i}{n\choose j} =\int_0^1\sum_{i=1}^n\sum_{j=1}^n{n\choose i}{n\choose j}x^{i+j}\,dx\]\[ =\int_0^11-2(1+x)^n+(1+x)^{2n}\,dx\]\[= 1-\frac{2(2^{n+1}-1)}{n+1}+\frac{2^{2n+1}-1}{2n+1}\]คร้าบ |
#6
|
|||
|
|||
ข้อ 1 ใช้ Cauchy schwarz ก่อน
จาก $7a+b+c=a+a+a+a+a+a+a+b+c\leq \sqrt{7a^{2}+b^{2}+c^{2}}\cdot 3$ ในทำนองเดียวกัน $a+7b+c\leq \sqrt{a^{2}+7b^{2}+c^{2}}\cdot 3$ $a+b+7c\leq \sqrt{a^{2}+b^{2}+7c^{2}}\cdot 3$ ดังนั้น $$LHS \leq \frac{3a}{7a+b+c}+\frac{3b}{a+7b+c}+ \frac{3c}{a+b+7c}=I $$ จะพิสูจน์ว่า Iฃ1 ก็เรียบร้อย WLOG aณbณc ดังนั้น 3aณ3bณ3c และ $\frac{1}{a+b+7c}\geq \frac{1}{a+7b+c}\geq \frac{1}{7a+b+c} $ ใช้ Rearrangement inequality 2 ครั้ง $$\frac{3a}{a+b+7c}+\frac{3b}{7a+b+c}+\frac{3c}{a+7b+c} \geq I...(1)$$ $$\frac{3a}{a+7b+c}+\frac{3b}{a+b+7c}+\frac{3c}{7a+b+c} \geq I...(2)$$ (1)+(2)+7I จะได้ $$\frac{3(a+b+7c)}{a+b+7c}+\frac{3(b+c+7a)}{7a+b+c}+\frac{3(c+a+7b)}{a+7b+c}=3+3+3\geq 2I+7I $$ หรือ Iฃ1 ตามต้องการ
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว 01 มกราคม 2006 18:36 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ passer-by |
#7
|
||||
|
||||
ขอแจมบ้างนะครับ
solve this equation \( z^6 +z^4+z^3+z^2+1=0 \)
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! |
#8
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
=\frac{z^5-1}{z-1}\cdot\frac{z^3+1}{z+1}$จะได้ว่าคำตอบทั้งหมดของสมการนี้คือรากที่ห้าทั้งหมดของ 1 ยกเว้น 1 และรากที่สามทั้งหมดของ -1 ยกเว้น -1
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#9
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
สมมติให้\[n=\frac{p_1}{p_2}+\frac{p_2}{p_3}+\cdots+\frac{p_{n-2}}{p_{n-1}}+ \frac{p_{n-1}}{p_n}\]เป็นจำนวนเต็ม และให้ \(q=p_2p_3\dots p_{n-1}\) ดังนั้น\[nq- \frac{p_1q}{p_2}-\frac{p_2q}{p_3}-\cdots-\frac{p_{n-2}q}{p_{n-1}} =\frac{p_{n-1}q}{p_n}\]จะเห็นว่าทางซ้ายมือของสมการเป็นจำนวนเต็มเพราะทุกพจน์เป็นจำนวนเต็ม แต่ว่าทางขวามือไม่ใช่จำนวนเต็ม จึงเกิดข้อขัดแย้งขึ้นครับ |
#10
|
||||
|
||||
โป๊ะเชะ ครับ คุณ nongtum อยากรู้ว่า แยกด้วยวิธีอะไร แหะๆๆ พอดีข้อนี้ผมทำแยกด้วยวิธีอื่น มีอีกข้อที่สงสัยครับ ไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดรึเปล่า ถ้าผิดช่วยแก้ไขด้วยนะคับ
โจทย์บอกว่า จงแยกตัวประกอบของ \( z^5+z+1 \) วิธีทำคือ ให้ \( z^2+z+1 = 0 \) จะได้ว่า \( z^3 = 1 \) ดังนั้นสรุปได้ว่า \( z^5+z+1 = 0 \) นั่นคือ \( z^5+z+1 \) จะมี \( z^2+z+1 \) เป็นตัวประกอบ คือ งง ไปพักใหญ่ครับ ช่วยอธิบายด้วย
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! |
#11
|
|||
|
|||
ข้อ 10
แบ่งเป็น 2 กรณี (1) p(x) มีรากต่างกัน 3 ราก (say , p(a)=p(b)=p(c)=0 (a<b<c) ) จาก Rolle's theorem จะมี c1 in (a,b) and c2 in (b,c) ซึ่ง p'(c1)=p'(c2)=0 Apply Rolle's theorem again ดังนั้น จะมี d in (c1, c2) ซึ่ง p"(d)=0 แต่ p"(x) เป็น linear function ดังนั้น p"(c1) และ p"(c2) มี เครื่องหมายต่างกัน แสดงว่า p(x) มีทั้ง local max & local min ตามต้องการ ( กล่าวคือ ที่ c1 และ c2) (2)p(x) มีรากต่างกันเพียง 2 ราก (say p(a)=p(b)=0 (a<b) ) จาก Rolle's theorem จะได้ว่ามี c in (a,b) ซึ่ง p'(c)=0 ถ้า c เป็นเพียงรากเดียวของ p'(x)=0 จะทำให้ p(x) อยู่ในรูปแบบ m(x-c)3+d โดย mน0 ซึ่งถ้า p(a)=p(b) แล้ว a=b เสมอ ซึ่งขัดแย้งกับ a<b ดังนั้นต้องมี k นc ซึ่ง p'(k)=0 เท่ากับว่าตอนนี้ p'(c)=p'(k)=0 แล้วก็อ้างแบบเดียวกับ กรณีที่ 1 ก็จะได้ p(x) มีทั้ง local min & local max
__________________
เกษียณตัวเอง ปลายมิถุนายน 2557 แต่จะกลับมาเป็นครั้งคราว |
#12
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ให้สังเกตว่า\[(AB)^4=A(BAB)A(BAB)=A(ABA)A(ABA)=A^2BA^3BA= 0\]ดังนั้น\[(I-AB)(I+AB+(AB)^2+(AB)^3)=I\]แสดงว่า \(I-AB\) เป็น invertible matrix ทำนองเดียวกันเนื่องจาก\[(BA)^5=B(AB)^4A=0\]ดังนั้น\[(I-BA)(I+BA+(BA)^2+(BA)^3+ (BA)^4)=I\]นั่นคือ \(I-BA\) ก็เป็น invertible matrix ด้วยครับ |
#13
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
อ้างอิง:
$\begin{array}{rcl} z^5+z+1&=&z^5+(z^4+z^3+z^2)+z+1-(z^4+z^3+z^2)\\ &=&z^3(z^2+z+1)+(z^2+z+1)-z^2(z^2+z+1)\\ &=&(z^3-z^2+1)(z^2+z+1)\\ \end{array}$
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#14
|
||||
|
||||
งืม เยี่ยมไปเลยคับ ได้มุมมอง การแยกตัวประกอบเพิ่มขึ้น ด้วย ขอบคุงงับ
ลองอีกซักข้อสองข้อนะงับ จงแยกตัวประกอบของ \( z^7 + z^5 +z^4+z^3+z^2+1 \) \( s^9 + s^6 + s^3 + s^2 + 1 \)
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! 02 มกราคม 2006 21:53 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ M@gpie |
#15
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
โดยการมองว่า \(\mathbb R^2\) เป็น vector space over \(\mathbb R\) แล้วเราจะได้ว่า \(f\) เป็น linear operator on \(\mathbb R^2\) ดังนั้นโดยอาศัยทฤษฎีบทที่คุณ nooonuii เคยอธิบายไว้ เราจะได้ว่าข้อความที่ต้องการพิสูจน์นั้นเป็นจริงในทันทีเลยครับ 03 มกราคม 2006 19:44 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ warut |
หัวข้อคล้ายคลึงกัน | ||||
หัวข้อ | ผู้ตั้งหัวข้อ | ห้อง | คำตอบ | ข้อความล่าสุด |
ใครรู้จัก NP-Problem มั่งครับ ช่วยเข้ามาคุยกันหน่อย | fangolf | ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป | 0 | 05 กุมภาพันธ์ 2007 10:10 |
LQR Problem | M@gpie | ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป | 0 | 24 กันยายน 2006 16:50 |
ปัญหาชิงรางวัลข้อที่ 2: Log Problem | warut | คณิตศาสตร์อุดมศึกษา | 8 | 16 มกราคม 2006 05:04 |
set problem | brother | ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป | 1 | 11 เมษายน 2005 02:06 |
HaPpY NeW YeAr กานหน่อยคร้าบบบ จะปีใหม่แล้ว | M@gpie | ปัญหาคณิตศาสตร์ทั่วไป | 4 | 01 มกราคม 2004 16:31 |
|
|