|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
sense ทางคณิตศาสตร์
ผมอยากรู้ว่าsense ทางคณิตศาสตร์คืออะไร
__________________
คณิตศาสตร์ ไม่ใช่ สูตร การพิสูจน์ เเละ การคำนวณ เเต่มันคือความคิด คณิตศาสตร์ เป็นภาษาหนึ่ง ซึ่งเรากำลังเรียนรู้ที่จะพูดมัน คณิตศาสตร์ สามารถอธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ให้สามารถอธิบายได้ 28 มกราคม 2012 18:02 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ DevilMath |
#2
|
|||
|
|||
sense สะกดอย่างนี้ครับ
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#3
|
||||
|
||||
ครับ เเก้ใขเเล้วครับ เเต่ผมเเก้หัวกระทู้ไม่เป็นน่ะ
__________________
คณิตศาสตร์ ไม่ใช่ สูตร การพิสูจน์ เเละ การคำนวณ เเต่มันคือความคิด คณิตศาสตร์ เป็นภาษาหนึ่ง ซึ่งเรากำลังเรียนรู้ที่จะพูดมัน คณิตศาสตร์ สามารถอธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ให้สามารถอธิบายได้ |
#4
|
|||
|
|||
แก้ให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ไปเอาคำนี้มาจากไหนครับ
__________________
site:mathcenter.net คำค้น |
#5
|
||||
|
||||
ตอนนั่งเรียนครับ อาจารย์บอกว่าเราต้องมีsense ทางคณิตศาสตร์ ถ้าไม่มีเราก็จะต้องพัฒนา อาจารย์ท่านก็พูดถึงความสามารถในการคิดเชื่อมโยง อะไรประมาณนั้นอ่ะครับ เเต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามันคืออะไร
เอิ่มมีอยากที่จะถามครับ เรียน จน ตกผลึก เนี่ยคือยังไงครับ
__________________
คณิตศาสตร์ ไม่ใช่ สูตร การพิสูจน์ เเละ การคำนวณ เเต่มันคือความคิด คณิตศาสตร์ เป็นภาษาหนึ่ง ซึ่งเรากำลังเรียนรู้ที่จะพูดมัน คณิตศาสตร์ สามารถอธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ให้สามารถอธิบายได้ 28 มกราคม 2012 18:59 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ DevilMath |
#6
|
||||
|
||||
เอาความหมายของคำว่า sense ตามพจนานุกรมที่หาได้ทั่วไปมีความหมายว่า
sense (เซนซฺ) n. ความรู้สึก, ไหวพริบ, ประสาททั้งห้า, ประสาทสัมผัส, อินทรีย์สัมผัส, เหตุผล, ความสามารถในการพินิจพิเคราะห์, สติสัมปชัญญะ, ความฉลาด, ความสังหรณ์, ความหมาย, นัย, แนวทาง, ทิศทาง vt. รู้สึก, ตระหนัก, เข้าใจความหมาย, เข้าใจ, ฟื้นขึ้น (จากการสลบ) , สำนึก, สังหรณ์, ตื่นตัว. - ที่มา http://th.w3dictionary.org/index.php?q=in+a+sense ดังนั้น sense ทางคณิตศาสตร์ ถ้าดูจากบริบทที่ให้มาน่าจะหมายถึงความสามารถในการพินิจพิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งคงหมายถึงการมีตรรกในการแก้หรือมองปัญหา รู้จักการเชื่อมโยงเรื่องต่างๆที่เรียนอย่างเป็นระบบ ถ้าเขียนไว้อย่างนี้อาจยังไม่สามารถที่จะเห็นเป็นรูปธรรมได้ ลองดูตัวอย่างทางด้านนี้ดูรับ มีโจทย์เราขาคณิต ข้อหนึ่งให้หามุมจากรูป ให้เด็กในห้องเรียน 10 คนทำมีเพียง 3 คนที่ทำได้อีก7 คนทำไม่ได้ 3 คนที่ทำได้ ก็จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนแรกอัดตรีโกณในการแก้ปัญหา ออกทางถึก อีกคนอาจใช้ ทบ.ทางเรขา 2-3 เรื่องมาช่วยในการแก้ปัญหา อีกคนใช้การหมุนรูปหรือพลิกรูปทำให้ง่ายต่อการใช้ ทบ. ทางเรขาเพื่อหาคำตอบ ตัวอย่างที่ยกมาก็เพื่อให้เห็นว่า 7 คน ที่ทำไม่ได้ไม่ใช่เค้าไม่มีความรู้เพียงแต่ไม่สามารถนำความรู้ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ หรือพูดอีกอย่างก็คือความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ที่มียังไม่สัมฤทธิ์ผลนั่นเอง คนหลายคนอ่านโจทย์จบแล้วยังมองไม่ออกว่าสิ่งที่โจทย์กำหนดให้จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไรหรือมีประโยขน์หรือไม่ในการแก้ปัญหา ส่วนในกรณี 3 คนที่ทำได้ระดับของการแก้ปัญหายังแตกต่างกันทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง และการนำความรู้ที่มีออกมาใช้อย่างเป็นระบบ ปัญหาต่อมาก็คือจะพัฒนาอย่างไร พูดง่ายแต่ไม่ง่ายที่จะไปถึง .. ส่วนที่ว่าเรียน จนตกผลึก นีคืออะไร ก่อนตอบรู้จักคำว่า วิเคราะห์ (analysis) กับ สังเคราะห์มั้ยครับ(synthesis) ในการเรียนหนังสือควรมี 2 สิ่งนี้เป็นอาวุธคู่กาย คำว่าตกผลึก น่าจะหมายถึง สังเคราะห์ ครับ พิมพ์ตามความเข้าใจ พิจารณาเอาเองนะครับ |
#7
|
||||
|
||||
ขอบคุณ คุณหยินหยางมากครับ คำว่า วิเคราะห์นี่ผมพอเข้าใจ เเต่สังเคราะห์ สงสัยต้องไปหาอ่านเพิ่มเติม
__________________
คณิตศาสตร์ ไม่ใช่ สูตร การพิสูจน์ เเละ การคำนวณ เเต่มันคือความคิด คณิตศาสตร์ เป็นภาษาหนึ่ง ซึ่งเรากำลังเรียนรู้ที่จะพูดมัน คณิตศาสตร์ สามารถอธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ให้สามารถอธิบายได้ |
#8
|
||||
|
||||
ลองอ่านสนุกๆ ดูครับ ถ้าคิดว่าไม่มีประโยชน์ก็เลิกอ่านได้ครับ ปัจจุบันการเรียนหนังสือจะแตกต่างจากสมัยก่อนมากพอควรและอนาคตอันใกล้ก็จะทำให้ความแตกต่างยิ่งมากขึ้น ความรู้ไม่ใช่มีแต่เฉพาะในหนังสือ (ข่าวสาร ความรู้ต่างๆ หาได้เพียง คลิ๊กเดียว) เราสามารถหาความรู้ได้จากหลายแหล่ง โดยเฉพาะในโลกของ ไซเบอร์ หรือ พวก social network ที่มีการแพร่กระจายข้อมูลได้เร็ว และในปี 2558 เราก็ต้องเข้าสู่ระบบประชาคมอาเซียน ระบบการศึกษาก็จะมีการเปลี่ยนแปลงแต่เรามีความพร้อมมากน้อยขนาดไหน? การเรียนหนังสืออีกหน่อยคงไม่ใช่เรียนจากตำราหรือท่องจำแล้วและครูผู้สอนก็ต้องมีความสามารถมากขึ้น ครูปัจจุบันต้องกลายพันธ์ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ไม่งั้นก็จะเป็นกรรมของเด็ก ครูต้องเปลี่ยนจากการสอนในตำราและการให้การบ้านเป็นกองพะเนิงเทิงทึก แต่ไม่มีการ comment ใดๆ จากงานที่ส่ง คะแนนของงานที่ส่งบางครั้งมาจากความสวยงามหรือ จำนวนหน้าที่ส่งก็มี ครูจะต้องสอนให้เด็กรู้จักการค้นคว้าไม่ใช่แค่สั่ง แนะนำแหล่งของข้อมูล บอกวิธีการคัด กรองข้อมูลที่ถูกต้องและเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งอื่น ขอตัดเพียงแค่นี้เดี๋ยวจะนอกเรื่องอันที่จริงยังมีอีกหลายอย่างที่ครูต้องเปลี่ยนแปลง
เมื่อจำเป็นต้องหาความรู้หรือรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพครูควรฝึกให้เด็กมี 3 อย่างเพื่อนำไปใช้ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าครูจะมีกันหรือเปล่าแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจก็ต้องไปทำให้มี 1. ย่อย เราอาจเคยได้ยินครูบางท่านว่าอ่านหนังสือเสร็จแล้วย่อยด้วย ความหมายก็คือเวลาเราอ่านหนังสือเคยถามตัวเองมั้ยว่าอ่านจบเรื่องนี้หรือหัวข้อนี้แล้วเค้าต้องการบอกอะไรเรา คำว่าย่อย ก็เปรียบเหมือนการกินอาหาร เราคงไม่สามารถนำอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ถ้าปราศจากการย่อย เริ่มจากกระบวนการบดเคี้ยวที่ปาก ผ่านหลอดอาหาร ลงกระเพาะ ไปลำไส้ เป็นต้น ดังนั้นการย่อยก็คืออ่านแล้วต้องรู้ประเด็นที่เค้าจะสื่อ key word ของเรื่องนี้หรือหัวข้อนี้คืออะไร เขียนเป็นเส้นทางของเรื่องราวได้มั้ยหรือบางคนชอบเรียกว่า mind map การย่อยต้องฝึกและครูควรเป็นผู้แนะนำถึงไปได้เร็วครับ 2. วิเคราะห์ เป็นขั้นตอนที่สองที่ต่อจากการย่อย ซึ่งหมายถึง การพิจารณาอย่างละอียดหรือการแยกแยะความคิด เมื่ออาหารส่งลงมาจากปากและย่อยจนละเอียดแล้ว ก็จะถูกดูดซึมไปยังที่ต่างๆขึ้นอยู่กับว่าเป็นกรดอะมิโน กรดไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต ก็จะแยกๆกันไปตามแต่หน้าที่ของมัน ดังนั้นในการเรียนก็เช่นกันเมื่อย่อยมาแล้วหน้าที่ต่อไปคือต้องจัดให้เป็นหมวดหมู่ ประเภทเดียวกัน และสิ่งไหนเป็นเหตุสิ่งไหนเป็นผล ซึ่งบางคนก็ใช้ผังกางปลา หรือผังพาเรโต้(เค้าใช้กันในคิวซี) เพื่อช่วยในการมองปัญหา ถึงตอนนี้ถ้าเรามาถูกทาง เราก็จะได้ความรู้ในสิ่งที่เค้าอยากบอกเรา 3.สังเคราะห์ ก็คือการสร้างสิ่งใหม่จากสิ่งที่เรามีอยู่ นั้นก็หมายความว่าเมื่อเราวิเคราะห์แล้วเราจะเห็นรายละเอียดต่างๆ ทั้งเหตุและผลที่เกี่ยวเนื่องกัน และรู้จักการพิจารณาจากสิ่งเหล่านั้นเราก็สามารถสร้างสิ่งใหม่เกิดขึ้นได้ หรือพูดง่ายๆ ขั้นพื้นฐานของข้อนี้ก็คือการประยุกต์ใช้ แต่เป้าหมายจริงๆที่ควรทำก็คือสร้าง ทฤษฎีใหม่ หรือ นวตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เปรียบเหมือนการระบบการย่อยถ้าดูดซึมสารอาหารไปแล้วก็จะไปสร้างเซลล์ใหม่(สังเคราะห์โดยเปรียบเทียบ) หรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ |
#9
|
||||
|
||||
ผมว่่าส่วนใหญ่เค้าสอนวิเคราะห์ซะมากกว่า ย่อยกับสังเคราะห์นี่ไม่เห็นจะสอนเลย
__________________
คณิตศาสตร์ ไม่ใช่ สูตร การพิสูจน์ เเละ การคำนวณ เเต่มันคือความคิด คณิตศาสตร์ เป็นภาษาหนึ่ง ซึ่งเรากำลังเรียนรู้ที่จะพูดมัน คณิตศาสตร์ สามารถอธิบายสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ ให้สามารถอธิบายได้ |
#10
|
|||
|
|||
sense ทางคณิตศาสตร์ คิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการฝึกทำโจทย์
__________________
ไม่อยากให้ทุกคนเครียดกันเกินไปนะครับ 1.ไอแซกนิวตั้นรู้อะไรเมื่อแอปเปิลตกลงมายังที่ ๆ เฉลย รู้ว่าเขาควรไปนั่งที่อื่น 2.สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหารร้านหนึ่งทั้งร้านมีโต๊ะอาหาร 4 โต๊ะ ..โต๊ะหนึ่ง โต๊ะสองเพิ่งสั่งอาหารโต๊ะสามจ่ายเงินเเล้วแต่โต๊ะสี่เบี้ยว คุณจะทำอย่างไร เฉลย จัดให้ตรง 3.เบคแฮมโดนใบแดงแล้วไปไหน เฉลย ไปเป็นทหาร |
|
|