|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
|||
|
|||
สงสัยโจทย์หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
1. จงหาผลต่างของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ $\frac{5}{12} , \frac{10}{16} , \frac{5}{4}$
แบบที่ 1 : ห.ร.ม. = $\frac{ห.ร.ม. เศษ}{ค.ร.น. ส่วน} = \frac{5}{48}$ ค.ร.น. = $\frac{ค.ร.น. เศษ}{ห.ร.ม. ส่วน} = \frac{10}{4}$ ผลต่าง = $ \frac{10}{4}-\frac{5}{48} = \frac{115}{48}$ แต่ถ้าทอนเป็นอย่างต่ำ จะได้ $\frac{5}{12} , \frac{5}{8} , \frac{5}{4}$ แบบที่ 2 : ห.ร.ม. = $\frac{ห.ร.ม. เศษ}{ค.ร.น. ส่วน} = \frac{5}{24}$ ค.ร.น. = $\frac{ค.ร.น. เศษ}{ห.ร.ม. ส่วน} = \frac{10}{4} $ ผลต่าง = $\frac{10}{4}-\frac{5}{24} = \frac{55}{24} = \frac{110}{48}$ ผมสงสัยว่าทำไมถึงไม่เท่ากันครับ แตกต่างกันตรงไหน ขออีกข้อครับ 2. จงหาค่า n มากที่สุดที่ทำให้ y เป็นจำนวนเต็มบวก $y=\sqrt{2n(n+1)} $ |
#2
|
||||
|
||||
1. กาีรหาห.ร.ม. หรือ ค.ร.น. ของเศษส่วน เศษส่วนทุกตัวต้องอยู่ในรูปเศษส่วนอย่างต่ำครับ
อย่างที่ยกมาก็จะเห็นว่า 5/48 < 5/24 ซึ่งทำให้ 5/48 ไม่ใช่ตัวหารร่วมมากครับ 2. จำนวนทางขวามือจะถอดรากได้ เมื่อ...
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#3
|
|||
|
|||
เป็นกำลังสอง แต่ผมจัดรูปไม่ได้ครับ ช่วยแนะนำหน่อยครับ
|
#4
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
1 8 49 288 1681 9800 ถามหลวงปู่ว่า มีมากกว่านี้ไหม แล้วตัวเลขนี้มายังไง หลวงปู่ยังไม่ทันตอบ ก็สะดุ้งตื่นมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่า ตัวเลขเหล่านี้มายังไง
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#5
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
ท่านบอกว่ามีมากกว่านี้ในรูป $n=\frac{(3-2\sqrt{2}^x+(3+2\sqrt{2})^x-2}{4}$ หรือ $n=\frac{-(3-2\sqrt{2})^x-(3+2\sqrt{2})^x-2}{4}$ เมื่อ x เป็นจำนวนเต็มบวกครับ จะได้y= $\frac{(3+2\sqrt{2})^x-(3-2\sqrt{2})^x}{2\sqrt{2}}$ |
#6
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
เมื่อคืนหลวงปู่วิ่งกลับมาเข้าฝันผมอีก บอกว่าหลวงปู่งง หลวงปู้งงตรงนี้ อ้างอิง:
ถ้าค่า $n$ ติดลบ ค่าติดลบที่เป็นจำนวนเต็มที่มากที่สุด คือ - 1 แต่ถ้าแทนค่า $n = 1 \ $ ใน $ \ y=\sqrt{2n(n+1)} \ $ $ \ \ y $ ก็ยังเป็นบวก ดังนั้น $n=\frac{-(3-2\sqrt{2})^x-(3+2\sqrt{2})^x-2}{4}$ จึงยังไม่ใช่ค่าสูงสุดที่ทำให้ $y $ เป็นบวก หลวงปู่ว่ามาอย่างนี้
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#7
|
||||
|
||||
นึกอยู่แล้วว่า ทำไมเราไม่ฝันซะที ก็เพราะหลวงปู่ติดกิจธุระนี่เองวิ่งรอกไปหาคุณ Scylla_Shadow ทีแล้วก็ไปหาคุณ banker ทีแล้วจะมีเวลาไหนมาเข้าฝันผมละ สงสัยต้องเปลี่ยนมุขใหม่ซะแล้ว
|
#8
|
||||
|
||||
อุเหม่ หลวงปู่เข้าฝันคนโน้นมี คนนี้ที แต่ไม่ยักจะเข้าทรงใครมาพิมพ์ตอบชัดๆเคลียร์ๆสักที
เลยได้แต่ฝันหรือทดต่อไปว่าสูตรนี้ท่านได้อย่างใดกัน (เพราะฉันไม่รู้) ปล. หลวงปู่น่าจะมาเข้าสิงช่วยผมตอนสอบนะนี่
__________________
คนไทยร่วมใจอย่าใช้ภาษาวิบัติ ฝึกพิมพ์สัญลักษณ์สักนิด ชีวิต(คนตอบและคนถาม)จะง่ายขึ้นเยอะ (จริงๆนะ) Stay Hungry. Stay Foolish. |
#9
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
$y^2= 2n(n+1) $ $y^2= 2n^2+2n $ $y^2 - 2n - 2n^2 = 0 $ $y^2-2n+n^2 - 3n^2 = 0$ $(y-n)^2 - (\sqrt{3} n)^2 = 0 $ $(y-n-\sqrt{3} n)(y-n+\sqrt{3} n) =0$ $[y-(1+\sqrt{3} )n][y-(1-\sqrt{3} )n] =0$ กรณี $y-(1+\sqrt{3} )n =0$ $y = (1+\sqrt{3} )n$ $y$ จะเป็นจำนวนเต็มบวกก็ต่อเมื่อ $n = (\sqrt{3}- 1)$ แต่เมื่อแทนค่ากลับไปแล้ว ไม่เห็น $y$ จะเป็นค่าเต็มบวก ผิดตรงไหนหว่า หรือว่า $y$ จะเป็นจำนวนเต็มบวกก็ต่อเมื่อ $n = x(\sqrt{3}- 1)$ เมื่อ $x$ เป็นจำนวนเต็มบวก ปวดหมองอีกแล้ว ทิ้งไว้อย่างนี้ก่อน เดี๋ยวไปงีบก่อน เผื่อมีอะไรดีๆบ้าง กรณี $y-(1-\sqrt{3} )n =0$ $y = (1-\sqrt{3} )n$ กรณีนี้จะได้ค่า $n$ ที่ติดลบ จึงจะทำให้ $y$ มีค่าเป็นจำนวนเต็มบวก
__________________
มาหาความรู้ไว้ติวหลาน แต่หลานไม่เอาเลขแล้ว เข้ามาทำเลขเอามันอย่างเดียว ความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ยิ่งให้ ยิ่งมีมาก รู้อะไรไม่สู้ รู้จักพอ (ยกเว้นความรู้ ไม่ต้องพอก็ได้ หาไว้มากๆแหละดี) (แต่ก็อย่าให้มากจนท่วมหัว เอาตัวไม่รอด) |
#10
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
$y^2 =2n^2+2n$ $2y^2=4n^2+4n+1-1$ $2y^2 = (2n+1)^2-1$ $ (2n+1)^2-2y^2 = 1$ หรือถ้าจะหาคำตอบแบบง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องแทนค่ายุ่งยากแบบคุณ Scylla_Shadow แล้วละก็ลองดูวิธีนี้ครับ ถ้าให้ (a,b) เป้นคำตอบที่สอดคล้องกับสมการ โดยที่ $\frac{a-1}{2} = n$ และ $b=y$ จะเห็นได้ชัดว่าชุดแรกที่ n เป็นบวกคือ (3,2)นั่นคือ n =1, y=2 และการจะหาชุดต่อไปเราจะหาได้จาก $a_{i+1}= 3a_i+4b_i$ และ $b_{i+1}= 2a_i+3b_i$ ซึ่งจะได้ว่า (a,b) $(17,12) ~~~~n=8, y=12$ $(99,70) ~~~~n=49, y=70$ 25 กุมภาพันธ์ 2010 18:39 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ หยินหยาง |
#11
|
||||
|
||||
ช่วยบอกทีฮะ Pell's Equation มันคืออะไรครับ
__________________
Fortune Lady
|
#12
|
||||
|
||||
__________________
|
|
|