|
สมัครสมาชิก | คู่มือการใช้ | รายชื่อสมาชิก | ปฏิทิน | ข้อความวันนี้ | ค้นหา |
|
เครื่องมือของหัวข้อ | ค้นหาในหัวข้อนี้ |
#1
|
||||
|
||||
ถ้าอยู่ในสถาณการณ์ที่จนมุมสุด ๆ
หมดหนทางออก จะทำกันอย่างไรครับ ใครรู้ช่วยบอกที
ผมรู้สึกว่าท้อไปหมดเลยครับ |
#2
|
||||
|
||||
แนะนำให้ออกทางทีเราเข้ามาครับหาต้นเหตุให้เจอ สู้ๆครับ
|
#3
|
||||
|
||||
เรื่องอะไรครับ เรื่องหนังสือ หรือเรื่องส่วนตัว??
__________________
"ชั่วโมงหน้าต้องดีกว่าเดิม!" |
#4
|
|||
|
|||
เห็นด้วยครับ
__________________
คณิตศาสตร์ = สิ่งมหัศจรรย์ |
#5
|
||||
|
||||
ทั้งเรื่องหนังสือและเรื่องส่วนตัวครับ
เรื่องหนังสือ ผมก็กลุ้มใจจริง ๆ ว่าทำไมไม่มีใครมาซื้อเสียที คิดไม่ออกแล้วว่าจะโปรโมทอย่างไร เรื่องส่วนตัวก็มีครับ อยู่มาขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ ถ้าทำเรื่องหนังสือให้สำเร็จก็จะพอมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง |
#6
|
||||
|
||||
ตอนนี้ผมกำลังทำหนังสือขึ้นมาอีกเล่มหนึ่งครับ ชื่อประยุกต์คณิต ปัญหาของการเรียนวิชาคณิตในบ้านเรานั้น ผมว่ามันมีปัญหาบางอย่าง บางทีมันไม่ตอบโจทย์การนำไปแก้ปัญหา ผมเคยเป็นติวเตอร์ขณะที่กำลังสอนวิชาแคลคูลัสอยู่ มีเด็กคนหนึ่งถามว่าวิชาที่พี่สอนมันช่วยอะไรได้บ้าง เดี๋ยวหนูก็จะไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนี่ พี่พอจะแนะนำได้ไหมค่ะ ผมก็อึ้ง ๆ นิด ๆ อาจจะประยุกต์โดยการเขียนสมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกำไรที่ได้กับราคาก๋วยเตี๋ยว เพื่อหาราคาที่เหมาะสม แต่ผมว่าไม่ดูคนขายข้าง ๆ ดีกว่ามั้งว่าเขาขายราคาเท่าใด เราก็ตามเขาไป หรือขายถูกกว่าตัดราคาเขา แล้วแต่เรา หาขนาดของลูกชิ้นที่เหมาะสมหรือ
ขณะที่ผมกำลังสอนการแก้สมการ เด็กก็ถามว่าการแก้สมการเอาไปใช้ทำอะไรได้ เรื่องจริงเราจะเจอปัญหาการแก้สมการแบบนี้ในชีวิตจริงด้วยหรือค่ะ เอาเวลาไปฝึกภาษาไม่ดีกว่าหรือ แต่ผมอยากบอกว่าตอนนี้วิชาคณิตศาสตร์ในส่วนของการแก้สมการ ผมได้ใช้จริง ๆ เช่นสมการ 0.9 * 1.15^y >= 4.15 ค่า y ควรมีค่าน้อยที่สุดเท่าใด บางทีเราอาจจะต้องปฎิรูป การสอนคณิตศาสตร์ของเรา โดยเน้นผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง เน้นการนำไปใช้ให้มาก ๆ 04 พฤษภาคม 2013 23:10 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 1 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ เอกสิทธิ์ |
#7
|
|||
|
|||
ขออนุญาตเสนอความเห็น...
ถ้าเป็นเรื่องหนังสือนะครับ ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมีหลักๆประมาณนี้ฮะ ขอเน้นแค่หนังสือคณิตศาสตร์ละกันนะครับ... ก่อนอื่นผมนึกถึงปัจจัยที่เราจัดการได้ก่อน... 1. ชื่อเสียงของผู้แต่ง เวลาผมซื้อหนังสือ ผมจะชอบดูก่อนว่าคนที่เขียนมีดีกรีขนาดไหนในวงการครับ ถ้าเป็นในวงการคณิตศาสตร์ ก็อาจจะพลิกดูก่อนว่าชื่อนี้เป็นใคร เป็น professor ที่มีชื่อเสียงมากหรือเปล่า? ถ้าไม่ได้เป็นนักคณิตศาสตร์แล้วมาเขียนหนังสือคณิตศาสตร์ ผมก็จะดูต่อไปว่าเขาเคยคลุกคลีกับคณิตศาสตร์มากน้อยแค่ไหน มีอะไรมาการันตีความสามารถตัวเองหรือเปล่า? เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการหรืออื่นๆก็น่าจะได้... อย่างน้อยที่สุด ผู้แต่งก็ควรจะสั่งสมอะไรบางอย่างที่การันตีให้เราแน่ใจได้ว่าเขารู้จริงในสิ่งที่เขียนครับ ไม่งั้นผมก็เสียเงินไปฟรีๆ เรื่องอะไรจะยอม... 2. คุณภาพของหนังสือ อันนี้ต่างจากข้อแรกตรงที่ว่า ข้อแรกคนซื้อไม่ต้องพิจารณาไตร่ตรองด้วยตัวเอง แค่ไปไล่ดูประวัติของคนเขียนก็พอ แต่ข้อนี้กลับกัน คือปิดชื่อคนเขียนไปเลย แล้วก็ค่อยๆดู Preface ค่อยๆดู Introduction ว่าเขาเขียนได้น่าสนใจไหม มีการเล่าเรื่องอะไรให้เรารู้สึกว่า "อยากรู้ว่าบรรทัดถัดไปเขาจะพูดอะไร" หรือเปล่า... ถ้าคุณภาพดีจริง เรื่องชื่อเสียงก็อาจจะไม่สำคัญมากครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนจะมีเวลามาสุนทรีย์ค่อยๆละเมียดละไมพิจารณาคุณภาพหนังสือ ถ้าหนังสือเขียนโดยโนเนม บางทีอาจจะไม่เปิดดูข้างในเลยก็ได้ครับ... 3. การโปรโมต อันนี้เป็นลูกเล่นการใช้ชีวิตในสังคมครับ อาจจะตั้งชื่อหนังสือให้น่าดึงดูดใจแต่แรก แค่เห็นชื่อก็รู้สึกว่าอยากซื้อแล้ว หรืออาจจะมีโฆษณาจากทางอื่นๆมาก่อน ลองดูวิธีการโปรโมตจาก GTH ที่ทำกับหนังเรื่องพี่มากก็ได้ครับ เกิน 500 ล้านไปแล้ว ทั้งที่เนื้องานก็ไม่น่าจะถือได้ว่าดีกว่างานชิ้นก่อนๆของ GTH อย่างมีนัยสำคัญมากนัก (คือหนังมันดีมากครับ แต่ "ดีกว่า" งานชิ้นก่อนๆไม่เยอะขนาดที่จะไม่รู้สึกแปลกใจที่รายได้มันมากขนาดนี้) ......................... ส่วนปัจจัยที่เราคุมไม่ได้ก็พวกวัฒนธรรมการอ่านหนังสือในบ้านเรา อันนี้ทำใจครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสนใจอ่านหนังสือ โดยเฉพาะตำราทางวิชาการ เพราะงั้นเขียนมาขายในไทย อาจจะต้องทำใจขาดทุนไว้แต่แรกเลยแหละครับ อาเมน!!! |
#8
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
|
#9
|
||||
|
||||
แต่ที่ผมสังเกตอย่าง ถ้าให้อ่านฟรีคนdownloadเต็ม
|
#10
|
|||
|
|||
ที่ผมพูดไปคือสาเหตุที่ผมเดาว่าอาจจะมีคนคิดแบบนี้น่ะครับ
ส่วนตัวผมเองไม่ได้ซื้อหนังสือคณิตศาสตร์ภาษาไทยมานานมากแล้วครับ จริงๆสมัยก่อนเคยซื้อหนังสือภาษาไทยเพราะอยากสนับสนุนคนไทยด้วยกัน (ไม่ใช่แค่หนังสือคณิตศาสตร์ หนังสือทุกประเภทที่ผมสนใจ) แต่หลังๆเริ่มรู้สึกว่า ถ้าคุณภาพสู้ไม่ได้จริงๆก็ไม่เอาดีกว่า หนังสือทั่วไปแปลมายังพอโอเค แต่หนังสือคณิตศาสตร์ที่แปลมา อ่านดูแล้วรู้สึกว่าทำได้ไม่ค่อยดีครับ บางที font สมการไม่กลืนไปกับตัวหนังสือภาษาไทย หรือใหญ่กว่าเล็กกว่าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ก็แอบหงุดหงิดแล้ว... จริงปัญหาหลักๆคือหลังๆ "หนังสือเยอะจนไม่มีที่เก็บ" ครับ เลยต้องเข้มงวดกับแต่ละเล่มที่จะเข้ามาในบ้านหน่อย ก่อนหน้านี้หลายเดือนผมเริ่มใช้มาตรการว่า เวลาจะซื้อหนังสือเล่มไหนก็ตาม ผมจะถามตัวเองว่า "ถ้าต้องเก็บรักษาดูแลหนังสือเล่มนี้ไปอีก 50 ปี จะโอเคไหม?" หนังสือภาษาไทย(ที่คนไทยเขียน ไม่ใช่หนังสือแปล)ที่เข้ามาเลยน้อยลงไปแบบแทบไม่เหลือเลยครับ เพิ่งมาสังเกตเมื่อไม่นานมานี้ ถึงได้รู้ตัวว่าฝีมือคนไทยยังห่างกับต่างชาติอยู่พอสมควรเลยนะ... (แน่นอนว่าผมไม่ได้แอนตี้หนังสือไทยครับ ถ้าคุณภาพเทียบเท่าหนังสือดีๆจากต่างประเทศ และก็เขียนอยู่ในขอบข่ายความสนใจของผมจริงๆ ผมก็คิดว่าไม่เสียดายเงินถ้าจะต้องซื้อแน่นอนครับ พร้อมให้โอกาสเพื่อนร่วมชาติด้วยกันเสมอ) |
#11
|
||||
|
||||
คุณเอกสิทธฺ์ครับ ในเรื่องหนังสือผมคงไม่มีคำแนะนำ แต่ผมบอกได้อย่างหนึ่งว่า ผมดาวน์โหลดเอกสารคณิตศาสตร์มาอ่านเพื่อจะสอนให้ลูก เนื้อหาม.ปลายนั้นมีให้โหลดฟรี ดี และเยอะมากจนตาลาย โดยเฉพาะe-bookเล่มมหาคัมภีร์หนา 800หน้าของคูณคณิต ข้อสอบต่างๆสำหรับสอบเข้ามหาลัยทั้งตัวข้อสอบและเฉลยก็มีให้โหลดเพียบ ดังนั้นหนังสือคณิตแนวเตรียมสอบเข้ามหาลัยค่อนข้างจะมีคู่แข่งเยอะ ถ้าจะทำแนวเสริมความรู้ ผมบอกเลยว่านักเรียนหรือผู้ใหญ่ที่สนใจคณิตศาสตร์นั้นมีกลุ่มเล็กๆเท่านั้น และยิ่งในเนตมีหนังสือ เอกสารที่โหลดมาอ่านเองได้อีกเพียบ การทำหนังสือเพื่อกลุ่มเป้าหมายนี้คงจะไปยาก
ผมก็เพิ่งได้ยินจากหมอรุ่นน้องที่ไปเรียนต่อที่ศิริราชว่า อาจารย์หมอเล่าให้ฟังอีกทีว่า เวลาเลือกนักเรียนเข้าไปเรียนแพทย์ถ้าคะแนนคณิตไม่ถึงครึ่งก็คัดออก แม้ว่าจะได้คะแนนวิชาอื่นเยอะ ถึงจะได้ชีวะถึง 80ก็ยังไม่แน่ เพราะคณิตเป็นวิชาที่ใช้เรื่องของตรรกะและเป็นแม่แบบในการใช้แก้ปัญหา บอกเด็กที่คุณติวเลยว่ามีผลแน่ๆ และแม้จะไม่เรียนหมอ ผมก็เชื่อว่าตรรกะและการแก้ปัญหาของคนที่เก่งคณิตนั้นดีกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน ข้อต่อมาในเรื่องของชีวิตส่วนตัว ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ของอาจารย์คิมรันโด"พันครั้งที่หวั่นไหว กว่าจะเป็นผู้ใหญ่" ผมกำลังนั่งอ่านอยู่ ลองอ่านเรื่องไผ่ขน เหมาจู๋ หลังจากหว่านเมล็ดแล้วจะไม่มีอะไรงอกจากดิน จนกว่าจะครบห้าปี หน่อจึงจะแทงยอดวันละหลายสิบเซนต์ในวันเดียวจนเป็นไผ่สูง ๒๕ เมตรได้ เช่นเดียวกับการต้มน้ำเมื่ออุณหภูมิยังไม่ถึง ๑๐๐ องศา ก็ยังจะดูเหมือนไม่มีอะไร จนถึงอุณหภูมิแล้วน้ำจะกลายเป็นไอ "เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด คุณต้องอดทนรอให้ช่วงเวลาที่ล้มเหลวผ่านพ้นไป" "ถ้าไม่มีอุปสรรคก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ ต้องเจ็บปวดพันครั้งจึงจะเป็นผู้ใหญ่" "เพราะการเจออุปสรรคเล็กน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะอุปสรรคที่เกิดขึ้นก็คือเส้นทางปกติที่เราใช้ก้าวเดินข้ามผ่านสู่ การเป็นผู้้ใหญ่ " คำปลอบเพียงประโยคเดียวที่อ.คิมรันโดแนะนำชายหนุ่มผู้ท้อแท้กับมรสุมชีวิตจนถึงขั้นเกือบจะฆ่าตัวตาย "Amor Fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ" ถ้าไม่รักชะตาชีวิตตัวเองแล้ว คงไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆได้ "ขอให้คุณตระหนักถึงชะตาชีวิตของตัวเอง จงอดทนและผูกมิตรกับโชคชะตา" ในเกมชีวิต ไม่มีใครกำหนดว่าเราต้องดิ้นรนตลอดเวลา เรากำหนดได้เองว่าเราอยากพักเมื่อไหร่ ถ้าคุณคิดว่าเหนื่อย ก็นั่งพักก่อน รอแรงกายแรงใจฟื้น ค่อยลงไปเล่นเกมชีวิตต่อ เชื่อผมเถอะไม่ได้มีใครบังคับคุณ คุณต่างหากที่ยังไม่ยอมนั่งพักเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจที่อ่อนล้า การได้พักจะทำให้คุณมองเห็นอะไรดีขึ้นและต่างจากจุดที่คุณอยู่ ผมเชื่ออย่างนั้น!
__________________
"ถ้าเราล้มบ่อยๆ ในที่สุดเราจะรู้ว่าถ้าจะล้ม ล้มท่าไหนจะเจ็บน้อยที่สุด และรู้อีกว่าต่อไปทำยังไงจะไม่ให้ล้มอีก ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะล้ม"...อาจารย์อำนวย ขนันไทย ครั้งแรกในชีวิตที่สอบคณิตสมาคมคณิตศาสตร์เมื่อปี2533...ผมได้แค่24คะแนน(จากร้อยคะแนน) 05 พฤษภาคม 2013 10:26 : ข้อความนี้ถูกแก้ไขแล้ว 4 ครั้ง, ครั้งล่าสุดโดยคุณ กิตติ เหตุผล: เพิ่มรูป |
|
|