|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
100 โจทย์คณิต พิชิต Admission
หนังสือรวมข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น คล้ายๆกับหนังสือรวมข้อสอบเข้าม.ต้นของญี่ปุ่น แต่เป็นระดับชั้นที่สูงกว่า เพิ่งพิมพ์ครั้งแรก 1 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมานี่เอง ผมซื้อมาได้ครึ่งเดือนละ เพิ่งจะมีโอกาสลองทำเป็นบางข้อ เหมาะสำหรับเอาไว้ลับสมองเพื่อความมันดีครับ
ตัวอย่างโจทย์ จำนวนและสมการ
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. 05 พฤศจิกายน 2007 01:11 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ TOP |
#2
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ลองอีกทีนะครับเป็นบางคำตอบนะครับอาจจะมีอีก $(a,b)=(-1,0) ,(-3,2)$
__________________
ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ $$|I-U|\rightarrow \infty $$ 05 พฤศจิกายน 2007 21:33 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 5 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ kanakon |
#3
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
__________________
ค ว า ม รั บ ผิ ด ช อ บ $$|I-U|\rightarrow \infty $$ 06 พฤศจิกายน 2007 19:58 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ kanakon เหตุผล: ตามคุณ nongtum |
#4
|
||||
|
||||
#3
a-b=2 ได้ครับ เช่น A(1,1), B(-1,1) จะมีจุด C(0,0) ที่สอดคล้องเงื่อนไขครับ อีกอย่างโจทย์บังคับ a>b อยู่แล้วครับ ข้อ 2 เขียน $x^2+ax+b=(x-\lambda)(x-b/\lambda)$ แล้วกระจายจะได้ $a=-(\lambda+b/\lambda)$ แทน $a,\lambda$ ในอีกสมการจะได้ว่า ในกรณีที่สมการมีรากเป็นจำนวนจริง $\lambda=1$ และั $a+b/\lambda=a+b=-\lambda=-1$ แต่หากสมการมีรากเป็นจำนวนเชิงซ้อน สมการที่สอดคล้องคือ $x^2-x+1=0$ ซึ่งทำให้ $a=-1,\ b=1$
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. 07 พฤศจิกายน 2007 08:35 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ nongtum เหตุผล: เพิ่มแนวคิดข้อ 2 |
#5
|
||||
|
||||
ผมว่ามันยากกว่า Admission ปกตินะครับเนี่ย น่าจะเป็นสอบตรง ของแต่ละมหาลัยรึเปล่าครับ ??
__________________
PaTa PatA pAtA Pon! |
#6
|
||||
|
||||
5. (หากผมอธิบายงงๆไปหน่อย ขออภัยด้วยครับ นึกไม่ออกว่าจะเรียบเรียงแนวคิดยังไงให้ดีกว่านี้ ยังไงรบกวนเช็คด้วยครับ)
สมการพาราโบลา $y(x) = \frac{3}{4}x^2 - 3x + 4=\frac{3}{4}(x-2)^2+1$ มีค่าต่ำสุดคือ 1 เราต้องการหาบริเวณ $[a,b]^2$ ที่ $y(x)$ surjective $y(x)$ มี Fix Points (มี $c$ ที่ y(c)=c) ที่ c=4/3,4 เพราัะ $y(x)$ เป็นฟังก์ชันเพิ่มเมื่อ $x\ge 2$ และเป็นฟังก์ชันลดเมื่อ $x\le 2$ เมื่อ $x>2$ ค่า $y$ จะเพิ่มเร็วกว่าค่า $x$ ซึ่งไม่ทำให้เกิดสี่เหลี่ยมจัตุรัส (ต้องการ $y'(x)=1$) สี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้กว้าง 3 หน่วย ดังนั้น $x=1=a,\ b=4$ คือคำตอบ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#7
|
||||
|
||||
ผมลองทำเพียงโจทย์ข้อที่ 1 เท่านั้น ช่วงนี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาคิดเลย คงอีกสักสองสัปดาห์กว่าจะว่างมาคิดต่อ
สำหรับการตรวจเช็คคำตอบจากหนังสือ (ยังไม่ได้ตรวจสอบวิธีคิด เพราะอยากจะคิดเองก่อน ) โจทย์ข้อที่ 2 กรณีที่รากไม่ใช่จำนวนจริง คำตอบที่ได้ยังไม่ตรงกับในหนังสือ โจทย์ข้อที่ 3 มีเงื่อนไขมากกว่า $|a-b|\geq 2$ ครับ เพราะมันมีกรณียกเว้นที่ใช้เงื่อนไขนี้ไม่ได้ โจทย์ข้อที่ 4 ยังมีคำตอบอื่นอีก โจทย์ข้อที่ 5 คำตอบถูกต้องครับ ว่าแต่ ไม่มีใครสนใจลองคิดข้อ 1 ดูหรือครับ สนุกดีนะครับ
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#8
|
||||
|
||||
ข้อแรกเท่าที่ผมลองทด เพียงแค่แสดงว่า $\sum (a_i-m_i)=21$ สำหรับทุก combination ได้ก็จบครับ แต่ผมคิดได้เฉพาะ extreme case ยังคิดกรณีระหว่างกลางไม่ออก -_-'
ส่วนข้อสองกรณีรากไม่ใช่จำนวนจริง ตอนที่โพสต์ผมก็ไม่ค่้อยชัวร์นัก เดี๋ยวจะลองเช็คดูอีกที
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#9
|
||||
|
||||
หนังสือเล่นนี้คุ้นๆๆเคยเห็นอยู่ร้านขายหนังสือ
|
#10
|
||||
|
||||
เอ เอาข้อความในหนังสือมาเปิดเผย งี้จะดีหรือครับ ระวังเรื่องลิขสิทธิ์นะครับ
__________________
ชอบคณิตศาสตร์ครับ |
#11
|
||||
|
||||
เรื่องลิขสิทธิ์หรือครับ ผมกลับมองว่านี่เป็นการช่วยโฆษณาให้หนังสือขายดียิ่งขึ้น โดยไม่เก็บค่าโฆษณามากกว่า โจทย์ที่เอามาก็เป็นเพียงตัวอย่าง(เขียนไว้ชัดเจนแล้วว่า ตัวอย่างโจทย์)ให้ดูว่า มันมีความน่าสนใจให้ไปหาซื้อมาอ่านขนาดไหน หากไม่ยกตัวอย่างให้ดู ผมคนหนึ่งละที่ไม่รู้จะไปหาซื้อมาทำไม เพราะคิดว่ามันก็คงเป็นโจทย์ระดับข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไป ซ้ำซาก น่าเบื่อ
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#12
|
||||
|
||||
โจทย์ข้อที่ 1 วิธีที่ผมคิดไว้นะครับ
เรียงตัวเลขในกลุ่ม A จากน้อยไปมาก สมมติเป็น $a_1 , a_2 , a_3 , a_4 , a_5 , a_6$ ตามลำดับ เมื่อพิจารณาตัวเลขเรียงลำดับจาก 1 ถึง 12 จะมีหน้าตาออกมาลักษณะนี้ $\cdots , b , b , a_1 , b , b , \cdots , b , b , a_2 , b , b , \cdots$ เราจะพบว่า $m_1 = a_1 - 1$ $m_2 = m_1 + a_2 - a_1 - 1 = a_2 - 2$ $m_3 = m_2 + a_3 - a_2 - 1 = a_3 - 3$ $m_4 = m_3 + a_4 - a_3 - 1 = a_4 - 4$ $m_5 = m_4 + a_5 - a_4 - 1 = a_5 - 5$ $m_6 = m_5 + a_6 - a_5 - 1 = a_6 - 6$ หรือ $a_k - m_k = k$ นั่นเอง ดังนั้น $\displaystyle{\sum_{k = 1}^{6} (a_k - m_k) = 1 + 2 + 3 + 4 + 5 +6 = 21}$ สำหรับแนวคิดในหนังสือ เริ่มต้นสมมติให้เรียงตัวเลขในกลุ่ม A แบบเดียวกับข้างบน พิจารณาค่าของ $a_k$ เราจะพบว่า มีตัวเลขในกลุ่ม A ที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ $a_k$ อยู่ $k$ ตัว มีตัวเลขในกลุ่ม B ที่น้อยกว่า $a_k$ อยู่ $m_k$ ตัว (จากนิยามของ $m_k$) จำนวนตัวเลขที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ $a_k$ มีทั้งสิ้น $a_k$ ตัว ดังนั้น $a_k = k + m_k$ หรือ $a_k - m_k = k$ จากนั้นก็ทำต่อแบบเดียวกับข้างบน
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
หัวข้อคล้ายคลึงกัน | ||||
หัวข้อ | ผู้ตั้งหัวข้อ | ห้อง | คำตอบ | ข้อความล่าสุด |
คะแนน MIN-MAX ของ Admission 50 ทุกสาขา | sck | ข่าวคราวแวดวง ม.ปลาย | 10 | 07 กรกฎาคม 2007 02:56 |
|
|