Mathcenter Forum  

Go Back   Mathcenter Forum > คลายเครียด > ฟรีสไตล์
สมัครสมาชิก คู่มือการใช้ รายชื่อสมาชิก ปฏิทิน ข้อความวันนี้

ตั้งหัวข้อใหม่ Reply
 
เครื่องมือของหัวข้อ ค้นหาในหัวข้อนี้
  #1  
Old 09 พฤษภาคม 2011, 09:10
ผู้โง่เขลา's Avatar
ผู้โง่เขลา ผู้โง่เขลา ไม่อยู่ในระบบ
จอมยุทธ์หน้าหยก
 
วันที่สมัครสมาชิก: 16 กุมภาพันธ์ 2011
ข้อความ: 177
ผู้โง่เขลา is on a distinguished road
Default มาแชร์ความคิดเห็นกันครับผม

จากที่ผม สนใจและ ค้นหาข้อมูลมาบ้างแล้ว อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆมาแชร์ความคิดเห็นกันนะครับว่า pure math สำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาประเทศครับ เนื่องจากว่า ประเทศที่พัฒนาส่วนใหญ่นั้น เน้น นักวิทยาศาสตร์ (ไม่แน่ใจว่า เป็นสาขา pure หรือ apply) แต่จากที่หาข้อมูลแล้ว เค้าเน้นมากๆ สำหรับ นักวิทย์
สำหรับผมแล้ว pure math ในความคิดของผมอเป็นอาจเป็นแนวที่ว่า ตคิดค้น ทฤษฏีใหม่ๆ แต่ผมว่าต้องใช้เวลายาวนานมาก เลยเกิดข้อสงสัยว่า แล้วมันจะเกิดการพัฒนาได้อย่างไร ครับ มาแชร์ความเห็นกันนะ

ปล ผมกำลังจะเรียนในสาขา pure math ในปีนี้ครับ ป.ตรี
__________________
^______^
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #2  
Old 11 พฤษภาคม 2011, 12:18
Bonegun Bonegun ไม่อยู่ในระบบ
ลมปราณบริสุทธิ์
 
วันที่สมัครสมาชิก: 01 กรกฎาคม 2008
ข้อความ: 113
Bonegun is on a distinguished road
Default

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/to...X10545097.html

เอามาฝาก ช้าไปหน่อย - -
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #3  
Old 13 พฤษภาคม 2011, 14:18
PP_nine's Avatar
PP_nine PP_nine ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 24 เมษายน 2010
ข้อความ: 607
PP_nine is on a distinguished road
Default

เพราะวิทยาศาสตร์มัน apply กับชีวิตประจำวันได้โดยตรงเลย
ส่วนคณิตศาสตร์นั้นส่วนมากเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่ก็ผลงานไม่โด่งดังเท่า อย่างเช่น maxwell speed distribution ซึ่งตัวพิสูจน์จริงก็ใช้เลขล้วนๆมาพิสูจน์ (แถมทฤษฎีนี้ก็เป็นทฤษฎีที่โด่งดังมากพอสมควร) อีกตัวอย่างนึงก็คือพวก interpolation/extrapolation ที่ปัจจุบันมีการทำนายตัวเลขในระยะสั้นทั้งในทางเศรษฐศาตร์ และปริมาณไฟฟ้าที่มีโรงงานญี่ปุ่นใช้อยู่จริง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเชื่อถืออยู่เสมอก็คือ เราเรียนไปเพื่อสร้างโลกให้ดีขึ้น ไม่ได้เรียนเพียงเพื่อชื่อเสียงและเงินทองเท่านั้น
ฉะนั้น เรียนอะไรที่ตัวเองชอบและถนัดก็พอแล้วครับ
__________________
keep your way.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #4  
Old 13 พฤษภาคม 2011, 16:37
t.B.'s Avatar
t.B. t.B. ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 17 มิถุนายน 2007
ข้อความ: 634
t.B. is on a distinguished road
Default

ก่อนอื่นเลย ถ้าอ่านตามที่ผมเขียนแล้วงง ก็ต้องขอโทษด้วยครับ จะตอบตามที่พอนึกได้จากที่ จขกท พิมพ์มา อาจไม่ได้เรียงเป็นลำดับนัก

เริ่มเลยละกัน ถ้าคิดจะพัฒนาประเทศ หรือไกลกว่านั้นก็คือพัฒนาโลก เปลี่ยนแปลงโลก ผมไม่คิดว่าจะต้องมาแบ่งว่าสายไหน เพราะ ไม่จำเป็นว่าพวกเรียน pure จะต้องไม่มีความรู้ด้าน applied เลย และพวกที่เรียน applied จะ apply ได้ ทฤษฏี หรือข้อกำหนดต่างๆเวลาจะใช้ มันก็ต้องทำความเข้าใจ มีความรู้พื้นฐานมาจาก pure มันถึงจะไปได้ดี ได้อย่างถูกต้องรัดกุม

ยกตัวอย่างที่นิวตันคิดค้น calculus ขึ้นมา ก็เห็นได้ว่า นิวตันไม่ได้สนใจแค่ math แต่นิวตันยังสนด้านฟิสิกส์และอยาก model โลกของฟิสิกส์ออกมาเป็น continous model เช่น ถ้า แรงมันเปลี่ยนทุกสิ้ววินาทีแล้ว สมการ ซิกม่า F= ma (ซึ่งเป็น discrete) แล้วจะหาแรงรวมยังไง? หรือถ้า อัตราการเร่งมันเพิ่มอย่าง linear ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วมันได้ใช้อัตราเร่งทั้งหมดไปเท่าไร? และอื่นๆ ฯลฯ ; calculus จึงบังเกิดขึ้น
สังเกตว่า ทฤษฏีที่เกิดใหม่ที่ถูกจัดให้พวก pure เรียนก็ไม่ได้แปลว่า มันจะเกิดขึ้นมาจากทางสาย pure เสมอไป บ่อยครั้งมี motivation จากอย่างอื่นร่วมด้วย เพราะชีวิตคนเรามันไม่ได้มีอยู่แค่นั้น ไอเดียมันได้มาจากการสังเกต ความอยากรู้อยากเห็น อยากค้นหา ไม่ได้มาจากการศึกษาอย่างเดียว

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นภาพชัดคือ ค่า e , ผมว่าหนึ่งในข้อสังเกต ที่ทำให้เกิดการค้นหาค่า e คือมาจากเรื่องดอกเบี้ย ไอเดีย มันจากการที่ว่าถ้าเราจะทำให้ อัตราดอกเบี้ยที่จ่ายต่อปี เป็น continuous rate แล้วมันจะมีค่าเท่าไร เราเลยแบ่ง rate ออกเป็นจำนวนย่อยๆที่ย่อยที่สุด ซึ่ง calculus ทำได้ เพราะ calculus มีพื้นฐานมาจาก idea ของการแบ่งย่อยอย่าง infinitesimal จึงเกิดเป็นสมการ $\lim_{n \to \infty} (1+ \frac{r}{n} )^n $ โดย n เป็นจำนวนครั้งของการ compound interest ใน 1 ปี เมื่อ compound infinity รอบ ค่ามันจะกลายเป็นค่าอะไร ?
โดยตามประวัติ Jacob Bernoulli ซึ่งช่วงนั้นศึกษาเรื่อง compound interest อยู่เกิดเจอคำถามนี้เข้า ก็เลยสนใจและหาคำตอบได้ในที่สุด ว่าค่านี้มันเท่ากับ $e^r$ โดยที่ r เป็น continously compounded interest ต่อปี และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการพัฒนาทฤษฏีทาง finance ขึ้นไปอีกหลายขั้น

ส่วนที่พูดถึงพวกคิดค้นทฤษฏีใหม่ๆ สิ่งที่เราทำได้ก็แค่เพียรทำเหตุให้ถึงพร้อม เมื่อเหตุที่ทำให้มันเกิดมารวมกันพร้อมหน้า เดี๋ยวมันก็เกิดเอง

สุดท้ายก็ขอให้สนุกกับการเรียน ป.ตรี ปีแรกครับ
__________________
I am _ _ _ _ locked

13 พฤษภาคม 2011 17:13 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 5 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ t.B.
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
  #5  
Old 22 พฤษภาคม 2011, 21:18
ครูนะ ครูนะ ไม่อยู่ในระบบ
กระบี่ประสานใจ
 
วันที่สมัครสมาชิก: 27 ตุลาคม 2007
ข้อความ: 618
ครูนะ is on a distinguished road
Default

ประเทศไทยให้ค่ากับเรื่องนี้น้อย ส่วนใหญ่เน้นค้าขายและรับจ้างผลิต

ชอบให้คนเรียนอะไรที่ง่ายแล้วโกหกตอแหลไปวันๆ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความนี้
ตั้งหัวข้อใหม่ Reply



กฎการส่งข้อความ
คุณ ไม่สามารถ ตั้งหัวข้อใหม่ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบหัวข้อได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์และเอกสารได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความของคุณเองได้

vB code is On
Smilies are On
[IMG] code is On
HTML code is Off
ทางลัดสู่ห้อง


เวลาที่แสดงทั้งหมด เป็นเวลาที่ประเทศไทย (GMT +7) ขณะนี้เป็นเวลา 11:15


Powered by vBulletin® Copyright ©2000 - 2024, Jelsoft Enterprises Ltd.
Modified by Jetsada Karnpracha