คุณครูกับไม้เรียว

[Slurpee]

อยากให้ชาว mathcenter แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาไทยกับไม้เรียว
หรือไม่ก็ให้ท่านผู้มีอายุมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อยครับ ว่ามีอดึตอะไรกับไม่เรียว

[Puriwatt]

ในฐานะที่เป็นผู้มีอายุยังไม่มากเท่าไหร่ ขอบอกว่าเจ็บมากกก...

- อาจจะเป็นการลงโทษที่กระตุ้นเตือนให้รู้สำนึกผิดชอบชั่วดีและหลาบจำได้ (ในนักเรียนบางประเภท)
- แต่ใช้ไม่ได้ผลกับนักเรียนที่ค่อนข้างมีปัญหาส่วนตัว และผู้ที่รักความเสรี (ชอบทำตามความต้องการของตนเอง)
- เป็นอำนาจที่คุณครูเคยมี โดยใช้ประโยชน์ในการควบคุมความสงบ (แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดความลำเอียง)
- ถ้าครูไม่มีวิจารณญาณในการวิเคราะห์ (หูเบา, ขี้โมโห) อาจทำให้เกิดการลงโทษผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดก็ได้ (เคยโดนมาแล้ว)
- เป็นอุปกรณ์ทางการศึกษาทีอาจจะเป็นคุณหรือโทษก็ได้ แล้วแต่ความสามารถของผู้ใช้งาน(ครู)

** ไม่เคยพบคำเตือน และวิธีใช้งานที่ถูกต้อง แปะใว้ในจุดที่สังเกตได้ง่าย ตามมาตรฐานสากล **

[GunUltimateID]

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Puriwatt

COLOR]
- ถ้าครูไม่มีวิจารณญาณในการวิเคราะห์ (หูเบา, ขี้โมโห) อาจทำให้เกิดการลงโทษผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดก็ได้ (เคยโดนมาแล้ว)
**

บ่อยเลย ตีมั่ว แบบเหมารวม

[ครูนะ]

อยู่ที่ครอบครัวมาเป็นอันดับแรกครับ

ครอบครัวไม่ดี เด็กก็ไม่ดี ครูต้องตี ไม่งั้นเอาไม่อยู่

ทีนี้มีวิธีอื่นไหม ใช้จิตวิทยา แล้วว่าครูที่ตีคือครูที่ไม่มีจิตวิทยาการสอน

ครูก็ลำบากเหมือนกันอ่ะ

สรุปคือ ผมอยากรู้เหมือนกันครับว่าต้องทำยังไง

แต่ที่แน่ๆ การศึกษาต้องมีหลายภาคส่วนมาเกี่ยวข้องกันหมด

ไม่ใช่ลอยตัวโดดๆ แบบนี้ ทุกวันนี้การศึกษาไทยไม่เชื่อมโยงกับ

ชีวิตจริง ลอยตัวออกนอกสังคม ที่บ้านก็ไม่สนใจลูก

ทุกคนก็ต้องทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพื่อความอยู่รอด

ลำบากครับ

[Influenza_Mathematics]

ครู โรงเรียนผมไม่ตีครับ หักคะแนนเอา

[หยินหยาง]

จากเจ้าของกระทู้อยากให้ผู้มีอายุเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ แสดงว่าทุกคนมีสิทธิเล่าได้หมด เพียงขอให้เกิดมาแล้วอยู่รอดเป็นทารกก็มีอายุแล้วครับ แต่ถ้าให้ท่าน สว.เล่าให้ฟัง คงต้องเป็นไม้ตะพดแทนไม้เรียว น่าจะถนัดกว่า เข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ

ก่อนอื่นผมขอมองในแง่บวกก่อนเกี่ยวกับการใช้ไม้เีรียว โดยอิงวิชาการเกี่ยวกับ ทฤษฎีสิ่งจูงใจ (incentive theory)ซึ่งเป็นทฤษฎีหนึ่งในจิตวิทยาเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ที่ว่า ปัจจัยภายนอกหรือสิ่งแวดล้อมที่จูงใจจะดึงดูดให้คนมุ่งไปหาสิ่งนั้น มนุษย์กระทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อแสวงหาสิ่งที่พอใจ (Positive Incentives) เช่น รางวัล คำยกย่อง สิทธิพิเศษ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่พอใจ (Negative Incentives) เช่น ถูกลงโทษ ถูกตำหนิ ทำให้เจ็บกาย การที่คนมี พฤติกรรมแตกต่างกัน หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับความแตกต่างในคุณค่า (Values) ของสิ่งจูงใจ ถ้าคิดว่าการกระทำอย่างใด อย่างหนึ่ง จะได้รับผลคุ้มค่าก็จะมีแรงจูงใจให้บุคคลกระทำอย่างนั้น เพียงแต่ว่าการใช้ไม้เรียวนั้น จะเอียงไปทางด้าน Negative Incentives นี่ยังไม่มองถึงคุณครูบางคนที่ไม่เข้าใจถึงหลักทฤษฎีนี้นะครับ ไม่งั้นการลงโทษจะเป็นการระบายโทสะหรือความโกรธของตัวครูก็ได้ และเป็นการลงโทษเกินกว่าเหตุอันควร ซึ่งจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ แถมยังเกิดผลเสียที่ตามมาอีก ในส่วนตัวผมการศึกษาไทยนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งไม่เรียว ก็ทำให้พัฒนาได้ เพราะไม้เรียวเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่เป็นตัวช่วยให้เด็กมีวินัย และการเรียนรู้ก็เกิดเพราะความกลัวไม่ได้เกิดเพราะความสมัครใจ ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้ไม่คงทนถาวร ก่อนจะไปพูดถึงประเด็นนั้น ขอกลับมาเรื่องเดิมก่อน อันที่จริงทางกระทรวงได้เคยมีนโยบายเลิกใช้ไม้เีรียวไปแล้ว แต่ตอนหลังได้นำกลับมาใช้อีกครั้ง ด้วยสาเหตุที่ว่าไม่สามารถควบคุมเด็กได้ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยังไม่สามารถทำให้เด็กอยู่ในวินัยได้อยู่ดี เำพราะขาดกระบวนการที่จะสื่อให้เข้าใจเป็นหลัก ประเด็นของการแก้ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะโยนไปที่เด็กไม่ได้มองที่ตัวครูผู้ใช้ไม้เรียวว่ามีปัญหาหรือไม่ ไม่มีข้อตกลงหรือการยอมรับทั้งสองฝ่าย และบางครั้งเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนที่ไมใ่มีจิตวิญญาณของครู ปัญหาจึงไม่รู้จักจบจากสิ้น อีกอย่างทางกระทรวงก็ไม่มีปัญญาตรวจสอบต้องปล่อยให้เกิดเรื่องก่อนค่อยออกมาแก้กันพัลวัน ผมยกตัวอย่างหนึ่งซึ่งเป็นหน้าที่ของครูประจำชั้นที่ต้องเยี่ยมบ้านลูกศิษย์และทำรายงานส่ง เอาเข้าจริงผมอยากทราบเหมือนกันว่ามีใครบ้างที่ครูไปเยี่ยมที่บ้าน เท่าที่ผมรู้ 100% ก็ว่าได้เขียนสภาพความเป็นอยู่ แผนที่บ้าน และถ่ายรูปที่บ้านให้กับทางคุณครู หรือไม่งั้นครูก็ทำเองแต่กรณีนี้ผมว่าน้อยมาก ผมก็เลยงงว่ามีโครงการนี้แล้วทำไม่ได้จะมีไปทำไม ผมเข้าใจว่าโครงการนี้ดี แต่ก็สร้างภาระอย่างมากให้กับคุณครู แต่เมื่อทำไม่ได้ทำไมไม่พูดคุยกัน ขายผ้าเอาหน้ารอดอยู่ได้ แล้วเด็กก็เห็นเป็นตัวอย่าง เหมือนระบบการศึกษาอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น o-net gat pat ล้วนมีปัญหาทั้งนั้นครูเองก็รู้แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร
กลับมาเรื่องไม้เรียว ผมขอพูดในกรณีที่ใช้ไม้เีรียวให้ได้ผล ถ้าจะใช้
1. ตัวผู้ใช้ (คุณครู) ต้องมีคุณสมบัติที่จะใช้ก่อน ถ้าไม่มีอย่าริที่จะใช้เด็ดขาด เพราะนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการบ้าอำนาจ สมบัติที่ว่าคือมีวิญญาณของความเป็นครู มีเมตตาธรรม มีคุณธรรม และมีความยุติธรรมอยู่ในหัวใจตลอดเวลา
2. การลงโทษแต่ละครั้งต้องให้ผู้ได้รับโทษรู้ถึงบทลงโทษ หรือพูดง่ายๆก็คือรู้ว่าผิดกรณีใดจะต้องถูกตีกี่ที และก่อนการลงโทษจะต้องให้เด็กยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับ ควรมีกรรมการสอบแล้วถือมติส่วนใหญ่เป็นหลัก
3. ต้องไม่ใช้การลงโทษกับเด็กที่คิดว่า ไม่เป็นไรลงโทษก็ลงโทษไป แลกกับความผิดที่ทำ เช่น เด็กมาสาย ก็ตี ถ้าเด็กคิดว่ามาสายแลกกับการตี งั้นมาสายก็ได้ การลงโทษแบบนี้ไม่ได้แก้ปัญหา หนำซ้ำจะเพิ่มปัญหาเข้าไปอีก
4. ให้คำนึงถึงหลักที่ว่าการลงโทษโดยที่จะทำให้เจ็บกายนั้นจะต้องมาทีหลังก่อนการพูดคุยหรือการว่ากล่าวตักเตือน ยกเว้นในกรณีร้ายแรง และได้เขียนไว้ชัดแจ้งอยู่ก่อน
5. การลงโทษโดยการตีไม่ควรใช้กับเด็กเล็ก เพราะจะให้ผลเสียมากกว่าผลดี (ศึกษาได้จากจิตวิทยาของเด็กได้)

ปล. ผมมีความเชื่อว่าไม้เรียวไม่ได้มีผลต่อการศึกษาไทยอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าหลายคนมักจะออกมาพูดว่าได้ดีจนถึงทุกวันนี้เพราะไม้เรียวก็ตาม อาจเป็นเพราะในช่วงสมัยนั้นไม่มีสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี่เท่าสมัยนี้ก็ได้ และสังคมในแต่ละช่วงสมัยและค่านิยมก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกอย่างเค้าไม่เคยได้เลือกที่จะไม่ใช้ไม้เรียวไม่ใช่หรือครับถ้าเค้าได้ลองเลือกที่จะไม่ใช้เค้าอาจบอกว่า รู้งี้เลือกแบบไม่ใช้ดีกว่าก็เป็นไปได้
เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรให้การศึกษาพัฒนานั้นสงสัยต้องตั้งอีกกระทู้มั้งครับ

[มารบูรพา]

เรื่อง ไม้นี่ ผมคิดว่า ถ้าอยู่กับ ครู ที่มีเหตุผล ก็จะดี
แต่ถ้าอยู่กับครูที่ไม่มีเหตุผล เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งนี่สิ ผมนี่ไม่ชอบเอาซะเลย

ของทุกสิ่งมีทั้งคุณและโทษ อย่าง ธาตุ ยูเรเนียม เอามาทำเครื่องประดับได้ ในทางกลับกัน มันก็นำมาทำระเบิดนิวเคลียร์ได้เช่นกัน

[Αρχιμήδης]

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ หยินหยาง

จากเจ้าของกระทู้อยากให้ผู้มีอายุเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ แสดงว่าทุกคนมีสิทธิเล่าได้หมด เพียงขอให้เกิดมาแล้วอยู่รอดเป็นทารกก็มีอายุแล้วครับ แต่ถ้าให้ท่าน สว.เล่าให้ฟัง คงต้องเป็นไม้ตะพดแทนไม้เรียว น่าจะถนัดกว่า

คำนี้ดูเผินๆจะออกไปในทางกฎหมาย แต่ผมว่ามันล้ำลึกจริงๆครับท่านหยินหยาง (พาดพิงท่านBANKER ซ้าาา)

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ มารบูรพา

เรื่อง ไม้นี่ ผมคิดว่า ถ้าอยู่กับ ครู ที่มีเหตุผล ก็จะดี
แต่ถ้าอยู่กับครูที่ไม่มีเหตุผล เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งนี่สิ ผมนี่ไม่ชอบเอาซะเลย
ของทุกสิ่งมีทั้งคุณและโทษ อย่าง ธาตุยูเรเนียม เอามาทำเครื่องประดับได้ ในทางกลับกัน มันก็นำมาทำระเบิดนิวเคลียร์ได้เช่นกัน

แม่จ้าว!!! ยูเรเนียมเป็นธาตุกัมมันตรังสี มันเป็นเครื่องประดับได้ด้วยหรือครับ

คุณครูกับไม้เรียว : บอกได้คำเดียว ขอบคุณไม้เรียวครับ (โดยเฉพาะหวายแช่น้ำ เขียวไปหลายวันเลย)

[มารบูรพา]

ข้อความเดิมเขียนโดยคุณ Αρχιμήδης

คำนี้ดูเผินๆจะออกไปในทางกฎหมาย แต่ผมว่ามันล้ำลึกจริงๆครับท่านหยินหยาง (พาดพิงท่านBANKER ซ้าาา)



แม่จ้าว!!! ยูเรเนียมเป็นธาตุกัมมันตรังสี มันเป็นเครื่องประดับได้ด้วยหรือครับ

คุณครูกับไม้เรียว : บอกได้คำเดียว ขอบคุณไม้เรียวครับ (โดยเฉพาะหวายแช่น้ำ เขียวไปหลายวันเลย)

ทำเครื่องแก้วผสมยูเรเนียม ไง ตามเวปนี้อะมีรูปให้ดู
http://www.nst.or.th/article/article...ticle49405.htm
( สีเหลืองๆอะนะ )