|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
|||
|
|||
ทำไงดีครับถ้าเราทำข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้
ถ้าเราทำข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้เราควรคิดไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้หรือจะให้ผมไปถามครูดีครับ
ทำยังไงไม่ให้เครียดครับเวลาทำโจทย์ไม่ได้ ดูรูปแบบของโจทย์ยังไงว่าจะทำยังไง ทำโจทย์วันละ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นดีมั๊ยครับ ทำโจทย์มากๆก่อนที่จะมาเลื่อนขั้นมาเป็นข้อสอบแข่งขันของพวกสมาคมหรือเพชรยอดมงกุฎดีมั๊ยครับ มีเรื่องกังวลครับเลยมาถาม รู้สึกเก็บกด |
#2
|
||||
|
||||
ปัญหาบางอย่าง หากลองทำเองพักหนึ่งแล้วยังทำไม่ได้ อย่าฝืนหรือดันทุีรัง ลองไปถามครูหรือคนที่ทำได้ให้ช่วยแนะหรือสอนจะดีกว่าครับ จะได้ประหยัดเวลา ไม่เครีัยดมาก และได้แนวคิดแก้ปัญหา แต่ทั้งนี้ต้องลองทำปัญหาก่อนนะครับ แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องคิดได้หมดทุกอย่างทุกโจทย์ เพราะไม่เคยมีใครทำได้แบบนั้น
ทำไม่ได้ เครียดนักก็พัก ไปทำอย่างอื่นหรือพักก่อน บ่อบครั้งที่ไอเดียเด็ดๆโพล่งมาตอนพัก หรือตอนที่เราไม่คิดว่า่จะเกิดไอเดียได้ครับ ส่วนเรื่องการสัั้่งสมประสบการณ์ เอาตามที่ตัวเองมีเวลาและสะดวกใจที่จะฝึกดีกว่าครับ กำหนดเวลาไปบางทีอาจเครียดได้ครับ แต่ไม่ว่าจะทำโจทย์ยากๆแบบไหน พื้นฐานต้องดีก่อนเสมอครับ
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#3
|
||||
|
||||
เห็นด้วยครับ บางทีผมก็เป็นประมาณนั้น
|
#4
|
|||
|
|||
ขอบคุณครับ บางทีผมฝืนสุดๆครับ ทำ3ทุ่มจนถึง 5 ทุ่ม มึนสุดๆเลย ทำโดยไม่พัก แล้วทำ ตอนเช้า ตอนบ่าย ตอนเย็นและตอนกลางคืนตอนไหนดีกว่ากันครับ
|
#5
|
||||
|
||||
สำหรับผมนะผมว่าตอนเช้าอ่าดีที่สุดเพราะสมองปลอดโปร่งแต่ผมตื่นไม่เคยทันสักทีเลยมาทำเอาตอนเย็นครับ แต่ตอนกลางคืนผมว่าทำมากไม่ค่อยดีนะครับผมว่ามันควรจะเป็นเวลาที่เราได้พักผ่อนบ้าง ส่วนอาการแบบคุณคณิตศาสตร์ผมก็เป็นครับทำโจทย์แบบบ้าพลังแต่สุดท้ายก็มึนหัวแล้วทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออกด้วย
สรุปเอาแบบพอประมาณวันละ 1-2 ช.ม.ก็ได้ครับหรืออาจจะมากกว่านั้นแล้วแต่ร่างกายของเราว่ารับได้รึป่าว
__________________
ต้องเข้าใจให้ได้ ไม่มีใครลิขิตตัวเรา นอกจากตัวเรา เราเป็นคนเลือกเองคับ |
#6
|
|||
|
|||
ไหวครับ ผมคงบ้าจริงๆครับ ขอบคุณมากๆครับ
|
#7
|
|||
|
|||
ถามโจทย์ข้อหนึ่งครับ ผมทำไม่ได้ครับ
-สนามหญ้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแห่งหนึ่ง ถ้าด้านกว้างเพิ่มขึ้น 5 เมตร ส่วนด้านยาวลดลงอีก 5 เมตร พื้นที่จะเพิ่มขึ้น 200 ตารางเมตร ถ้าด้านกว้างลดลง 5 เมตร ด้านยยาวยาวขึ้น 15 เมตร พื้นที่จะลดลงอีก 75 ตารางเมตร สนามนี้กว้างยาวด้านละเท่าไร |
#8
|
||||
|
||||
กำหนดให้สนามหญ้า กว้าง x เมตร และ ยาว y เมตร จะมีพื้นที่เท่ากับ x.y
เงื่อนไขที่(1) จะได้สมการของพื้นที่ใหม่เป็น x.y +200 = (x+5).(y-5) = x.y + 5y - 5x -25 200 = 5y - 5x -25 --> $y - x = 45$ ---(1) เงื่อนไขที่(2) จะได้สมการของพื้นที่ใหม่เป็น x.y - 75 = (x-5).(y+15) = x.y - 5y + 15x -75 -75 = 15x - 5y -75 --> $y = 3x$ ---(2) แทนในสมการที่ (1) ได้ 3x - x = 45 --> $x = 45/2 และ y = 3x =135/2$ |
#9
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ที่ผมถูกใจมากก็เห็นจะเป็นประโยค "แต่ไม่ว่าจะทำโจทย์ยากๆแบบไหน พื้นฐานต้องดีก่อนเสมอครับ" เหมือนที่ผู้รู้ได้เคยบอกว่า "ถาวรวัตถุทั้งหลายเขาสร้างกันบนดิน ไม่ใช่สร้างกลางอากาศ" อย่าทิ้งพื้นฐาน และ ประโยค"เครียดนักก็พัก ไปทำอย่างอื่นหรือพักก่อน บ่อบครั้งที่ไอเดียเด็ดๆโพล่งมาตอนพัก หรือตอนที่เราไม่คิดว่า่จะเกิดไอเดียได้ครับ" --> ข้อนี้เป็นความสามารถพิเศษของคนที่มีจินตนาการดี, สามารถสร้างมโนภาพได้เอง และต้องสามารถคิดได้เป็นระบบเท่านั้น ต้องหมั่นฝึกทดให้เป็นระเบียบและคิดในใจบ่อยๆ (แต่ ห้ามคิดนอกใจนะครับ.. เดี๋ยวจะเจ็บตัว) |
#10
|
|||
|
|||
ขอบคุณมากๆครับ ข้อนี้เราจะทำสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวไม่ได้หรือครับ
|
#11
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
โจทย์กำหนดห้มีด้านสองด้านที่ไม่ได้สัมพันธ์กันโดยตรง และให้มาอีก 2 เงื่อนไขจึงเหมาะที่จะใช้วิธีที่ผมแสนอ เนื่องจากตัวเลขจะง่ายๆ การคิดไม่ซับซ้อน และข้อนี้จะได้เส้นตรงสองเส้นตัดกัน(เชิงเส้น 2 ตัวแปร) จงอย่าเสียเวลาในสิ่งที่ไม่ควรจะสงสัย เพราะจะสับสน --> ลองเปลี่ยนตัวเลขในโจทย์แล้วลองทำดูใหม่ 3-4 ข้อ จากนั้นก็หาค่าพื้นที่สี่เหลี่ยมทั้งสามรูปดู จะช่วยให้จำวิธีทำได้ และยังแก้ข้อสงสัยได้ด้วยครับ ถ้าวาดรูปได้ด้วยจะยิ่งดีมากเลยครับ เพราะรูปที่จะแสดงเหตุผลทั้งหมด(เหมือนการทด) และสามารถแก้ปัญหาอื่นๆ ได้หลายอย่าง เช่น คิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น, เมื่อมีรูปเป็นแนวทางจะทำให้กระบวนการคิดเป็นระเบียบยิ่งขึ้น, อาจจะคิดช้าลงในช่วงแรก แต่จะทำให้เป็นพื้นฐานที่สำคัญของการสร้างจินตนาการในอณาคต, สามารถทวนสอบได้ง่ายขึ้น(สามารถสังเกตุข้อบกพร่องได้ง่าย), เมื่อพบว่ามีจุดบอดที่ซ้ำๆแล้วจึงศึกษาเพิ่มเติม และท้ายสุดสามารถสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ --> Imigination Created hint: |
#12
|
|||
|
|||
ขอบคุณมากๆครับ
|
#13
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ผมชอบทำตอนดึกๆครับ ยิ่งดึกรู้สึกเหมือนว่าจะคิดออกเยอะ หรือว่าถ้าเป็นตอนกลางวัน ก็ต้องเป็นที่ที่เงียบๆเลยอะครับ
__________________
SnC(R) |
#14
|
||||
|
||||
โจทย์อันแรกที่ควรจะต้องทำให้หมดทุกข้อ ก่อนจะเริ่มหาโจทย์ที่อื่นมาทำก็คือ แบบฝึกหัดในหนังสือเรียนครับ เพราะนั่นเป็นพื้นฐานสำคัญมากที่เราต้องรู้ทั้งหมด
เวลาทำโจทย์ก็หมั่นสังเกตถึงความแตกต่าง หรือแนวทางในการตั้งโจทย์แต่ละข้อด้วย จะได้ไม่ทำแต่โจทย์แนวเดิมที่เปลี่ยนโจทย์นิดหน่อย ให้เสียเวลามากเกินไป (ที่เขียนมานี่หมายถึง เรามองโจทย์แนวนี้ได้ทะลุไปถึงแนวทางแก้ปัญหาทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงลงแรงคิดเลขเท่านั้น แต่หากยังทำแบบนี้ไม่ได้ ก็ยังต้องหมั่นฝึกฝนกับโจทย์แนวนี้ต่อไปนะครับ ) อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ โจทย์ที่ดีมักจะแต่งมาให้ได้เลขลงตัวสวยๆ เวลาคิดเลขไปเรื่อยๆในแต่ละขั้นตอน แล้วได้เลขออกมาสวยงาม อาจเป็นเหมือนหลักไมล์ให้เราคิดว่าเดินมาถูกทางแล้ว และเดินต่อไปจนได้คำตอบสุดท้ายที่สวยงามออกมา เมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วอย่าเพิ่งรีบจากไป ลองทบทวนตนเองดูสักนิดว่าที่เดินมาถึงนี่ได้สำเร็จ มาด้วยความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง หรือเดินมั่วจนเจอหลักไมล์สวยๆ แล้วก็เดินหาหลักไมล์ต่อๆไปจนถึงจุดหมาย (ที่บังเอิญตรงกับตัวเลือกข้อหนึ่ง) หากเป็นอย่างแรกก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าเป็นกรณีหลังคุณต้องกลับไปฝึกพื้นฐานให้ดีกว่านี้ เรื่องการถามคนอื่น ทำได้นะครับ แต่ขอให้เป็นตัวเลือกสุดท้าย หากพิจารณาแล้วว่าเวลาที่เสียไปไม่คุ้มค่า ยังมีเรื่องอื่นอีกมากรอให้ศึกษา ที่เขียนแบบนี้ก็เพราะ การคิดแก้ปัญหายากด้วยตนเองจนสำเร็จ แม้จะเสียเวลาอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ได้รับ ไม่อาจได้มาด้วยวิธีอื่น นั่นคือ ความเชื่อมั่นในตนเองว่าสามารถทำโจทย์ยากได้ และทักษะเฉพาะตัวทุกรูปแบบสำหรับแก้โจทย์ประหลาดที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน จะถูกพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ทักษะเหล่านี้ต้องหมั่นฝึกปรือสะสมประสบการณ์เองนะครับ ยิ่งเจอปัญหายากมากและเอาชนะได้นี่เรียกว่าพลังวัตรเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจทีเดียว อ้อทำสำเร็จแล้วก็อย่าลืมศึกษาวิธีแก้ปัญหานี้ของสำนักอื่นด้วยละ เผื่อว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่า เรื่องของเวลาที่ใช้ สำหรับพี่ดูเรื่องความล้าทางความคิดเป็นหลัก หากรู้สึกว่าคิดจนหัวสมองมึนตื้อไปหมด ไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลาคิดต่อครับ คิดไปก็เท่านั้น หยุดคิดเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า เชื่อไหมครับว่าในระหว่างนั้นจิตใต้สำนึกยังคอยคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้เราตลอดเวลา มีปัญหามากมายที่ได้แนวคิดแก้ปัญหาใหม่ ระหว่างพักผ่อนสมอง แต่จะมีสิ่งเหล่านี้ได้ ต้องมีพลังวัตรสะสมมากพอระดับหนึ่ง เรื่องของความเครียดเวลาทำโจทย์ไม่ได้ อยู่ที่เรามองมันอย่างไร ตัวพี่เองไม่เคยทำโจทย์แล้วเกิดความเครียด เพราะมองว่ามันคือเกมฝึกสมองอันหนึ่ง เป็นความท้าทายที่ต้องแก้ปัญหาให้ได้ หากยังคิดไม่ออกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เปลี่ยนไปทำข้ออื่นก่อนแล้วจึงมาเก็บตกข้อที่เหลือ ตอนเช้าคิดไม่ออก เดี๋ยวตอนเย็นหรือกลางคืนก็คิดออก วันนี้คิดไม่ออก พรุ่งนี้ก็คิดออก มะรืนนี้ก็คิดออก ปัญหาบางอย่างเคยคิดเป็นปีก็มี ไม่เห็นจะต้องไปเครียดกับมัน ขอให้ได้ทำโจทย์ด้วยความรู้สึกสนุกและมีความสุขก็พอแล้ว ส่วนคำตอบทีได้จะหาได้หรือไม่นั้นเป็นเพียงค่าตอบแทนเล็กน้อย ในระหว่างเดินทางไกลมาจนถึงจุดหมายปลายทาง เท่านั้นเอง จงให้ความสำคัญกับความสุขระหว่างเดินทาง มากกว่าจะสนใจความสุขที่ได้รับเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
__________________
The difference between school and life? In school, you're taught a lesson and then given a test. In life, you're given a test that teaches you a lesson. |
#15
|
|||
|
|||
ขอบคุณมากๆเลยครับ โจทย์ในแบบเรียนถ้าเราทำได้แล้ว ผมสามารถทำโจทย์นอกๆได้มั๊ยครับ ซึ่งในตอนนี้ผมฝึกโจทย์นอกๆอยู่ครับ ผมเห็นว่ามันยากดีก็เลยอยากทำครับ คิดว่าดีมั๊ย หรือจะแนะนำให้ละเอียดกับผมก็ได้ครับพี่ TOP
|
|
|