#1
|
||||
|
||||
ช่วยผมหน่อยครับ
__________________
They always say time changes things. But you actually have to change them yourself. |
#2
|
||||
|
||||
มองเป็นการเลือกครับ
ขั้นแรกมองว่ามี $(1-px+qx^2)$ อยู่ 8 วงเล็บ ดังนั้นพจน์แต่ละพจน์คือการเลือกเลขในแต่ละวงเล็บมาคูณกัน เช่น 1 ตัวแรกคือการเลือก 1 ของทั้ง 8 วงเล็บคูณกัน ทีนี้พิจารณาพจน์ $x$ จะเห็นว่าเป็นการเลือกพจน์ $-px$ มา 1 วงเล็บจาก 8 วงเล็บ แล้วที่เหลือเลือก 1 มาคูณกัน เลือก $-px$ ได้ 8 วิธี ดังนั้นจะได้ว่า $8(-px)=-16x$ $\ \ \ \ \ \ \ p=2$ $\ \ \ \ \ \ \ \ \ [(1-2x+qx^2)]$ พิจารณาพจน์ $x^2$ (i) เลือก $-2x$ มา 2 วงเล็บจาก 8 วงเล็บได้ 28 วิธี แล้วที่เหลือเลือก 1 จะได้ $28{(-2x)}^2=112x^2$ (ii) เลือก $qx^2$ มา 1 วงเล็บ ที่เหลือเลือก 1 ได้ 8 วิธี จะได้ $8qx^2$ ดังนั้น $8qx^2+112x^2=88x^2$ $8q+112=88$ $q=-3$ $\ \ \ \ \ \ \ \ \ \ \ \ [(1-2x-3x^2)]$ พิจารณาพจน์ $x^3$ (i) เลือก $-2x$ 3 วงเล็บ ได้ 56วิธี ดังนั้น $56{(-2x)}^3=-448x^3$ (ii) เลือก $-2x$ 1 วงเล็บ และ $-3x^2$ 1 วงเล็บ ได้ $8(-2x)\times7(-3x^2)=336x^3$ ดังนั้น $-448x^3+336x^3=-112x^3$ สัมประสิทธิ์ของ $x^3$ คือ $-112$ ครับ
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม คณิตศาสตร์ คือ ความจริง ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM 09 สิงหาคม 2010 00:22 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ poper |
#3
|
||||
|
||||
เหมือนจะได้ข้อ ค. ครับ แต่วันนี้ดึกแล้ว
ขอนอนก่อนครับ พรุ่งนี้มาทำนะครับ เช้าแล้วมาทำแล้วครับ $(1-px+qx^2)^8=(1+(qx^2-px))^8$ กระจายด้วยทฤษฎีบททวินาม $(1+(qx^2-px))^8=1^8+8(qx^2-px)+28(qx^2-px)^2+56(qx^2-px)^3+...$ กระจายแค่นี้ก็เพียงพอครับเพราะ$(qx^2-px)^4 ,(qx^2-px)^5,...,(qx^2-px)^8$จะไม่เกิดเทอม$x^3$ จาก$1^8+8(qx^2-px)+28(qx^2-px)^2+56(qx^2-px)^3$ กระจายเพื่อพิจารณาสัมประสิทธ์เทอม $x,x^2$ พิจารณาสัมประสิทธ์เทอม $x$ จะได้ว่า $-8px=-16x ได้ p=2$ พิจารณาสัมประสิทธ์เทอม $x^2$ จะได้ว่า $8qx^2+28p^2x^2=88x^2$ ได้$q=-3$ และสัมประสิทธ์ของเทอม$x^3$ได้จากการกระจาย$28(qx^2-px)^2+56(qx^2-px)^3$ ซึ่งจะได้ $-56qpx^3-56p^3x^3=336x^3-448x^3=-112x^3$ ตอบ$-112$ครับ 09 สิงหาคม 2010 08:56 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 2 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กระบี่เดียวดายแสวงพ่าย |
#4
|
||||
|
||||
อ่อขอบคุณพี่ๆมากเลยครับ
__________________
They always say time changes things. But you actually have to change them yourself. |
#5
|
||||
|
||||
แล้วข้อ 19 คิดอย่างไรครับ
__________________
** ถ้าไม่สู้จะรู้หรือว่าแพ้ ถ้าอ่อนแอคงไม่รู้ว่าเข้มแข็ง ** ไม่ยืนหยัดคงไม่รู้ว่ามีแรง ไม่ถูกแซงคงไม่รู้เราช้าไป ** Sub #1 สิ่งที่มั่นใจที่สุดกลับทำให้รู้สึกแย่ที่สุด T T |
#6
|
||||
|
||||
ใช้ทฤษฎีเศษเหลือแบบประยุกต์นิดๆครับ
พหุนามตัวหารคือ $g(x)=x^5+x^4+x^3+x^2+x+1$ จากทฤษฎีเศษเหลือให้พหุนามตัวหารเท่ากับ 0 จะได้ $x^5+x^4+x^3+x^2+x+1=0...(1)$ เอาxคูณตลอดจะได้ $x^6+x^5+x^4+x^3+x^2+x=0...(2)$ จาก(1)และ(2)จะได้ $x^6=1$หมายความว่าในพหุนามตัวตั้งถ้ามีเทอม$x^6$สามารถเทียบเป็น1ได้ ดังนั้น เศษจากการหาร$g(x^{12})=g(1)=1+1+1+1+1+1=6$ ครับ
__________________
ทั่วปฐพีมีความรู้ รอผู้แสวงหามาค้นพบ |
#7
|
||||
|
||||
ให้ $g(x^{12})=x^{60}+x^{48}+x^{36}+x^{24}+x^{12}+1=p(x)$ และ $R$ เป็นเศษที่เหลือจากการหาร
ดังนั้น$p(x)=Q(x)g(x)+R$------------------(1) เมื่อ $Q(x)$ เป็นผลหาร จะพบว่า $p(-1)=6\ \ \ ,g(-1)=0$ แทนค่า x=-1 ใน(1) $6=R$ ตอบข้อ ง. ครับ
__________________
คณิตศาสตร์ คือ ภาษาสากล คณิตศาสตร์ คือ ความสวยงาม คณิตศาสตร์ คือ ความจริง ติดตามชมคลิปวีดีโอได้ที่http://www.youtube.com/user/poperKM 13 สิงหาคม 2010 23:33 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ poper |
#8
|
||||
|
||||
ขอบคุณครับ
__________________
** ถ้าไม่สู้จะรู้หรือว่าแพ้ ถ้าอ่อนแอคงไม่รู้ว่าเข้มแข็ง ** ไม่ยืนหยัดคงไม่รู้ว่ามีแรง ไม่ถูกแซงคงไม่รู้เราช้าไป ** Sub #1 สิ่งที่มั่นใจที่สุดกลับทำให้รู้สึกแย่ที่สุด T T |
|
|